4 เหตุผล บริษัทปลดคนออก ‘ลดต้นทุน-AI-เศรษฐกิจ-ปิดกิจการ’

4 เหตุผล บริษัทปลดคนออก ‘ลดต้นทุน-AI-เศรษฐกิจ-ปิดกิจการ’ ดันยอดเลย์ออฟ 10 เดือนแรกปีนี้ ทะลุยอดทั้งปี 2567 รายงานระบุ DOGE จุดกระแสการ 'ลดต้นทุน' สะท้อนตลาดแรงงานกำลังชะลอตัว
รายงานจากบริษัท Challenger, Gray & Christmas ซึ่งเป็นบริษัทจัดหางาน พบว่าสถานการณ์การจ้างงานในสหรัฐอเมริกาน่าเป็นห่วงอย่างมาก เนื่องจากนายจ้างได้ประกาศ ลดตำแหน่งงานจำนวนมาก สูงถึง 153,074 ตำแหน่งในเดือนต.ค.ที่ผ่านมา เป็นอัตราการเลิกจ้างที่สูงสุดในรอบกว่า 20 ปี
สถานการณ์นี้ทำให้ 10 เดือนที่ผ่านมา นับตั้งแต่ต้นปีจนถึงเดือนต.ค. นายจ้างในสหรัฐ ได้ประกาศเลิกจ้างพนักงานรวมแล้วสูงถึง 1,099,500 ตำแหน่ง เพิ่มขึ้น 65% เมื่อเทียบกับช่วง 10 เดือนแรกของปี 2567 ซึ่งทะลุยอดรวมการเลิกจ้างของปีที่แล้วทั้งปีที่ 761,358 ตำแหน่ง สะท้อนให้เห็นว่าตลาดแรงงานกำลังชะลอตัวลงอย่างรวดเร็ว
4 เหตุผลปลดคนออกเดือนต.ค.
รายงานยังเผยถึง 4 เหตุผลหลักที่บีบให้บรรดาบริษัท และนายจ้างต้องประกาศเลย์ออฟ
- การ "ลดต้นทุน" ถูกอ้างถึงเป็นเหตุผลหลักในการลดตำแหน่งงานถึง 50,437 ตำแหน่ง ในเดือนต.ค.เพียงเดือนเดียว
- ปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI เป็นปัจจัยสำคัญอันดับ 2 ซึ่งส่งผลให้มีการลดตำแหน่งงานไป 31,039 ตำแหน่ง ในเดือนต.ค. เนื่องจากบริษัทต่างๆ นำระบบอัตโนมัติมาใช้ และปรับโครงสร้างองค์กร และหากนับรวมตั้งแต่ต้นปี AI เป็นสาเหตุที่ทำให้มีการลดตำแหน่งงานไปแล้วถึง 48,414 ตำแหน่ง
- ภาวะตลาด และเศรษฐกิจที่ไม่เอื้ออำนวย ทำให้มีการลดพนักงานเพิ่มอีก 21,104 ตำแหน่ง ในเดือนตุลาคม และรวมเป็น 229,331 ตำแหน่ง ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน
- การปิดร้านค้า, หน่วยงาน, และโรงงาน ก็ทำให้มีการลดพนักงานไป 16,739 ตำแหน่ง ในเดือนตุลาคม และรวมเป็น 161,391 ตำแหน่ง ตลอดทั้งปี
นอกจากนี้ มีการประกาศ "ปรับโครงสร้างองค์กร" ในเดือนต.ค.ถึง 7,588 ครั้ง และรวมเป็น 108,038 ครั้ง ในปี 2568 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการปรับตัวของบริษัท
บริษัทไม่ได้แค่ประกาศเลิกจ้างจำนวนมากเท่านั้น แต่ จำนวน "แผนการลดตำแหน่งงาน" เกือบ 450 แผน ซึ่งสูงขึ้นเมื่อเทียบกับเกือบ 400 แผนในเดือนก.ย.
