ไมเคิล เบอร์รี่ ทวีตลอยๆ ใน X “บางทีเราก็เห็นฟองสบู่”

ไมเคิล เบอร์รี่ ทวีตลอยๆ ใน X “บางทีเราก็เห็นฟองสบู่”

ไมเคิล เบอร์รี่ ทวีตข้อความเตือนถึงภาวะฟองสบู่ในตลาด หลายคนตีความว่าเขากำลังพูดถึงกระแสความเฟื่องฟูของหุ้นกลุ่ม AI กระแส AI ทำให้หุ้นเทคโนโลยีอย่าง Nvidia มีมูลค่าพุ่งสูงขึ้นอย่างมาก บริษัทของเบอร์รี่ได้ขายหุ้นส่วนใหญ่ออกไปและวางเดิมพันว่าหุ้น Nvidia จะร่วงลง

KEY

POINTS

  • ไมเคิล เบอร์รี่ ทวีตข้อความเตือนถึงภาวะฟองสบู่ในตลาด
  • หลายคนตีความว่าเขากำลังพูดถึงกระแสความเฟื่องฟูของหุ้นกลุ่ม AI
  • กระแส AI ทำให้หุ้นเทคโนโลยีอย่าง Nvidia มีมูลค่าพุ่งสูงขึ้นอย่างมาก
  • บริษัทของเบอร์รี่ได้ขายหุ้นส่วนใหญ่ออกไปและวางเดิมพันว่าหุ้น Nvidia จะร่วงลง

สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานวันนี้ (31 ต.ค.) ว่า ไมเคิล เบอร์รี่ ผู้จัดการกองทุนเฮดจ์ฟันด์ชื่อดัง ซึ่งมีชื่อเสียงจากการเดิมพันชอร์ตตลาดที่อยู่อาศัยของสหรัฐ ในช่วงปลายทศวรรษ 2000 จนถูกนำเสนอในภาพยนตร์เรื่อง The Big Short ได้ส่งสัญญาณเตือนที่ถูกตีความว่าเป็นการเตือนทางอ้อมไปยังนักลงทุนรายย่อยเกี่ยวกับภาวะความเฟื่องฟูของตลาดในช่วงที่ผ่านมา

ไมเคิล เบอร์รี่ ทวีตลอยๆ ใน X “บางทีเราก็เห็นฟองสบู่”

คำเตือนของเขา ที่เผยแพร่ผ่านแพลตฟอร์ม X โดยใช้ข้อความว่า "บางครั้งเราก็เห็นฟองสบู่" (‘Sometimes We See Bubbles’) เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ผู้คนจำนวนมากกำลังตั้งคำถามถึงความมั่นคงทางการเงินของ "ความเฟื่องฟูของ AI" (AI boom) ซึ่งเป็นแรงขับเคลื่อนให้ราคาหุ้นของบริษัทเทคโนโลยีกลุ่มเล็กๆ พุ่งสูงขึ้นอย่างมาก

เขาไม่ได้ระบุอย่างชัดเจนว่า "ฟองสบู่" ที่กล่าวถึงนั้นหมายถึงตลาดใด

ด้าน บทวิเคราะห์ของบลูมเบิร์ก เผยว่า ความเฟื่องฟูของตลาดที่เกิดจาก AI ได้นำไปสู่การเติบโตที่ก้าวกระโดดของบริษัทเทคโนโลยี โดยมี Nvidia Corp. เป็นตัวอย่างที่โดดเด่นที่สุด

ในสัปดาห์ที่มีการรายงานข่าว Nvidia กลายเป็นบริษัทแรกที่มีมูลค่าตลาดทะลุ 5 ล้านล้านดอลลาร์ มูลค่าที่สูงลิ่วนี้คิดเป็นเกือบหนึ่งในสิบของดัชนี S&P 500 และยังมีมูลค่าสูงเกินกว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของอินเดีย ญี่ปุ่น และเยอรมนีอีกด้วย

เพื่อแสดงออกถึงมุมมองขาลง บริษัท Scion Asset Management ของเบอร์รี่ได้ทำการชำระบัญชี หรือขายหุ้นออกจากพอร์ตโฟลิโอหุ้นจดทะเบียนเกือบทั้งหมด ขณะเดียวกันก็วางเดิมพันขาลงใหม่ผ่านการซื้อ Put Option ของหุ้น Nvidia และหุ้นที่เกี่ยวข้องกับจีน โดยการเคลื่อนไหวเหล่านี้สะท้อนความเชื่อของเบอร์รี่ที่ว่าหุ้นเหล่านี้อาจมีการปรับตัวลดลงในอนาคต