คาด ‘ทองคำ’ มีสิทธิ์แตะ 5,000 ดอลลาร์ ในอีก 1 ปี เตือนระวัง 'ปรับฐาน' แรง

ประชุมสมาคมตลาดทองคำแท่งแห่งลอนดอน มองราคา ‘ทองคำ’ มีสิทธิ์แตะ 5,000 ดอลลาร์ ในอีก 1 ปี ด้านนักวิเคราะห์เตือนระวัง ‘ปรับฐาน’ แรง อาจดิ่ง 3,500 ดอลลาร์ต่อออนซ์
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า มีการคาดการณ์ว่า “ราคาทองคำแท่ง” อาจพุ่งสูงขึ้นไปใกล้ระดับ 5,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ภายในวันที่ 5 ต.ค.2569 ซึ่งเป็นวันประชุมสมาคมตลาดทองคำแท่งแห่งลอนดอน (LBMA) ในปีถัดไป โดยผลสำรวจจากแบบสอบถาม 106 ฉบับ ชี้ว่า "ราคาทองคำ"ที่คาดการณ์เฉลี่ยอยู่ที่ 4,980.30 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งเพิ่มขึ้นประมาณ 27% จากระดับราคาปัจจุบัน เนื่องจากมีสัญญาณบ่งชี้ถึงความต้องการที่ต่อเนื่อง ทั้งจากธนาคารกลางและกลุ่มนักลงทุน
ราคาทองคำได้ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ประมาณ 3,900 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หลังจากที่เพิ่งทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว การร่วงลงครั้งนี้เกิดจากนักลงทุนบางส่วนเทขายทำกำไร หลังจากที่ราคาปรับตัวสูงขึ้นมาอย่างต่อเนื่องหลายเดือน
อย่างไรก็ตาม แม้จะมีการเทขายทำกำไรในระยะสั้น แต่ราคาทองคำโดยรวมในปีนี้ก็ยังคงปรับตัวขึ้นสูงถึงประมาณ 50%
จับตาแรงซื้อ ‘แบงก์ชาติเกาหลีใต้’
หนึ่งในแนวโน้มสำคัญคือ ธนาคารกลางของเกาหลีใต้ (BOK) ยังส่งสัญญาณว่าอาจเพิ่มปริมาณสำรองทองคำเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 10 ปี ซึ่งถือเป็นการเข้าร่วมกระแสการซื้อของธนาคารกลางที่อาจช่วยพยุงให้ตลาดปรับตัวขึ้น
“ธนาคารกลางเกาหลีใต้มีแผนที่จะพิจารณาการซื้อทองคำเพิ่มเติมจากมุมมองระยะกลางถึงระยะยาว” จุง ฮึงซุน ผู้อำนวยการฝ่ายการลงทุนสำรองของธนาคารกลางเกาหลีใต้ กล่าวในงาน LBMA ธนาคารได้เพิ่มสัดส่วนการถือครองทองคำครั้งล่าสุดในปี 2556
สถานการณ์นี้ เน้นย้ำว่าธนาคารกลางมีบทบาทมากขึ้นในตลาดทองคำโลก จากการเข้าซื้อทองคำของคลังสำรองของจีนไปจนถึงโปแลนด์ได้กลายเป็นปัจจัยสำคัญที่ผลักดันราคาทองคำในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ประกอบกับกระแสการลงทุนของนักลงทุนรายย่อยและกองทุนต่างๆ
หวั่น ‘ทองคำ’ ปรับฐานลึกถึง 3,500 ดอลลาร์ต่อออนซ์
แม้ว่ามุมมองระยะยาวจะยังคงเป็นบวก แต่ก็มีนักวิเคราะห์บางรายที่เตือนให้ระวังการ “ปรับฐานราคา” ที่ลึกกว่านี้ ในตลาดทองคำ
จอห์น รีด นักวิเคราะห์จากสภาทองคำโลก (WGC) ความต้องการซื้อจากธนาคารกลางไม่ได้แข็งแกร่งเหมือนเดิม และมองว่าหากราคาลดลงไปถึง 3,500 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ตามที่มีการพูดคุยกันในที่ประชุม LBMA นั้น จะเป็นผลดีต่อตลาดในภาพรวม เพราะจะช่วยให้ราคาทองคำกลับมาอยู่ในระดับที่สมเหตุสมผลและยั่งยืนมากขึ้นในระยะยาว ซึ่งบ่งชี้ว่า รีดเห็นว่าราคาปัจจุบันสูงเกินไป
นอกจากทองคำแล้ว แนวโน้มขาขึ้นในวงกว้างยังขยายไปถึงกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆ ด้วย เช่นมีการคาดการณ์ว่าราคาเงิน จะแตะ 59.10 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ภายในหนึ่งปี ซึ่งสูงกว่าระดับปัจจุบันประมาณ 27% ส่วนแพลทินัมและแพลเลเดียม คาดการณ์ว่าราคาจะมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นในระดับตัวเลขสองหลักเช่นกัน
อ้างอิง Bloomberg