DOGE จุดกระแส ‘เลย์ออฟ’
รายงานระบุว่าผลกระทบจาก DOGE หรือ “กระทรวงประสิทธิภาพ” ที่ทรัมป์ตั้งขึ้นหลังจากเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีไม่นาน ซึ่งเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้นายจ้างประกาศลดตำแหน่งงานไปแล้วถึง 293,753 ตำแหน่งในปีนี้
รายงานระบุว่า โครงการประสิทธิภาพรัฐบาล (DOGE) ซึ่งเป็นโครงการของกระทรวงที่มุ่งเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของภาครัฐ ได้ส่งผลให้มีการ ลดการจ้างงานภาครัฐลงไปแล้วกว่า 290,000 ตำแหน่ง ตัวเลขนี้ครอบคลุมทั้งพนักงานรัฐบาลกลางโดยตรง และผู้รับเหมาที่ทำงานให้กับรัฐบาล
นักวิเคราะห์บางรายประเมินว่า การสูญเสียตำแหน่งงานที่ได้รับผลกระทบจาก DOGE อาจพุ่งสูงถึง 300,000 ถึง 400,000 ตำแหน่ง ภายในสิ้นปีนี้
ณ กลางปี 2568 การเลิกจ้างที่เกี่ยวข้องกับ DOGE โดยตรงมีจำนวนเกือบ 300,000 ตำแหน่งแล้ว แต่ยังมีตำแหน่งงานในภาคเอกชน และองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรที่ได้รับผลกระทบทางอ้อม เนื่องจากการ ลดเงินช่วยเหลือ และลดการจัดซื้อจัดจ้างของรัฐบาลกลาง
นักเศรษฐศาสตร์ประเมินว่า เมื่อรวมพนักงานตามสัญญาจ้าง และผลกระทบต่อเนื่องเข้าไปด้วย กิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับ DOGE อาจส่งผลกระทบต่อตำแหน่งงานเกือบ 1 ล้านตำแหน่งทั่วทั้งเศรษฐกิจ
อย่างไรก็ตาม Usha Haley ศาสตราจารย์จาก Wichita State University กล่าวว่า การลดตำแหน่งงานภายใต้โครงการ DOGE ส่วนใหญ่เป็นการ "ปรับโครงสร้าง" และมีแนวโน้มที่จะส่งผลกระทบต่อภาคส่วนสาธารณะในระยะยาวอย่าง "ถาวร" ไม่ใช่แค่การหยุดงานชั่วคราว
แผนเลิกจ้างหมู่ในอังกฤษพุ่ง 5%
นอกเหนือจากสหรัฐอเมริกา กระแสการเลิกจ้างทั่วโลก จำนวนโครงการเลิกจ้างหมู่ที่บริษัทต่างๆ ในสหราชอาณาจักรเพิ่มขึ้น 5% ในช่วงปีที่ผ่านมา สาเหตุหลักของการเพิ่มขึ้นนี้มาจากการเตรียมพร้อมรับมือกับ ร่างกฎหมายสิทธิการจ้างงานฉบับใหม่ที่กำลังจะบังคับใช้ และการนำเทคโนโลยี AI มาใช้งานในองค์กรมากขึ้น ซึ่งทำให้บริษัทต้องปรับลดขนาดพนักงานลง
ข้อมูลจากบริษัทกฎหมาย TWM Solicitors ระบุว่า จำนวนโครงการเลิกจ้างหมู่ที่เสนอได้เพิ่มขึ้นจาก 3,546 โครงการในปีก่อนหน้า เป็น 3,715 โครงการ ในปีงบประมาณ 2567 โดยรวมแล้ว แผนเหล่านี้ส่งผลกระทบ และนำไปสู่การเลิกจ้างพนักงานรวมทั้งสิ้นประมาณ 267,800 ตำแหน่งในปีที่ผ่านมา
