ต่างชาติแห่ซื้อ 'บอนด์ไทย' 10 ปี เก็ง ธปท. ลดดอกเบี้ยสู้ภาวะเงินฝืด

ตลาดโลกแห่ซื้อพันธบัตรไทยระยะยาวอายุ 10 ปี เห็นโอกาสทำกำไรจาก 'เงินฝืด' จาก 2 ปัจจัยหลัก คาด ธปท. ลดดอกเบี้ย 0.25% พยุงเศรษฐกิจ
บลูมเบิร์ก รายงานว่า “พันธบัตรรัฐบาลระยะยาว” ของประเทศไทยกำลังเป็นที่สนใจของนักลงทุนทั่วโลกอีกครั้ง หลังจากที่ถูกเทขายอย่างรุนแรงเมื่อเดือนต.ค.แล้วผ่านมา สาเหตุหลักมาจากการที่ประเทศไทยเผชิญกับ “ภาวะเงินฝืด” อย่างต่อเนื่อง ซึ่งทำให้นักลงทุนคาดการณ์ว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะต้องลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกครั้งเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
ขณะเดียวกัน พันธบัตรรัฐบาลไทยอายุ 10 ปี กำลังเริ่มกลับมามีเสถียรภาพ และทรงตัวได้แล้ว หลังจากที่ราคาได้ตกลงอย่างหนักที่สุดในรอบกว่า 2 ปี ในเดือนต.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเกิดขึ้นหลังจากที่ ธปท. ตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยไว้ ซึ่งสวนทางกับความคาดหวังของตลาดที่คาดการณ์ว่า ธปท. จะลดอัตราดอกเบี้ยลง
2 ปัจจัยดึงต่างชาติ สนใจลงทุน ‘บอนด์ไทย’
ในมุมมองของ M&G Investments ตลาดพันธบัตรไทยประสบภาวะซบเซาลงเนื่องจากความกังวลหลักๆ 2 ประการ คือ การที่รัฐบาลออกพันธบัตรมาเป็นจำนวนมาก และ ความต้องการพันธบัตรลดลงในการประมูลล่าสุด
อย่างไรก็ตาม แม้จะมีปัจจัยกดดันด้านอุปทานนี้ แต่พันธบัตรไทยกำลังกลับมาน่าสนใจอีกครั้ง เพราะนักลงทุนคาดการณ์ว่า ธปท.อาจปรับลดดอกเบี้ยลงอีกครั้ง ประกอบกับ “เงินเฟ้อ” ยังอยู่ในระดับที่ควบคุมได้ และสภาพคล่องในระบบธนาคารพาณิชย์ที่มีเพียงพอ ทำให้ปัจจัยทางเศรษฐกิจมหภาคเหล่านี้ช่วยเพิ่มแรงดึงดูดในการลงทุนพันธบัตรไทย
พีรัมภา จันทร์จำรัสแสง ผู้จัดการกองทุน ประจำสิงคโปร์ของ M&G Investments มองว่า พันธบัตรระยะยาว ได้ปรับราคาลงมาจนอยู่ในระดับที่น่าสนใจสำหรับการเข้าซื้อหรือ "มีมูลค่า" เมื่อเทียบกับความเสี่ยง และผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับ ทำให้นักลงทุนต่างชาติมีแนวโน้มที่จะเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลไทยเพิ่มขึ้นในช่วงที่ราคาอ่อนตัวลง เนื่องจากปัจจุบันสัดส่วนการลงทุนในพันธบัตรไทยจากนักลงทุนต่างชาติยังต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐานที่ควรจะเป็น
นักลงทุนต่างชาติยังคงมีน้ำหนักการลงทุนต่ำกว่าเกณฑ์ โดยเฉลี่ยแล้ว ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา นักลงทุนต่างชาติเคยซื้อพันธบัตรไทยสุทธิที่ระดับประมาณ 5.67 พันล้านดอลลาร์ ต่อปี ซึ่งสูงกว่าตัวเลข 1.7 พันล้านดอลลาร์ของปีล่าสุดถึง 3 เท่า สะท้อนว่ามีโอกาสที่จะเพิ่มการถือครองพันธบัตรไทยได้อีกมาก
การที่นักลงทุนต่างชาติยังถือครองพันธบัตรไทยในสัดส่วนที่ต่ำกว่าปกติเมื่อเทียบกับในอดีต อาจเป็นปัจจัยสำคัญที่กระตุ้นให้สนใจเข้าร่วมการประมูล “พันธบัตรอายุ 10 ปี” เมื่อวันที่ 29 ต.ค.
พีรัมภา จันทร์จำรัสแสง จาก M&G Investments ชี้ว่า ความต้องการพันธบัตรในการประมูลครั้งนี้ "ส่วนใหญ่มาจากนักลงทุนต่างชาติ" แม้ว่าราคาที่นักลงทุนเสนอซื้อโดยรวมในการประมูลครั้งนั้นจะต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือน ก.ค.ก็ตาม
พูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทยมองว่านักลงทุนพันธบัตรต่างชาติยังคงเข้าร่วมการประมูลพันธบัตรอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากคาดหวังว่า ธปท.จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกครั้ง เพราะมีสัญญาณบ่งชี้ว่า “เศรษฐกิจไทย” มีแนวโน้มชะลอตัวลง
พีรัมภา ให้ความเห็นว่า นักลงทุนไทยในประเทศมีน้ำหนักการลงทุนเกินเกณฑ์ในพันธบัตรรัฐบาลตอนนี้ จึงมีแนวโน้มที่จะไม่กระตือรือร้นที่จะซื้อพันธบัตรเพิ่มเติมในระดับราคา และผลตอบแทนปัจจุบัน ที่ไม่ค่อยจูงใจนัก
แห่ซื้อบอนด์ไทย เก็ง ธปท. ลดดอกเบี้ย
แม้ว่ากระทรวงการคลังของไทยจะเพิ่งปรับเพิ่มคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจในปีนี้เป็น 2.4% จากเดิม 2.2% แต่นักลงทุนกลับมีมุมมองในแง่ลบมากกว่า โดยผลสำรวจของ Bloomberg คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวเพียง 2.1% ในปีนี้ และคาดว่าอัตราการเติบโตจะ ชะลอตัวลงไปอีก เหลือเพียง 1.8% ในปี 2569
สำหรับผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยอายุ 10 ปี คาดว่าจะลดลงเหลือ 1.40% ภายในไตรมาสนี้ตัวเลขนี้เป็นค่ามัธยฐานจากการสำรวจนักยุทธศาสตร์ของ Bloomberg การลดลงนี้คิดเป็นประมาณ 0.30% จากระดับปัจจุบันซึ่งอยู่ที่ประมาณ 1.7% แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่านักลงทุนคาดการณ์ว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายจะถูกปรับลดลง เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ซึ่งสอดคล้องกับการที่ไม่เชื่อมั่นในตัวเลขการเติบโตที่กระทรวงการคลังปรับเพิ่มขึ้น
พูน แสดงความเห็นว่า นักลงทุนต่างชาติยังคงซื้อพันธบัตรไทยในระดับอัตราผลตอบแทนปัจจุบัน โดยมองว่าหาก ธปท. ลดดอกเบี้ยลง 0.25% จริงตามที่ตลาดคาด อัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่ 1.70% ณ ขณะนี้จะถือว่าเป็น “จุดที่คุ้มค่า” ในการล็อกผลตอบแทนไว้ก่อนที่อัตราดอกเบี้ยในตลาดจะปรับลดลงตามการตัดสินใจของ ธปท.
อ้างอิง Bloomberg
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์







