Spiritual Tourism เฟื่องทั่วเอเชีย อินเดีย–จีน แข่งยึดโอกาส 'เศรษฐกิจศรัทธา'

ในโลกที่เต็มไปด้วยความความวุ่นวาย “ความสงบ” กำลังกลายเป็นสินค้าที่มีค่าที่สุดของศตวรรษนี้ การเดินทางเพื่อฟื้นฟูจิตใจไม่ใช่ความฟุ่มเฟือย แต่เป็นการลงทุนเพื่อความหมายของชีวิต และทำให้ 'Spiritual Tourism' เฟื่องฟู

แนวโน้มการท่องเที่ยวที่มาแรงในเอเชียเวลานี้ อาจไม่ใช่ทริปชอปปิงหรือธรรมชาติ หากแต่หันมาเป็น “Spiritual Tourism” หรือการท่องเที่ยวเชิงจิตวิญญาณ ที่เน้นเดินทางเพื่อแสวงหาความสงบ ความหมาย และการเชื่อมโยงกับตัวเองมากกว่าความบันเทิงแบบเดิม

ในเมืองพาราณสี บาหลี หรือเชียงใหม่ ภาพของนักท่องเที่ยวที่จุดธูปขอพรพร้อมถือสมาร์ตโฟนไว้ในมือ กลายเป็นสัญลักษณ์ของยุคที่ความศักดิ์สิทธิ์ถูกรีแบรนด์ให้เข้ากับชีวิตโซเชียล โลกของศรัทธากำลังแปรเปลี่ยนเป็นเศรษฐกิจแห่งประสบการณ์

Spiritual Tourism เฟื่องทั่วเอเชีย อินเดีย–จีน แข่งยึดโอกาส \'เศรษฐกิจศรัทธา\'

รายงาน Lifestyle Strategy APAC: Spiritual Tourism Boom ของ WGSN ชี้ว่า เอเชียแปซิฟิกกำลังกลายเป็น “ศูนย์กลางทางจิตวิญญาณของโลก” กว่าครึ่งของการเดินทางทั่วโลกเกี่ยวข้องกับกิจกรรมทางศาสนาและการดูแลจิตใจ โดยเฉพาะในอินเดีย จีน ไทย ญี่ปุ่น และอินโดนีเซีย ซึ่งกำลังผสานความศักดิ์สิทธิ์เข้ากับเศรษฐกิจสร้างสรรค์อย่างเป็นระบบ

การเปลี่ยนแปลงนี้สะท้อนให้เห็นว่าการแสวงบุญไม่จำกัดอยู่แค่พิธีกรรมอีกต่อไป แต่กลายเป็นการแสวงหาประสบการณ์ที่ครบทั้งมิติทางวัฒนธรรม สุขภาวะ และอัตลักษณ์ ตอบโจทย์ผู้คนที่เหนื่อยล้าจากชีวิตการทำงาน

Spiritual Tourism เฟื่องทั่วเอเชีย อินเดีย–จีน แข่งยึดโอกาส \'เศรษฐกิจศรัทธา\'

ในมิติทางเศรษฐกิจ ขนาดของตลาดนี้เติบโตอย่างก้าวกระโดด  อินเดียคาดว่าภายในปี 2028 การท่องเที่ยวเชิงจิตวิญญาณจะมีมูลค่าประมาณ 59,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และสร้างการจ้างงานใหม่มากกว่า 100 ล้านตำแหน่ง ขณะที่จีนเดินหน้าผลักดัน “Temple Economy” ซึ่งมีมูลค่าราว 13,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ตัวเลขเหล่านี้สะท้อนว่า การเดินทางที่เคยเป็นเพียงเรื่องของศรัทธา กำลังกลายเป็นเครื่องจักรเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่ไม่เพียงสร้างรายได้และการจ้างงาน แต่ยังขับเคลื่อนภูมิภาคเอเชียให้เติบโตบนฐานของความหมายและคุณค่าทางจิตวิญญาณ

แรงขับเคลื่อนสำคัญของเทรนด์นี้มาจาก 2 ทิศทาง หนึ่งคือภาครัฐที่เร่งลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับกระแสความสนใจ เช่น โครงการ PRASAD ของอินเดียที่มุ่งพัฒนาเมืองแสวงบุญให้มีความสะดวกและปลอดภัย หรือการที่จีนผลักดันพื้นที่มรดกโลกอย่างภูเขาอู่ไถและเส้นทางประวัติศาสตร์ต่าง ๆ ให้กลายเป็นจุดหมายทางวัฒนธรรมระดับนานาชาติ สองคือการเปลี่ยนแปลงของผู้บริโภค โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ที่ไม่ได้ยึดโยงกับศาสนาใดเป็นพิเศษ แต่กลับแสวงหาความสงบในรูปแบบที่เข้ากับชีวิตสมัยใหม่

