APEC สะท้อน ‘จุดเปลี่ยนระเบียบโลก’ สหรัฐถอยบทบาท จีนหนุนเสรีการค้าแทน

APEC สะท้อน ‘จุดเปลี่ยนระเบียบโลก’ สหรัฐถอยบทบาท จีนหนุนเสรีการค้าแทน

การประชุมเอเปคปีนี้สะท้อน ‘จุดเปลี่ยนระเบียบการค้าโลก’ เมื่อสหรัฐถอยบทบาท ไม่เอ่ย ‘แนวคิดพหุภาคีนิยม’ หรือ ‘องค์การการค้าโลก’ ขณะที่จีนก้าวขึ้นมาชูธง ‘การค้าเสรีและเปิดกว้าง’ พร้อมเตรียมเป็นเจ้าภาพปีหน้าที่นครเซินเจิ้น

สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า ในช่วงปิดการประชุมสุดยอดผู้นำเอเปคประจำปีนี้ เหล่าผู้นำภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกได้ร่วมกันออกแถลงการณ์ร่วม เน้นย้ำถึง “ความจำเป็นในการสร้างความยืดหยุ่น และแบ่งปันผลประโยชน์ทางการค้าอย่างเท่าเทียม” 

สำหรับการประชุมสุดยอดผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (APEC) ซึ่งปีนี้จัดโดย “เกาหลีใต้” โดยก่อนการประชุมจะเริ่มขึ้น ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้ประกาศข้อตกลงทางการค้ากับหลายประเทศ รวมถึงจีนและเกาหลีใต้ แต่เขาได้เดินทางออกจากการประชุมก่อนที่งานจะเริ่มขึ้น

อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ระบุว่า มุมมองของวอชิงตันในแถลงการณ์ร่วมครั้งนี้ แตกต่างจากเอกสารของปีที่แล้วตรงที่ ไม่มีการกล่าวถึง “แนวคิดพหุภาคีนิยม” หรือ “องค์การการค้าโลก (WTO)” แต่อย่างใด

ศาสตราจารย์ฮอ ยุน ผู้เชี่ยวชาญด้านการค้าระหว่างประเทศจากมหาวิทยาลัยโซกัง ในกรุงโซล กล่าวว่า “เอกสารนี้สะท้อนให้เห็นว่าประเทศสมาชิกต่างยอมรับ อย่างน้อยในระดับหนึ่ง ว่าการฟื้นฟูระเบียบการค้าเสรีบนพื้นฐานของพหุภาคีนิยมและองค์การการค้าโลกนั้น เป็นเรื่องที่ ‘ทำได้ยาก’ ในสถานการณ์ปัจจุบัน”

“เราไม่อาจปฏิเสธได้อีกต่อไปแล้วว่า ระบบการค้าระหว่างประเทศ กำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านเชิงโครงสร้างครั้งใหญ่” ศาสตราจารย์ฮอกล่าวเสริม

หลังจากทรัมป์ออกจากการประชุมอย่างรวดเร็วก่อนการประชุมสุดยอดผู้นำจะเริ่มขึ้น จีนก็ได้ฉวยโอกาสก้าวขึ้นมาเป็น “ผู้สนับสนุนหลักของการค้าเสรีและเปิดกว้าง” ซึ่งเป็นบทบาทที่สหรัฐครองมาอย่างยาวนาน โดยประธานาธิบดีสี จิ้นผิงประกาศว่า จีนจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเอเปคครั้งต่อไปในปี 2026 ที่ “นครเซินเจิ้น”

อย่างไรก็ตาม ศาสตราจารย์ฮอและนักวิเคราะห์หลายคนชี้ว่า แถลงการณ์ร่วมของเอเปคสะท้อนถึงความระมัดระวังของประเทศสมาชิก ที่ไม่ต้องการให้ดูเหมือนว่า “สหรัฐกำลังบ่อนเซาะระบบการค้าเสรี” ในขณะเดียวกันก็ “ยกบทบาทของจีนให้เป็นผู้พิทักษ์พหุภาคีนิยม”

