ศึกชิงเก้าอี้ประธานเฟด 5 ตัวเต็งผู้กำหนดทิศทางอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ

การคัดเลือกประธานธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) คนใหม่เหลือผู้สมัคร 5 คน ผู้สมัครประกอบด้วยเจ้าหน้าที่ Fed ปัจจุบัน, อดีตเจ้าหน้าที่ และผู้บริหารจากภาคเอกชน โดยผู้สมัครหลายคนมีแนวโน้มสนับสนุนการลดอัตราดอกเบี้ย
KEY
POINTS
- การคัดเลือกประธานธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) คนใหม่เหลือผู้สมัคร 5 คน
- ผู้สมัครประกอบด้วยเจ้าหน้าที่ Fed ปัจจุบัน, อดีตเจ้าหน้าที่ และผู้บริหารจากภาคเอกชน
- ผู้สมัครหลายคนมีแนวโน้มสนับสนุนการลดอัตราดอกเบี้ย
- ผู้สมัครบางคนวิจารณ์บทบาทของ Fed และต้องการให้มีการเปลี่ยนแปลง เช่น การลดกฎระเบียบ
- ประธานาธิบดีทรัมป์พยายามเพิ่มอิทธิพลต่อการตัดสินใจเรื่องอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลาง
การแข่งขันเพื่อหาตัวประธานธนาคารกลางสหรัฐ หรือ Fed (เฟด) คนต่อไป ที่จะเข้ามาทำหน้าที่แทน เจอโรม พาวเวลล์ ซึ่งกำลังจะหมดวาระลงในเดือนพฤษภาคมปี 2026 ได้มีการจำกัดรายชื่อผู้สมัครลงแล้ว โดยเหลือเพียงห้าคนเท่านั้น
สก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบกระบวนการคัดเลือก ยืนยันเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาว่า รายชื่อผู้สมัครถูกลดลงเหลือประมาณครึ่งหนึ่งเรียบร้อยแล้ว
เบสเซนต์ตั้งเป้าที่จะนำเสนอรายชื่อ "ที่ดี" ให้กับประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ พิจารณา หลังช่วงวันหยุดวันขอบคุณพระเจ้า โดยผู้สมัครที่ยังคงอยู่ในสนามแข่งขันนี้ได้แก่ คริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ และ มิเชล โบว์แมน ซึ่งเป็นผู้ว่าการ Fed คนปัจจุบัน, เควิน วอร์ช อดีตผู้ว่าการ, เควิน แฮสเซ็ตต์ ผู้อำนวยการสภาเศรษฐกิจแห่งชาติประจำทำเนียบขาว, และ ริค ไรเดอร์ ผู้บริหารจาก BlackRock Inc.
คริสโตเฟอร์ วอลเลอร์
ปัจจุบัน นักลงทุน และผู้สังเกตการณ์ Fed กำลังจับตาดูการคัดเลือกครั้งนี้อย่างใกล้ชิด เนื่องจากบทวิเคราะห์ของบลูมเบิร์กเผยว่า ประธานาธิบดีทรัมป์ มีความพยายามที่จะใช้อิทธิพลต่อธนาคารกลาง และการตัดสินใจเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยมากขึ้นเรื่อยๆ ในบรรดาตัวเต็งห้าคนนี้ มีเจ้าหน้าที่ Fed ที่ทรัมป์แต่งตั้งอยู่สองคน
นั่นคือ คริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ ซึ่งได้รับการแต่งตั้งในปี 2020 และเป็นนักเศรษฐศาสตร์ระดับปริญญาเอกที่สนับสนุนความเป็นอิสระของธนาคารกลางมาอย่างยาวนาน แต่ภายหลังวอลเลอร์ก็กลายเป็นผู้ว่าการ Fed คนแรกที่เรียกร้องให้กลับมาลดอัตราดอกเบี้ยในปี 2025
วอลเลอร์ เตือนถึงสัญญาณความอ่อนแอที่เพิ่มขึ้นในตลาดแรงงาน ซึ่งต่อมาก็ได้รับการยืนยันจากรายงานการจ้างงานที่น่าผิดหวังในช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา นอกจากนี้ เขายังสนับสนุนให้ Fed หลีกเลี่ยงประเด็นทางการเมืองที่เป็นที่ถกเถียง เช่น ความพยายามด้านความหลากหลาย และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศด้วย
