'ปราบแก๊งค้ายาบราซิล' ยอดเสียชีวิตพุ่ง 132 ราย รุนแรงสุดในประวัติศาสตร์

'ปราบแก๊งค้ายาบราซิล' ยอดเสียชีวิตพุ่ง 132 ราย รุนแรงสุดในประวัติศาสตร์

ปฏิบัติการปราบปรามแก๊งค้ายาในริโอเดจาเนโร ประเทศบราซิล มีคนเสียชีวิตมากถึง 132 ราย รุนแรงสุดในประวัติศาสตร์ ใช้วิธีล่อเข้าป่าแล้วซุ่มโจมตี

ทางการบราซิล เผยในวันพุธ (29 ต.ค.) ว่า ปฏิบัติการปราบปามแก๊งค้ายาเสพติดครั้งร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์บราซิล คร่าชีวิตผู้คนไปอย่างน้อย 121 ราย ชาวริโอเดจาเนโรออกมายืนดูศพที่เรียงรายเต็มถนนหลายสิบศพหลังพบเมื่อคืนนี้

รอยเตอร์ระบุว่า ในช่วงค่ำวันพุธประชาชนในย่านเปนญาในริโอ ได้รวบรวมศพไว้บนถนนหลายสิบศพจากพื้นที่รอบป่าที่มีการปราบปรามแก๊งค้ายา ซึ่งเมื่อนำมาเรียงบนถนนแล้วพบว่ามีมากกว่า 70 ศพ

เจ้าหน้าที่ตำรวจกล่าวว่า ปฏิบัติการปราบปรามแก๊งค้ายาที่มุ่งเป้าไปที่แก๊งยาเสพติดรายใหญ่ วางแผนมาอย่างถี่ถ้วนนานกว่าสองเดือน และออกแบบมาเพื่อขับไล่ผู้ต้องสงสัยค้ายาให้เข้าไปในเนินเขาที่มีป่าปกคลุม ซึ่งในนั้นมีหน่วยปฏิบัติการพิเศษรอซุ่มโจมตีอยู่

วิกเตอร์ ซานโตส หัวหน้าฝ่ายความมั่นคงของรัฐริโอ คาดไว้ว่าปฏิบัติการดังกล่าวจะรุนแรงถึงแก่ชีวิตสูง แต่ไม่ได้เป็นความเป็นความตั้งใจให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ พร้อมให้คำมั่นสืบสวนการประพฤติมิชอบของเจ้าหน้าที่ทุกกรณี

ตำรวจริโอยืนยันมีผู้เสียชีวิต 121 ราย รวมถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจ 4 ราย แต่ทนายความฝ่ายจำเลยคาดว่าอาจมีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็นอย่างน้อย 132 ราย

ประธานาธิบดีลูอิส อินาซิโอ ลูลา ดา ซิลวา ของบราซิล กล่าวว่า ภัยร้ายจากการความรุนแรงของยาเสพติดต้องถูกปราบปราม และเรียกร้องให้ประสานการทำงานมุ่งเป้าไปที่แก๊งค้ายา โดยไม่ให้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจและครอบครัวผู้บริสุทธิ์ตกอยู่ในความเสี่ยง

ปธน.บราซิล โพสต์ใน X “เราไม่สามารถยอมให้กลุ่มอาชญากรยังคงทำลายครอบครัว กดขี่พลเมือง แพร่กระจายยาเสพติดและความรุนแรงไปทั่วเมือง”

การปราบปรามแก๊งค้ายาครั้งนี้ ทำให้เกิดการประท้วงต่อต้านความรุนแรงของตำรวจบริเวณหน้าทำเนียบรัฐบาลในช่วงบ่าย โดยผู้ประท้วงออกมาโบกธงบราซิิลหน้าทำเนียบซึ่งเต็มไปด้วยรอยเปื้อนฝ่ามือสีแดง