ในจีนมีคำว่า “เยาวชนสายธูป” หรือ “Incense-burning Youth” ใช้เรียกคนรุ่นใหม่ที่หันไปขอพรในวัด พิสูจน์ได้จากยอดผู้เข้าชมวัดหย่งเหอในปักกิ่งเพิ่มขึ้นกว่า 500% ในปีเดียว ขณะที่ในอินเดีย การท่องเที่ยวเชิงศรัทธาคิดเป็นกว่า 60% ของการเดินทางภายในประเทศทั้งหมด 

Spiritual Tourism เฟื่องทั่วเอเชีย อินเดีย–จีน แข่งยึดโอกาส \'เศรษฐกิจศรัทธา\'

ตลาดนี้ยังถูกนิยามใหม่ด้วยผู้บริโภค 4 กลุ่มหลัก 

  • กลุ่มที่ 1 “The Modern Pilgrim” หรือ ผู้แสวงบุญยุคใหม่ ที่ต้องการความสะดวกสบายควบคู่กับความศักดิ์สิทธิ์ เช่น ที่พักบูทีค เต็นท์หรู หรือบริการส่งสัมภาระระหว่างเดินทาง แอปอย่าง HENRO Helper ในญี่ปุ่นช่วยให้ผู้แสวงบุญวางแผนเส้นทางกว่า 1,200 กิโลเมตรได้อย่างปลอดภัยและเป็นระบบ ขณะที่ Templestay ในเกาหลีใต้เปิดโอกาสให้ผู้เข้าพักสัมผัสวิถีสงบแบบพระสงฆ์ แต่ยังคงมีความสะดวกสบาย 
  • กลุ่มที่ 2 “The Gen Z Seeker” นักเดินทางสายจิตวิญญาณ โดยเฉพาะ Gen Z ที่ต้องการทริปสั้น กระชับ และแชร์ได้บนโซเชียล ตัวอย่างเช่น Soulshine Bali ที่ผสานโยคะ ดนตรี และความสนุกในบรรยากาศรีทรีตแบบไม่เคร่งขรึมเกินไป 
  • กลุ่มที่ 3 “The Digital Devotee” เน้นศรัทธาผ่านหน้าจอมากกว่าการเดินทางจริง แอปพลิเคชันอย่าง AppsForBharat และ VAMA ในอินเดียเปิดให้ผู้ใช้ทำพิธีออนไลน์ จุดตะเกียงเสมือน หรือส่งของถวายถึงบ้าน ขณะที่วัดในจีนและสิงคโปร์ก็เริ่มใช้คิวอาร์โค้ดรับบริจาคและถ่ายทอดพิธีกรรมแบบไลฟ์สด 
  • กลุ่มที่ 4 “The Luxury Wellness Traveler” นักเดินทางระดับหรูที่ต้องการประสบการณ์สงบแต่พรีเมียม รีสอร์ตอย่าง Six Senses Qing Cheng Mountain ในจีน หรือ Ananda in the Himalayas ในอินเดีย ต่างเป็นตัวอย่างที่ผสานความหรูหรากับพิธีกรรมโบราณได้อย่างลงตัว

สำหรับประเทศไทย การเติบโตของ Spiritual Tourism ถือเป็นโอกาสทางเศรษฐกิจที่น่าสนใจ ซึ่งสามารถต่อยอดได้ผ่านการผสานวัฒนธรรม ศิลปะ และเทคโนโลยีเข้าด้วยกัน ภาพรวมของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยที่มีองค์ประกอบด้านสุขภาวะและจิตวิญญาณเป็นหัวใจสำคัญอยู่แล้ว และกำลังมุ่งสู่เป้าหมายสร้างรายได้รวมราว 87,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2026 

Spiritual Tourism เฟื่องทั่วเอเชีย อินเดีย–จีน แข่งยึดโอกาส \'เศรษฐกิจศรัทธา\'

นโยบายรัฐบาลเองก็เริ่มขยับในทิศทางนี้ ตั้งเป้ามุ่งสร้างผลลัพธ์ระยะสั้นควบคู่กับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้เติบโตต่อเนื่องในระยะยาว และกระจายรายได้อย่างทั่วถึง สอดรับกับจังหวะการขยายตัวของ Spiritual Tourism ที่ไทยมีทุนทางวัฒนธรรมเข้มแข็งอยู่แล้ว

หากสามารถพัฒนาให้เห็นภาพระบบนิเวศครบวงจร ตั้งแต่ผู้ประกอบการท้องถิ่นจนถึงเทคโนโลยีสนับสนุน ก็จะช่วยยกระดับ “ศรัทธาไทย” ให้กลายเป็นพลังเศรษฐกิจสร้างสรรค์ได้อย่างแท้จริง