“ภาคการผลิต” เป็นแผนกที่ได้รับผลกระทบมากขึ้นมากที่สุดถึง 12% หรือคิดเป็น 630 โครงการ ขณะที่กลุ่มหน่วยงานภาครัฐ, การศึกษา และสาธารณสุข มีอัตราการเพิ่มขึ้นที่รวดเร็วที่สุด โดยมีการเสนอแผนเลิกจ้างเพิ่มขึ้นถึง 19% ส่วนภาคการธนาคาร และการเงิน มีการเพิ่มขึ้นของการแจ้งเตือนแผนเลิกจ้างในอัตราที่น้อยกว่า
‘เยอรมนี’ เกิดวิกฤติเลิกจ้าง แรงกดดันอุตสาหกรรมยานยนต์
อุตสาหกรรมยานยนต์ และบริษัทซัพพลายเออร์ที่เกี่ยวข้องในประเทศเยอรมนี และทั่วยุโรปกำลังเผชิญกับภาวะวิกฤติที่รุนแรงถึงขั้น "หายนะ" ผู้ผลิตรถยนต์ และชิ้นส่วนรายใหญ่ของโลก เช่น Volkswagen, Mercedes, Bosch, ZF, Porsche, Ford, และ Audi ต่างก็กำลัง ประกาศลดจำนวนพนักงานลงอย่างต่อเนื่อง และเป็นจำนวนมาก ซึ่งพุ่งสูงถึง "หลักหมื่น"
ผลการศึกษาวิจัยของบริษัทที่ปรึกษา EY พบว่างานในอุตสาหกรรมยานยนต์ในเยอรมนีกว่า 50,000 ตำแหน่งถูกทำลายภายในเวลาเพียง 1 ปี
- โฟล์คสวาเกน (Volkswagen) กำลังดำเนินโครงการปรับโครงสร้างองค์กรครั้งใหญ่ โดยมีแผนจะลดตำแหน่งงานลงถึง 35,000 ตำแหน่ง ทั่วโลก โดยพนักงานที่ถูกปลดประมาณ 1 ใน 4 ของทั้งหมด หรือกว่า 8,750 ตำแหน่ง จะอยู่ในประเทศเยอรมนี นอกเหนือจากการปลดพนักงานแล้ว ยังมีการ ลดค่าจ้าง และเงินเดือนลงถึง 20% อีกด้วย
- ฟอร์ด (Ford)ได้ตัดสินใจ ปิดโรงงานผลิตรถยนต์ในเมืองซาร์หลุยส์ ประเทศเยอรมนี อย่างเป็นทางการแล้ว เดิมโรงงานนี้มีพนักงานอยู่ 7,000 คน แต่หลังจากการปิดตัวลง จะมีพนักงานเหลืออยู่เพียงแค่ ประมาณ 1,000 คน เท่านั้น ซึ่งพนักงานที่เหลือ 1,000 คนนี้จะรับหน้าที่เป็น "ทีมรื้อถอน" หรือทีมจัดการการปิดโรงงาน
โรงงานแม่ของฟอร์ดที่เมืองโคโลญจน์ ซึ่งเป็นที่ตั้งหลัก และยังคงมีพนักงานเหลืออยู่ถึง 11,000 คน ก็กำลังตกอยู่ในภาวะวิกฤติจากแผนการปิดกิจการเช่นกัน แม้จะยังไม่ปิดตัว แต่คณะกรรมการบริหารก็ได้ออกมาประกาศแล้วว่า จะมีการ ลดจำนวนพนักงานลงอย่างมหาศาล ในโรงงานแห่งนี้
- บ๊อช (Bosch) ซึ่งเป็นซัพพลายเออร์ชิ้นส่วนยานยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก กำลังดำเนินแผน ปลดพนักงานรวม 22,000 ตำแหน่ง โดยเริ่มประกาศปลดพนักงาน 9,000 ตำแหน่งตั้งแต่ปีที่แล้ว และตัวเลขกระโดดเป็น 13,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย.ที่ผ่านมา
อ้างอิง challengergray cityam wsws
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์