ผู้สมัครอีกคนที่มีแนวคิดคล้ายกันคือ มิเชล โบว์แมน หรือที่รู้จักกันในชื่อ "มิกิ" ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งรองประธาน Fed ฝ่ายกำกับดูแล โบว์แมน ซึ่งเป็นนายธนาคารรุ่นที่ห้า และเป็นทนายความ ได้นำเสนอแผนการที่จะยกเลิกกฎเกณฑ์ด้านเงินทุนที่สำคัญสำหรับธนาคารขนาดใหญ่ และสนับสนุนการถอนมาตรฐานที่เกี่ยวข้องกับการจัดการความเสี่ยงด้านสภาพภูมิอากาศ
มิเชล โบว์แมน
ผู้สมัครทั้งโบว์แมน และวอลเลอร์ นั้นเป็นผู้สนับสนุนให้มีการลดอัตราดอกเบี้ยตั้งแต่ช่วงต้นปี โดยทั้งคู่ได้ออกเสียงคัดค้านการตัดสินใจของเสียงข้างมากที่ให้คงอัตราดอกเบี้ยไว้ในเดือนกรกฎาคม
ถัดมาคือ เควิน แฮสเซ็ตต์ ผู้อำนวยการสภาเศรษฐกิจแห่งชาติประจำทำเนียบขาว ซึ่งถือเป็นหนึ่งในที่ปรึกษา และพันธมิตรคนสำคัญที่สุดของประธานาธิบดี แฮสเซ็ตต์ มีความคิดเห็นที่สอดคล้องกับทรัมป์อย่างใกล้ชิดมาก โดยเขาเคยกล่าวหาสถาบันนี้ว่า "ทำงานช้า" ในการตัดสินใจลดอัตราดอกเบี้ย
นอกจากนี้ เขายังเสนอว่า Fed ได้ทำให้ความเป็นอิสระ และความน่าเชื่อถือของตัวเองตกอยู่ในความเสี่ยงผ่านการกระทำของตัวเอง ซึ่งสะท้อนคำวิจารณ์เรื่อง "ภารกิจที่คืบคลาน" ของรัฐมนตรีเบสเซนต์ ส่วนอีกคนคือ เควิน วอร์ช ซึ่งเคยเป็นผู้ว่าการ Fed ในช่วงวิกฤตการณ์ทางการเงินครั้งใหญ่ และเกือบจะได้รับเลือกจากทรัมป์ให้เป็นประธาน Fed ในปี 2017
เควิน วอร์ช
ทั้งนี้ วอร์ชได้วิพากษ์วิจารณ์ Fed อย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ลาออก โดยเรียกร้องให้มีการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครอง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เขาวิจารณ์การขยายงบดุลของ Fed ซึ่งสอดคล้องกับมุมมองของเบสเซนต์ และแย้งว่า Fed จะสามารถลดอัตราดอกเบี้ยได้มากขึ้น หากมีการลดขนาดพอร์ตโฟลิโอของธนาคารกลางลงอย่างจริงจัง
ท้ายที่สุดคือ ริค ไรเดอร์ ผู้บริหารระดับสูงของ BlackRock Inc. ที่ดูแลธุรกิจตราสารหนี้ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งตัวเต็ง เขาเคยทำงานที่ Lehman Brothers Inc. เกือบสองทศวรรษ ก่อนที่จะเข้าร่วม BlackRock ในปี 2009 ในการสัมภาษณ์เมื่อเดือนกันยายน ที่ผ่านมา ไรเดอร์แย้งว่า Fed ควรเลือกที่จะลดอัตราดอกเบี้ยลงอย่างมากถึงครึ่งเปอร์เซ็นต์ ตามการตีความสภาวะเศรษฐกิจของเขา
ริค ไรเดอร์
ท้ายที่สุด แม้ว่าเขาจะเน้นย้ำว่าความเป็นอิสระของ Fed เป็น "สิ่งสำคัญยิ่ง" แต่เขาก็เสริมว่าธนาคารกลางสามารถ "สร้างสรรค์นวัตกรรม" ได้มากขึ้น โดยบทวิเคราะห์ของบลูมเบิร์กทิ้งท้ายว่า มีรายงานว่ารัฐมนตรีเบสเซนต์ประทับใจในเส้นทางอาชีพที่ยาวนานของไรเดอร์ในตลาดการเงิน การบริหารกลุ่มพนักงานขนาดใหญ่ และความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในพลวัตทางเศรษฐศาสตร์จุลภาค และมหภาค
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์







