‘เอเปคโกลาหล’วัดฝีมือเกาหลีใต้ โรงแรมไม่พอต้องพักเรือสำราญ

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐและประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เตรียมพบกันในการประชุมผู้นำความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชียแปซิฟิก (เอเปค) ที่เกาหลีใต้ในอีกไม่กี่วัน เมืองคย็องจูสถานที่จัดการประชุมจึงเป็นที่จับตาของทั่วโลก

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน การประชุมที่ต้องการเน้นย้ำฝีมือทางการทูตและประสิทธิภาพของเกาหลีใต้ ถูกจัดขึ้นในเมืองที่ไม่เคยจัดงานใหญ่ระดับโลกแบบนี้มาก่อน คย็องจูห่างจากกรุงโซลราว 370 กิโลเมตร สุสานราชวงศ์ วัดวาอารามและเจดีย์เก่าในเมืองได้รับการขึ้นทะเบียนมรดกโลกของยูเนสโก รัฐบาลอดีตประธานาธิบดียุน ซ็อกยอล เลือกจัดประชุมที่เมืองนี้เป็นแสดงให้เห็นถึงมรดกทางวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์อันยาวนานของเกาหลี

หลังจากยุนประกาศกฎอัยการศึกไม่สำเร็จในเดือน ธ.ค. ส่งผลให้ถูกถอดถอนตามมา เกาหลีใต้ก็เจอความวุ่นวายทางการเมืองมานานหลายเดือน ก่อนประธานาธิบดีอี แจมย็องรับตำแหน่งในเดือน มิ.ย. ก่อนหน้านั้นการเตรียมประชุมไม่คืบหน้าไปถึงไหน

การประชุมครั้งนี้คาดกันว่า จะมีผู้นำภาคธุรกิจจากทั่วโลกราว 700 คนมาร่วมงาน เช่น เจนเซน หวง ประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหารเอ็นวิเดีย, เจน เฟรเซอร์ จากซิตีกรุ๊ป, แมตต์ การ์แมน จากแอมะซอนเว็บเซอร์วิส และแซนดี้ ซู จากเจดีดอทคอม รวมๆ แล้วทั้งงานราว 20,000 คน แต่ที่พักในคย็องจูกลับมีจำกัด โรงแรมระดับสากลมีไม่กี่แห่ง ห้องสูทระดับ “ประธานาธิบดี” มีเพียง 35 ห้อง แม้เพิ่งปรับปรุงล่าสุดไปแล้วก็ตาม

ห้องพักโรงแรมภายในรัศมี 10 กิโลเมตรของสถานที่จัดประชุมมีห้องพักราว 12,800 ห้อง ซึ่งส่วนใหญ่ถูกจองหมดแล้ว เดือน ต.ค.เป็นฤดูท่องเที่ยวสูงสุดเมื่อผู้คนหลั่งไหลเข้ามาชมสีสันฤดูใบไม้ร่วงที่คย็องจู ยิ่งได้ตัวแทนประชุมเอเปคเข้ามาสมทบ ราคาห้องพักจึงพุ่งพรวด จนรัฐบาลต้องเข้ามาควบคุมการจองโรงแรมเพื่อป้องกันการแข่งขันเสนอราคาแย่งชิงห้องพัก

เมื่อตัวเลือกมีไม่มาก ผู้จัดจึงหันไปหาเรือสำราญ แบบเดียวกับที่เอเปคซัมมิตปี 2018 ที่เมืองพอร์ตมอร์สบีของปาปัวนิวกินีเคยทำ ประเทศนี้ได้ชื่อว่ายากจนที่สุดและอาชญากรรมสูงสุดในภูมิภาค ใครเลยจะคิดว่าเกาหลีใต้ เขตเศรษฐกิจก้าวหน้าสูงสุดแห่งหนึ่งของโลกจะหันไปใช้วิธีการเดียวกันนี้

เรือสำราญเปียโนแลนด์ ขนาด 70,000 ตันพร้อมห้องพัก 850 ห้อง บาร์คาราโอเกะ ยิม ลู่วิ่งและสระว่ายน้ำ ตอนนี้จอดอยู่ที่ท่าเรือยองอิลมันใกล้เมืองโพฮัง ที่ตั้งพอสโกโฮลดิงส์ บริษัทเหล็กยักษ์ใหญ่ ส่วนอีสเทิร์นวีนัส เรือลำเล็กลงมาด้วยห้องพัก 270 ห้อง จะทำหน้าที่เป็นโรงแรมลอยน้ำเช่นกัน

