กำไรโตโยต้า ‘ร่วงแรง 27%’ ภาษีทรัมป์ฉุดส่งออก ต้นทุนพุ่ง

กำไรโตโยต้าร่วงแรง ‘เกือบ 28%’ ในไตรมาสกันยายน ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาด แม้รายได้รวมจะเติบโต 8% แต่ค่ายรถญี่ปุ่นยังเดินหน้า ‘ปรับเพิ่มประมาณการ’ กำไรทั้งปี หลังอานิสงส์ยอดขายในญี่ปุ่น และอเมริกาเหนือ หนุนกำลังฟื้นตัว
สำนักข่าวซีเอ็นบีซี รายงานว่า ค่ายรถ “โตโยต้า มอเตอร์” มีกำไรไตรมาสกันยายน “ลดลงเกือบ 28%” เมื่อเทียบกับปีก่อน ซึ่ง “ต่ำกว่า” ที่นักวิเคราะห์คาดไว้ ขณะที่รายได้เพิ่มขึ้นกว่า 8%
สำหรับผลประกอบการไตรมาสกันยายน เทียบกับประมาณการเฉลี่ยจาก LSEG มีดังนี้
- รายได้: 12.38 ล้านล้านเยน เทียบกับที่คาด 12.18 ล้านล้านเยน
- กำไรจากการดำเนินงาน: 834,000 ล้านเยน เทียบกับที่คาด 863,100 ล้านเยน
อย่างไรก็ตาม บริษัทได้ประกาศ “ปรับเพิ่ม” ประมาณการกำไรจากการดำเนินงานประจำไตรมาสมีนาคม โดยปรับเป็น 3.4 ล้านล้านเยน จากเดิม 3.2 ล้านล้านเยน แม้คาดว่าจะได้รับผลกระทบจากภาษีศุลกากรสหรัฐมูลค่า 9,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 2.9 แสนล้านบาท) ก็ตาม
โตโยต้าระบุในรายงานผลประกอบการว่า “แม้จะได้รับผลกระทบจากภาษีสหรัฐ แต่ความต้องการที่แข็งแกร่ง ซึ่งได้รับแรงหนุนจากความสามารถในการแข่งขันของผลิตภัณฑ์ของเรา ช่วยให้ยอดขายเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในญี่ปุ่น และอเมริกาเหนือ และช่วยขยายกำไรจากห่วงโซ่คุณค่า”
สำหรับกำไรจากการดำเนินงานที่ลดลงอย่างต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่สอง เกิดขึ้นจากสหรัฐเริ่มใช้ “ภาษีตอบโต้” ในเดือนเมษายน ที่ผ่านมา แม้ญี่ปุ่นจะบรรลุดีลการค้ากับปธน.ทรัมป์ในเดือนกรกฎาคม ก็ตาม เพื่อลดภาษีนำเข้ารถยนต์ญี่ปุ่นจาก 25% เหลือ 15% โดยเริ่มมีผลตั้งแต่ 7 สิงหาคม 2568
ทั้งนี้ ยอดส่งออกรถยนต์ญี่ปุ่นไปสหรัฐลดลงอย่างหนัก โดยมูลค่าการส่งออกในเดือนกันยายน ลดลง 24.2% จากปีก่อนหน้า และลดลงเล็กน้อยจากเดือนสิงหาคม ที่ลดลง 28.4%
โตโยต้าระบุว่า ภาษีนำเข้าของสหรัฐ “เป็นปัจจัยหลักที่ฉุดกำไร” ขณะที่อัตราแลกเปลี่ยน และต้นทุนในประเทศที่สูงขึ้น ก็กระทบรายได้ในญี่ปุ่น
แม้โตโยต้าจะมีฐานการผลิตในอเมริกาเหนือขนาดใหญ่ แต่ราว 1 ใน 5 ของยอดขายในสหรัฐ ยังคงพึ่งการนำเข้าจากญี่ปุ่น โดยบริษัทเลือกที่จะ “รับภาระต้นทุนภาษีเอง” แทนที่จะผลักให้ผู้บริโภค ตามคำกล่าวของลิส ลี ผู้อำนวยการจาก Counterpoint Research
ลิส ลี กล่าวกับซีเอ็นบีซีว่า “เราคาดว่าความสามารถในการทำกำไร ยังคงถูกกดดันในไตรมาสปัจจุบันจากแรงกดดันของภาษี และค่าเงิน ก่อนจะเริ่มฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปในไตรมาสมีนาคม”
เธอเสริมว่า “ความสามารถในการทำกำไรของโตโยต้า น่าจะฟื้นตัวเล็กน้อยในปีงบประมาณหน้า หากต้นทุนการค้าคงที่ และค่าเงินเยนอ่อนลง แต่การแข่งขันในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าที่รุนแรงขึ้น จะยังจำกัดโอกาสการเติบโต”
ในด้านยอดขาย โตโยต้ารายงานว่า ยอดขายทั่วโลกยังแข็งแกร่ง โดยยอดขายรถยนต์ (รวมแบรนด์หรู Lexus) ในช่วง 9 เดือนถึงกันยายนอยู่ที่ 5.3 ล้านคัน เพิ่มขึ้น 4.7% จากปีก่อน โดยบริษัทระบุว่า จะเดินหน้าเพิ่มยอดขาย ลดต้นทุน และขยายกำไรอย่างต่อเนื่อง
อ้างอิง: cnbc
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์







