Nvidia ทะยาน 5 ล้านล้านดอลลาร์ ชิป AI กลายเป็นหัวใจของเศรษฐกิจโลก

มูลค่าบริษัท Nvidia ทะยานแตะ 5 ล้านล้านดอลลาร์ รับกระแส AI ดัน 'บริษัทเทค' กินสัดส่วนใหญ่ในตลาดหุ้น และ 'ชิป AI' กลายเป็นหัวใจของเศรษฐกิจและการเมืองโลก
เดอะนิวยอร์กไทมส์ รายงานว่า “เจนเซน หวง” ซีอีโอของ อินวิเดีย (Nvidia) บริษัทผลิตชิปยักษ์ใหญ่ เดินทางเยือนเอเชียและเข้าพบประธานาธิบดีทรัมป์ เมื่อวันพุธที่ 29 ต.ค.ที่ผ่านมา ขณะเดียวกันมูลค่าบริษัทก็พุ่งสูงถึง 5 ล้านล้านดอลลาร์ซึ่งเป็นตัวเลขที่ไม่น่าเชื่อ และสูงสุดเป็นประวัติการณ์
ยอดขายของ Nvidia ได้เพิ่มขึ้นถึง 7 เท่าตัว นับตั้งแต่ ChatGPT ของ OpenAI จุดประกายการแข่งขันด้าน AI เมื่อปลายปี 2565 โดยมีรายงานว่าบริษัทได้รับคำสั่งซื้อชิปรุ่นใหม่ที่จะจัดส่งไปจนถึงสิ้นปีหน้า 2569 มากถึง 20 ล้านชิ้น ทำให้จำนวนคำสั่งซื้อใหม่นี้เพิ่มขึ้นอย่างมาก เมื่อเทียบกับชิปรุ่นก่อนหน้าที่บริษัทจัดส่งไปเพียง 4 ล้านชิ้น ในช่วงปี 2566 ถึง 2568
‘บิ๊กเทค’ ครองน้ำหนักหุ้นสหรัฐ
แม้การเติบโตจะน่าทึ่ง แต่ก็มีคำเตือนสำหรับนักลงทุนว่า “ตลาดหุ้น” กำลังพึ่งพาบริษัทเทคโนโลยีเพียงไม่กี่แห่งที่ทำกำไรมหาศาล และทุ่มเงินไปกับการพัฒนาเทคโนโลยี AI ที่ยังไม่ได้รับการพิสูจน์ผลตอบแทนในระยะยาว
จีน มันสเตอร์ จาก Deepwater Asset Management กล่าวว่า “มีความหวังอย่างเต็มเปี่ยมว่าเทคโนโลยีนี้จะไปในทิศทางใด แต่คำถามคือ มันจะประสบความสำเร็จหรือไม่? ประโยชน์ของ AI ในปัจจุบันยังคงมีจำกัด”
ปัจจุบัน Nvidia คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 8% ของดัชนี S&P 500 สะท้อนว่าเป็นการรวมศูนย์ของบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ รวมทั้ง Apple และ Microsoft ที่มีมูลค่าสูงถึง 4 ล้านล้านดอลลาร์ และเมื่อรวมกับ Meta, Amazon, Alphabet และ Tesla บริษัทเหล่านี้รวมกันมีสัดส่วนมากกว่าหนึ่งในสามของดัชนีทั้งหมด
แรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ‘สหรัฐ’
ชิปของ Nvidia กลายเป็นส่วนประกอบที่สำคัญและมีราคาแพงที่สุดในโครงการ AI เกือบทั้งหมด เรื่องนี้ทำให้ Nvidia ได้กลายเป็นกำลังสำคัญที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจสหรัฐ โดย 92% ของการเติบโตของ GDP สหรัฐ ในครึ่งปีแรกมาจากค่าใช้จ่ายในกลุ่มศูนย์ข้อมูลซึ่งเต็มไปด้วยชิปของ Nvidia
“เจสัน เฟอร์แมน” ศาสตราจารย์ด้านนโยบายเศรษฐกิจจากฮาร์วาร์ด ชี้ว่า หากไม่มี Nvidia เศรษฐกิจจะเติบโตเพียง 0.1% เท่านั้น
ชิป AI ของ Nvidia ครองส่วนแบ่งตลาดมากกว่า 90% และเป็นที่ต้องการอย่างมากจากรัฐบาลทั่วโลก และทรัมป์ได้นำชิปเหล่านี้มาเป็นหัวใจสำคัญของกลยุทธ์การค้า โดยมีการทำข้อตกลงขายชิป AI ให้กับสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์, ซาอุดีอาระเบีย, เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น
ปฎิเสธไม่ได้ว่าช่วงเวลาที่ผ่านมา เจนเซน หวงกลายเป็นคนกลางระหว่างทรัมป์ กับสี จิ้นผิง ในการพยายามบรรลุข้อตกลงทางการค้า ด้วยการใช้เวลาส่วนใหญ่ในการเดินทางระหว่างวอชิงตันและปักกิ่งเพื่อหาทางออก
อย่างไรก็ดี จอห์น ริซโซ โฆษกของ Nvidia ปฏิเสธการมีส่วนร่วมในทางการทูต โดยกล่าวว่าบริษัททำงานร่วมกับรัฐบาลทั่วโลก แต่ "ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเจรจาทางภูมิรัฐศาสตร์หรือการทูตระหว่างรัฐบาล"
ด้าน คูช เดไซ โฆษกทำเนียบขาว กล่าวว่า แม้ประธานาธิบดีจะรับฟังผู้นำธุรกิจ แต่ความสัมพันธ์ส่วนตัวของทรัมป์กับผู้นำโลกต่างหากที่เป็นแรงผลักดันความเป็นผู้นำและการทำข้อตกลงของอเมริกา
อ้างอิง nytimes