ทุกๆ เช้าผู้บริหารหลายร้อยคนจะต้องลงเรือเพื่อเดินทางไปยังสถานที่ประชุมใช้เวลาเกือบหนึ่งชั่วโมง หลายคนคิดแล้วก็สยดสยอง แต่การพักในเมืองใกล้ๆ อย่างปูซานหรือแทกูก็ไม่ได้ดีไปกว่ากัน ผู้บริหารภาคอุตสาหกรรมคนหนึ่งที่ไม่เปิดเผยชื่อกับบลูมเบิร์ก กล่าวว่า เขาเคยมีแผนพักในปูซานแต่กลับไม่มีห้องว่างเลยจำต้องเลือกพักบนเรือแทน

ผู้จัดงานพยายามคิดบวก โน้มน้าวว่า เรือสำราญ “เป็นประสบการณ์หรูหราหาใดเปรียบ” ขณะที่รัฐบาลเร่งรักษาความปลอดภัยทั่วเมืองคย็องจู วางกำลังตำรวจมากถึง 18,500 นายรวมถึงหน่วยสวาท, เจ้าหน้าที่ตรวจการชายฝั่ง รถหุ้มเกราะ และเครื่องรบกวนสัญญาณ โดยเรือยามชายฝั่งจะช่วยตรวจตรารอบๆ เรือสำราญที่พักด้วย

ฮอง จินวุก เอกอัครราชทูตเกาหลีใต้ประจำสิงคโปร์กล่าวว่า แม้อินชอนและเจจูได้รับการพิจารณาเป็นสถานที่จัดประชุม แต่สุดท้ายแล้วคย็องจูได้รับเลือกเพราะมีรากเหง้าวัฒนธรรมอันลึกซึ้ง

“ผมมั่นใจ 100% เลยว่า จะไม่มีปัญหาใหญ่ด้านการขนส่งใดๆ เลยระหว่างการจัดงาน” ฮองกล่าว

แนวคิดเรื่องการเช่าเรือมาจาก เช แทวอน ประธานบริษัทเอสเคกรุ๊ปและหอการค้าและอุตสาหกรรมเกาหลี ผู้ดูแลการประชุมซีอีโอเอเปค แผนการนี้ต้องการหลีกเลี่ยงปัญหาสร้างโรงแรมใหม่แล้วต้องร้างหลังงานจบ แต่กลับต้องเจอความท้าทายของตนเอง นั่นคือปัญหาความปลอดภัยในทะเล, การจัดเลี้ยงและจัดการขยะ,การขนส่งระหว่างที่พักกับสถานที่จัดประชุม และการคงบริการชั้นยอดทั้งความปลอดภัยและความสะดวกสบายของแขกระดับวีไอพีเอาไว้ให้ได้

แม้รู้ดีว่าการเตรียมการยุ่งยากขนาดไหน เจ้าหน้าที่คนหนึ่งเผยว่า การขนส่งเป็นเรื่องสุดปวดหัว บลูมเบิร์กสอบถามไปยังคณะกรรมการจัดเตรียมงานไม่ได้รับคำตอบ

คย็องจูเป็นหนึ่งในเมืองเล็กๆ ไม่กี่เมืองที่ได้จัดการประชุมระดับโลก ทุกๆ ฤดูหนาวเมืองดาวอสของสวิตเซอร์แลนด์จะเต็มไปด้วยผู้นำโลกมารวมตัวกันในการประชุมเวิลด์อีโคโนมิกฟอรัม และในทุกๆ ฤดูร้อนผู้บริหารธนาคารต้องไปที่เมืองแจ็กสันโฮล รัฐไวโอมิงของสหรัฐ

อย่างไรก็ตาม คย็องจูแทบไม่มีประสบการณ์จัดงานประชุมผู้นำใหญ่ระดับนี้เลย ชวนให้นึกถึงเมืองเบเลมของบราซิล เจ้าภาพการประชุมผู้นำด้านสภาพภูมิอากาศ หรือ COP30 ที่ต้องใช้เรือสำราญรับรองตัวแทนเหมือนกัน

การประชุมเอเปคที่มีทั้งการประชุมซีอีโอและผู้นำ เริ่มตั้งแต่วันที่ 28 ต.ค.ไปจนถึง 1 พ.ย. ทุกสายตาจับจ้องไปที่ประธานาธิบดีทรัมป์และประธานาธิบดีสี ที่จะเจอกันตัวต่อตัวครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2019 วาระของพวกเขามีทั้งเรื่องแรร์เอิร์ธ เฟนทานิล ถั่วเหลือง และไต้หวัน รวมถึงอนาคตของติ๊กต็อกและการควบคุมส่งออกเทคโนโลยี

