‘บริษัทซอมบี้’ สหรัฐพุ่งเกือบ 100 แห่ง หลังก่อหนี้มหาศาลในยุคดอกเบี้ย 0%

‘บริษัทซอมบี้’ สหรัฐพุ่งเกือบ 100 แห่ง หลังก่อหนี้มหาศาลในยุคดอกเบี้ย 0%

‘บริษัทซอมบี้’ สหรัฐพุ่งเกือบ 100 แห่ง สูงสุดในรอบ 3 ปี รายได้ไม่พอจ่ายดอกเบี้ย จนเสี่ยงผิดนัดชำระหนี้ โดนพิษดอกเบี้ยแพง-ภาษีศุลกากรถล่ม หลังก่อหนี้มหาศาลในยุคเงินกู้ดอกเบี้ยศูนย์

บลูมเบิร์กรายงานว่า จำนวนบริษัทในสหรัฐอเมริกาที่ถูกจัดว่าเป็น "บริษัทซอมบี้" (Zombie Companies) ได้พุ่งสูงขึ้นทำสถิติใหม่นับตั้งแต่ต้นปี 2565 โดยเฉพาะในเดือนตุลาคม มีบริษัทเกือบ 100 แห่งถูกจัดเข้ากลุ่มนี้ 

"บริษัทซอมบี้" คือ บริษัทที่มี กำไรไม่เพียงพอที่จะครอบคลุมค่าใช้จ่ายดอกเบี้ย ของตนเอง ทำให้ต้องกู้เงินเพิ่มเพียงเพื่อประคองธุรกิจ และจ่ายหนี้เก่า

‘บริษัทซอมบี้’ สหรัฐพุ่งเกือบ 100 แห่ง หลังก่อหนี้มหาศาลในยุคดอกเบี้ย 0%

‘ดอกเบี้ยสูง-ต้นทุนพุ่ง’ ปลุกชีพบริษัทซอมบี้ 

บริษัทซอมบี้เติบโตขึ้นจาก “กับดักดอกเบี้ย” หลายบริษัทจำนวนมากได้ ก่อหนี้ก้อนใหญ่ในช่วงการระบาดโควิด-19 ครั้งใหญ่ ซึ่งเป็นยุคที่อัตราดอกเบี้ยเกือบเป็นศูนย์ แต่เมื่อธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างรวดเร็ว ทำให้บริษัทเหล่านี้ต้องแบกรับภาระทางการเงิน  ซึ่งรวมถึงต้นทุนดอกเบี้ยที่สูงขึ้นมาก

รวมทั้ง บริษัทเหล่านี้ได้รับผลกระทบจาก “ภาษีศุลกากร”  และต้นทุนอื่นๆ ที่เพิ่มขึ้น ทำให้รายได้ลดลง และมีความยากลำบากในการบริหารงบดุล

แนวโน้มในอนาคตดูไม่สดใส เนื่องจากข้อตกลงทางภาษีบางส่วนของสหรัฐต่อนานาประเทศก็ยังคงอยู่ในระดับสูง และเฟดส่งสัญญาณว่าอาจไม่มีการลดอัตราดอกเบี้ย ในการประชุมเดือนธ.ค. ซึ่งหมายความว่าต้นทุนการเงินจะยังคงสูงต่อไป

ทางรอดของ "บริษัทซอมบี้" คือการต้องรีบปรับปรุงงบดุลอย่างเร่งด่วน เช่นหาวิธีสร้างกระแสเงินสด หาแหล่งเงินทุนใหม่ หากไม่สามารถจัดการได้ บริษัทเหล่านี้อาจต้องเผชิญกับ “การผิดนัดชำระหนี้” ในที่สุด

ลิซ แอนน์ ซอนเดอร์ส หัวหน้านักกลยุทธ์การลงทุนของชาร์ลส์ ชวาบ ได้ฉายภาพชัดเจนถึงจุดอ่อนเชิงโครงสร้างของกลุ่มบริษัทซอมบี้ โดยเธอระบุว่า "บริษัทเหล่านี้หลายแห่งแทบจะเอาตัวรอดไม่ได้เลยเมื่อต้องเสียดอกเบี้ยเป็นศูนย์"

คำพูดนี้ตอกย้ำว่า บริษัทซอมบี้ไม่ใช่ผลผลิตของวิกฤติเศรษฐกิจปัจจุบัน แต่เป็นธุรกิจที่มีพื้นฐานทางการเงินที่อ่อนแอมาตั้งแต่แรก และสามารถดำรงอยู่ได้เพียงเพราะได้รับประโยชน์จากสภาพแวดล้อมที่อัตราดอกเบี้ยต่ำผิดปกติในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเท่านั้น

ดังนั้นเมื่อเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และต้นทุนทางการเงินเข้าสู่ระดับปกติ บริษัทเหล่านี้จึงต้องเผชิญกับ วิกฤติทางการเงินที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งเป็นสัญญาณว่าอาจถึงเวลาที่ธุรกิจที่ไม่มีความสามารถในการทำกำไรอย่างแท้จริงจะต้องออกจากระบบไป

หนึ่งในบริษัทที่ถูกระบุว่าเข้าสู่ภาวะซบเซาในสหรัฐอเมริกาคือ Lionsgate Studios Corp. ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตภาพยนตร์ยักษ์ใหญ่ที่เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์แฟรนไชส์ยอดนิยมมากมาย เช่น John Wick, The Hunger Games, และ Twilight การที่บริษัทใหญ่ในวงการบันเทิงนี้ติดโผเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าวิกฤติทางการเงินกำลังแผ่ขยายไปสู่ภาคส่วนต่างๆ อย่างชัดเจน

ความกังวลเกี่ยวกับสถานะทางการเงินของบริษัทซอมบี้กำลังแพร่กระจายในหมู่นักลงทุน โดย แชนนอน วอร์ด ผู้จัดการกองทุนของ Capital Group กล่าวว่า กังวลมากเมื่อเห็นว่ารายได้จากการดำเนินงานไม่พอจ่ายดอกเบี้ย เนื่องจากบริษัทที่ระดมทุนในตลาดผลตอบแทนสูง  มักจะใช้ตัวเลขกำไรที่ถูกปรับปรุงแล้ว (Adjusted EBITDA) ซึ่งมักจะมองโลกในแง่ดีเกินไป ทำให้ความสามารถในการชำระหนี้ตามจริงอาจต่ำกว่าที่รายงาน

ในสถานการณ์ที่สิ้นหวัง บริษัทบางแห่งยอมรับว่าไม่สามารถแก้ปัญหาหนี้ครบกำหนดนี้ได้เอง เว้นแต่จะได้รับการผ่อนปรนจากผู้ให้กู้  

แคโรลีน อัลฟอร์ด จากสำนักงานกฎหมาย King & Spalding ระบุว่า "ซอมบี้ตัวอื่นๆ ยังคงซุ่มซ่อนอยู่  และมองว่าวิกฤติความเสี่ยงทางการเงินที่แท้จริงในตลาดนั้นรุนแรงกว่าที่นักลงทุนส่วนใหญ่ต้องการเผชิญหน้า

 

 


พิสูจน์อักษร....สุรีย์   ศิลาวงษ์