'อินเทล' ปรับทัพใหญ่ ทวงบัลลังก์ชิปโลก ชนยักษ์จีน–ไต้หวัน

ลีป-บู ตัน ซีอีโอคนใหม่ของอินเทล ประกาศปรับโครงสร้างองค์กรเพื่อทวงคืนความเป็นผู้นำ การปรับโครงสร้างจะลดชั้นผู้บริหารและกลับไปมุ่งเน้นด้านวิศวกรรมเป็นหลัก
KEY
POINTS
- ลีป-บู ตัน ซีอีโอคนใหม่ของอินเทล ประกาศปรับโครงสร้างองค์กรเพื่อทวงคืนความเป็นผู้นำ
- การปรับโครงสร้างจะลดชั้นผู้บริหารและกลับไปมุ่งเน้นด้านวิศวกรรมเป็นหลัก
- อินเทลจะหันไปให้ความสำคัญกับการพัฒนาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) และธุรกิจโรงหล่อผลิตชิป
“ลีป-บู ตัน” ซีอีโอคนใหม่ของอินเทล คอร์ป ประกาศเดินหน้าปรับโครงสร้างองค์กรครั้งใหญ่ มุ่งคืนความยิ่งใหญ่ให้บริษัท หลังยักษ์ใหญ่ชิปสัญชาติสหรัฐ สูญเสียความเป็นผู้นำในตลาดให้กับคู่แข่งจากเอเชีย
ลีป-บู ตัน ซึ่งเข้ารับตำแหน่งซีอีโอของอินเทลเมื่อเดือนมี.ค. กล่าวว่า บริษัทจำเป็นต้อง “รีโฟกัส” กลับไปที่หัวใจสำคัญขององค์กรคือ ด้านวิศวกรรม หลังเผชิญปัญหาการบริหารที่ซับซ้อนและความเฉื่อยชาภายใน
เขาชี้ว่า “อินเทลประสบความสำเร็จอย่างมหาศาลเมื่อ 20–30 ปีก่อน แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือมีลำดับชั้นของผู้บริหารมากเกินไป จนผมต้องเข้ามาเคลียร์ระบบใหม่”
ตันระบุว่า แนวทางใหม่ของอินเทลจะมุ่งเน้นการพัฒนา เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) และ ธุรกิจโรงหล่อผลิตชิป (foundry) ซึ่งยังล้าหลังคู่แข่งในไต้หวัน โดยเฉพาะบริษัท TSMC ที่ครองตลาดอยู่ในปัจจุบัน
อย่างไรก็ตาม เส้นทางของตันในอินเทลไม่ได้ราบรื่นนัก หลังจาก อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เคยเรียกร้องให้เขาลาออก เนื่องจากมีการลงทุนในจีนมาก่อนหน้า
ตันเปิดเผยว่า เขาได้เข้าพบทรัมป์เพื่ออธิบายว่า การลงทุนดังกล่าวเกิดขึ้นขณะอยู่ในสิงคโปร์ และปัจจุบันได้ย้ายทรัพย์สินเหล่านั้นไปไว้ใน “กองทุนการกุศล” แล้ว
ภายหลังการพูดคุย รัฐบาลสหรัฐ ภายใต้ทรัมป์ตัดสินใจ เข้าถือหุ้น 10% ในอินเทล ซึ่งเป็นดีลที่หลายสำนักข่าวมองว่าไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน สะท้อนความตั้งใจของสหรัฐ ที่ต้องการสนับสนุนการผลิตชิปภายในประเทศ เพื่อลดการพึ่งพาห่วงโซ่อุปทานจากจีน
ตันกล่าวว่า การลงทุนครั้งนี้คล้ายกับที่รัฐบาลไต้หวันสนับสนุน TSMC พร้อมย้ำว่า ทรัมป์ “พอใจในแผนที่ผมเสนอให้เขาฟัง”
แม้รายงานผลประกอบการไตรมาสสามล่าสุดของอินเทลจะออกมาดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ แต่ราคาหุ้นกลับอ่อนตัวลง หลังนักลงทุนยังคงกังวลต่อความท้าทายที่รออยู่ข้างหน้า โดยเฉพาะการแข่งขันในตลาดชิป AI ที่อินเทลยังตามหลัง Nvidia อยู่พอสมควร
ท้ายที่สุด การปรับโครงสร้างครั้งนี้จึงถือเป็น “เดิมพันใหญ่” ของอินเทล ในการฟื้นบทบาทผู้นำอุตสาหกรรมชิปโลก ท่ามกลางศึกเทคโนโลยีระหว่างสหรัฐ และจีนที่ยังร้อนแรงต่อเนื่อง