'ปราบแก๊งค้ายาบราซิล' ยอดเสียชีวิตพุ่ง 132 ราย รุนแรงสุดในประวัติศาสตร์

ด้านเจ้าหน้าที่สหประชาชาติ (ยูเอ็น) และผู้เชี่ยวชาญความมั่นคงวิพากษ์วิจารณ์ความสูญเสียอย่างรุนแรงจากการปราบปรามที่มีรูปแบบคล้ายปฏิบัติการทางทหารครั้งนี้ โดยสำนักงานสิทธิมนุษยชนของยูเอ็นกล่าวว่า การสังหารหมู่ครั้งนี้ยิ่งทำให้การบุกโจมตีของตำรวจต่อชุมชนที่ถูกกีดกันทางสังคมของบราซิลมีแนวโน้มรุนแรงมากขึ้น

“เราขอเตือนเจ้าหน้าที่ถึงพันธกรณีภายใต้กฎหมายสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ และขอเรียกร้องให้มีการสอบสวนอย่างเร่งด่วนและมีประสิทธิภาพ” หน่วยงานระบุในแถลง

ขณะที่ญาติของผู้เสียชีวิตเผยหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่าเจ้าหน้าที่ปราบปรามอย่างรุนแรง รวมถึงหลักฐานเกี่ยวกับการมัดแขนมัดขา บาดแผลจากรอยมีด และแผลถูกยิงบนใบหน้าและลำคอ

เคลาดิโอ คาสโตร ผู้ว่าการรัฐริโอ กล่าวว่า เขามั่นใจว่าผู้เสียชีวิตในปฏิบัติการครั้งนี้เป็นอาชญากรที่ยิงปืนออกมาจากป่า

“ผมไม่คิดว่าจะมีใครเดินเข้าไปในป่าในวันที่เกิดความขัดแย้ง” คาสโตรกล่าวกับผู้สื่อข่าว และเรียกการบุกโจมตีครั้งนี้ว่าเป็นความพยายามปราบปราม “การก่อการร้ายยาเสพติด”

“เหยื่อที่แท้จริงมีเพียงเจ้าหน้าที่ตำรวจเท่านั้น” เขากล่าว

ทั้งนี้ รัฐบาลริโอกล่าวว่าการปราบปรามนี้เป็นปฏิบัติการใหญ่ที่สุดที่มุ่งเป้าไปยังแก๊งโคมานโด เวอร์เมลโฮ ที่ควบคุมการค้ายาเสพติดในชุมชนแออัดหลายแห่งที่มีประชากรจำนวนมาก ซึ่งชุมชนเหล่านั้นอยู่ตามพื้นที่เนินเขาเลียบชายฝั่งมหาสมุทรของเมือง

นอกจากนี้ ตำรวจยังสามารถจับกุมผู้ต้องสงสัยได้ 113 ราย จากปฏิบัติการดังกล่าว และยึดอาวุธปืนได้ 118 กระบอก

'ปราบแก๊งค้ายาบราซิล' ยอดเสียชีวิตพุ่ง 132 ราย รุนแรงสุดในประวัติศาสตร์

ด้านซานโตสยืนยันว่า ยังไม่พบความเชื่อมโยงระหว่างความรุนแรงและงานสำคัญระดับโลกในริโอที่จะมีขึ้นในสัปดาห์หน้า ทั้งงานเจรจาเรื่องสภาพภูมิอากาศ COP30 ของยูเอ็น รวมถึงการประชุมสุดยอด C40 ของบรรดานายกเทศมนตรีที่หารือเกี่ยวกับภาวะโลกร้อน และงานประกาศรางวัล Prince William's Earthshot

อนึ่ง การปราบปรามยาเสพติดของตำรวจที่รุนแรงที่สุดของเมืองก่อนหน้านี้คือ การปราบปรามในปี 2021 ที่มีคนเสียชีวิต 28 รายในย่านจาคาเรซินโญ และปฏิบัติการล่าสุดนี้ยังถือเป็นปฏิบัติการของตำรวจที่รุนแรงที่สุดในบราซิลด้วย ซึ่งปฏิบัติการของตำรวจที่รุนแรงที่สุดก่อนหน้านี้คือ ในปี 1992 ที่มีนักโทษเสียชีวิต 111 ราย หลังตำรวจเซาเปาโลบุกเข้าไปในเรือนจำการานดิรูเพื่อปราบปรามการก่อกบฏ