“มีเพียงไม่กี่ประเทศเท่านั้นที่เชื่อว่า จะสามารถสร้างระเบียบการค้าโลกใหม่ที่ไม่มีสหรัฐได้” เขากล่าว

ทั้งนี้ ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน มีกำหนดจะปิดฉากการเยือนเกาหลีใต้เป็นเวลา 3 วันในวันเสาร์นี้ ด้วยงานเลี้ยงรับรองและการประชุมสุดยอด ที่จัดโดยประธานาธิบดีอี แจ-มยอง ผู้นำคนใหม่ของเกาหลีใต้ ที่ประกาศว่าจะดำเนินนโยบาย “ถ่วงดุลความสัมพันธ์ระหว่างโซลกับปักกิ่ง”

อย่างไรก็ตาม อี แจ-มยองต้องเผชิญกับความท้าทายสองด้าน ทั้งการปกป้องเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยการส่งออกของเกาหลีใต้ และการลดความตึงเครียดกับเกาหลีเหนือ 

อีระบุว่า ความสัมพันธ์ระหว่างกรุงโซลและกรุงปักกิ่งนั้น “ไม่อาจกล่าวได้เลยว่าเคยกลับสู่ภาวะปกติอย่างแท้จริง” และเขาหวังว่าจะสามารถ “ยกระดับความสัมพันธ์ให้ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ”

“เราจำเป็นต้องก้าวข้ามการฟื้นฟูความสัมพันธ์แบบเดิม ๆ และหาหนทางความร่วมมือที่เป็นประโยชน์ร่วมกันจริง ๆ” อีกล่าวในการแถลงข่าวก่อนการพบปะกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง

ก่อนหน้านี้ในสัปดาห์เดียวกัน อียังได้ให้การต้อนรับประธานาธิบดีทรัมป์อย่างเร่งด่วน โดยมอบของขวัญและกล่าวชื่นชม พร้อมประกาศ “ข้อตกลงทางการค้าแบบไม่คาดคิด” ที่มีเป้าหมายเพื่อลดภาษีศุลกากรของสหรัฐ โดยแลกกับ “การลงทุนหลายพันล้านดอลลาร์ของเกาหลีใต้ในสหรัฐ”

ในวันเสาร์นี้ อียังมีกำหนดจะจัดงานต้อนรับในลักษณะเดียวกันสำหรับประธานาธิบดีสี ซึ่งรวมถึงการประชุมสุดยอดผู้นำและงานเลี้ยงรับรองอย่างเป็นทางการ ซึ่งการเยือนครั้งนี้ นับเป็นการมาเยือนเกาหลีใต้ “ครั้งแรกในรอบ 11 ปี” ของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง

ในช่วงปิดการประชุมเอเปค สี จิ้นผิงได้เสนอ “การจัดตั้งองค์การความร่วมมือด้านปัญญาประดิษฐ์โลก” (World Artificial Intelligence Cooperation Organization) 

ขณะเดียวกัน ที่ประชุมยังได้เห็นชอบแถลงการณ์อื่น ๆ เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรและเทคโนโลยี AI แต่ไม่มีการกล่าวถึง “กฎระเบียบควบคุม AI” แต่อย่างใด

นอกจากนี้ ทำเนียบประธานาธิบดีเกาหลีใต้ระบุว่า อีและสีเตรียมจะหารือกันเกี่ยวกับ “การปลดอาวุธนิวเคลียร์บนคาบสมุทรเกาหลี” 

ด้านกรุงเปียงยาง ซึ่งเป็นพันธมิตรทั้งทางทหารและเศรษฐกิจของจีน ได้ออกแถลงการณ์โต้ ปฏิเสธวาระการปลดอาวุธนิวเคลียร์ดังกล่าว โดยระบุว่าเป็น “ความฝันลม ๆ แล้ง ๆ ที่ไม่มีวันเป็นจริง”

อ้างอิง: reuters