แต่ปัญหาที่เร่งด่วนยิ่งกว่าคือการจัดหาเตียงให้เพียงพอสำหรับทุกคน การประชุมผู้นำทำให้ราคาห้องพักพุ่งพรวด บางกรณีสูงถึง 10 เท่าจากราคาปกติ

โช ฮังยอน เจ้าของโรงแรมในท้องถิ่นเผยว่า แพลตฟอร์มจองโรงแรมถึงขนาดขอซื้อทั้งโรงแรมสำหรับงานนี้โดยเฉพาะในราคาน่าสนใจ แต่เขาต้องคว่ำข้อเสนอนี้เพราะโรงแรมถูกจองเรียบร้อยแล้ว

“รายได้รวมคาดว่าจะเพิ่มขึ้นกว่าปกติกราว 30% เหมือนกับมีวันหยุดชูซ็อกสองวันในเดือนเดียว” โช เจ้าของโรงแรมขนาด 32 ห้องในคย็องจู และโรงแรมอีกสามแห่งในปูซานกล่าวโดยอ้างถึงวันหยุดขอบคุณพระเจ้าของเกาหลีใต้

การหาที่นอนนั้นเรื่องหนึ่ง แต่การจัดหาอาหารให้แขกเป็นหมื่นๆ คนก็เป็นอีกเรื่องที่ต้องจัดการ แหล่งข่าววงในรายหนึ่งเล่าว่า หลายโรงแรมไม่มีครัวหรือห้องอาหารใหญ่พอเสิร์ฟแขกหลายร้อยคนพร้อมๆ กัน ผู้แทนจำนวนหนึ่งต้องไปรับประทานอาหารเช้าในที่ประชุม

การที่คย็องจูไม่มีสนามบินนานาชาติ จึงต้องจัดเฮลิคอปเตอร์ไว้คอยบริการแขกระดับสูงผู้ไม่ต้องการนั่งรถนานๆ จากปูซานหรือโพฮัง การจราจรที่เพิ่มเข้ามาประกอบกับมาตรการรักษาความปลอดภัยอันเข้มงวด อาจปั่นป่วนกำหนดการที่ผู้แทนจะต้องวิ่งรอกประชุมติดๆ กัน

•   คย็องจูพื้นที่แห่งความสามัคคี

ส่วนงานกาลาดินเนอร์ รัฐบาลตัดสินใจย้ายสถานที่จากหอประชุมเพิ่งสร้างใหม่มูลค่า 5.7 หมื่นล้านดอลลาร์ ณ พิพิธภัณฑ์แห่งชาติคย็องจูไปยังโรงแรมแห่งหนึ่ง เรียกเสียงวิจารณ์ว่าผลาญเงินภาษีและพลาดโอกาสประชาสัมพันธ์มรดกคย็องจู

แหล่งข่าวอีกรายระบุว่า อาคารแห่งนี้ยังไม่ผ่านการตรวจสอบความปลอดภัยอัคคีภัย ทั้งยังไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกอีกหลายอย่าง เช่น พื้นที่การแสดง ครัว และห้องน้ำ

ฮอง จินวุก   ให้ข้อมูลว่า พิพิธภัณฑ์นี้ถูกกำหนดให้เป็นสถานที่ประชุมทวิภาคีนอกรอบการประชุมผู้นำเอเปค

จากปัญหาทั้งหมดทั้งมวลที่กล่าวมา เจ้าหน้าที่หลายคนจึงอยากให้โฟกัสสิ่งที่คย็องจูนำเสนอมากกว่าโดยอธิบายว่าคย็องจูเป็นสถานที่หายากที่ผู้นำโลก ผู้บริหารภาคธุรกิจ และนักการทูตสามารถมารวมตัวกันเพื่อหารือเกี่ยวกับปัญหาในระดับโลก

“พื้นที่แห่งความสมัครสมานสามัคคีกำลังถูกสร้างขึ้นในคย็องจู ในเวลาที่ทุกคนต่างข่มขู่กันและกัน นี่คือช่วงเวลาประวัติศาสตร์อย่างแท้จริง” คิม ยองบอม หัวหน้าคณะทำงานด้านนโยบายของประธานาธิบดีให้สัมภาษณ์ทางออนไลน์ล่าสุด จะเป็นจริงเช่นนั้นหรือไม่โลกจะได้เห็นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า