จีนขึ้นแท่นผู้ผลิต 'คาเวียร์–ฟัวกราส์' ระดับโลก เขย่าตลาดอาหารหรูยุโรป

จีนขึ้นแท่นผู้ผลิต 'คาเวียร์–ฟัวกราส์' ระดับโลก เขย่าตลาดอาหารหรูยุโรป

จีนกลายเป็นผู้ส่งออกคาเวียร์รายใหญ่ที่สุดของโลก โดยครองส่วนแบ่งตลาดถึง 44% รวมทั้งยังผลิตฟัวกราส์ได้เกือบ 30% ของตลาดโลก และยังเป็นผู้ส่งออกสินค้าเกษตรหรูอื่นๆ เช่น ทรัฟเฟิล

KEY

POINTS

  • จีนกลายเป็นผู้ส่งออกคาเวียร์รายใหญ่ที่สุดของโลก โดยครองส่วนแบ่งตลาดถึง 44%
  • จีนผลิตฟัวกราส์ได้เกือบ 30% ของตลาดโลก และยังเป็นผู้ส่งออกสินค้าเกษตรหรูอื่นๆ เช่น ทรัฟเฟิล
  • การเติบโตอย่างรวดเร็วของจีนได้สร้างแรงกดดันให้ผู้ผลิตอาหารหรูในยุโรปต้องปรับตัวเพื่อแข่งขัน
  • นี่เป็นส่วนหนึ่งของนโยบายรัฐบาลจีนที่ต้องการเปลี่ยนภาพลักษณ์จากผู้ผลิตสินค้าราคาถูกสู่สินค้าพรีเมียม

จีนกำลังสร้างชื่อใหม่บนเวทีอาหารกูร์เมต์โลก จาก “โรงงานของโลก” ที่เคยผลิตสินค้าราคาถูก สู่ผู้ผลิตอาหารหรูระดับพรีเมียมอย่าง คาเวียร์ (Caviar) และ ฟัวกราส์ (Foie Gras) ที่ครองสัดส่วนตลาดโลกเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จนกลายเป็นคู่แข่งสำคัญของยุโรปในตลาดอาหารระดับสูง

คาเวียร์จีนตีตลาดโลก ครองสัดส่วน 44%

บนชั้น 19 ของร้านอาหารหรู Vue ในสิงคโปร์ เชฟชื่อดังได้เปิดตัวคาเวียร์แบรนด์ Kaluga Queen ที่ระบุชัดบนฉลากว่า “Made in China” คาเวียร์ชนิดนี้ถูกขนานนามว่าเป็น “สัญลักษณ์แห่งความหรูหรา” ที่มีกลิ่นหอมเฉพาะและรสชาติเข้มข้นจากทะเล

จีนขึ้นแท่นผู้ผลิต 'คาเวียร์–ฟัวกราส์' ระดับโลก เขย่าตลาดอาหารหรูยุโรป

ข้อมูลจาก International Trade Centre ระบุว่า ปี 2024 จีนส่งออกคาเวียร์มากที่สุดในโลก คิดเป็น 44% ของตลาดโลก ทิ้งห่างอิตาลีซึ่งอยู่อันดับ 2 ที่ 10% โดยบริษัท Hangzhou Qiandaohu Xunlong Sci-Tech Co. เจ้าของแบรนด์ Kaluga Queen ดำเนินฟาร์มปลาสเตอร์เจียนที่ใหญ่ที่สุดในโลก ใช้ระบบ AI ตรวจวัดคุณภาพน้ำและควบคุมการให้อาหารปลาอย่างแม่นยำ

จีนขึ้นแท่นผู้ผลิต 'คาเวียร์–ฟัวกราส์' ระดับโลก เขย่าตลาดอาหารหรูยุโรป

มากไปกว่านั้น จีนยังผลิตฟัวกราส์ได้กว่า 7,000 ตันต่อปี คิดเป็นเกือบ 30% ของตลาดโลก และกลายเป็นผู้ส่งออกเห็ดทรัฟเฟิลรายใหญ่ โดยในปี 2023 จีนส่งออกกว่า 32.5 ตัน เพิ่มขึ้น 60% จากปีก่อนหน้า

นอกจากนี้ พื้นที่หลายมณฑลยังหันมาผลิตสินค้าเกษตรระดับพรีเมียม เช่น ไวน์และน้ำมันมะกอกจากมณฑลกานซู่, แครนเบอร์รีจากเฮยหลงเจียง, เนื้อวากิวจากมองโกเลียในและจี๋หลิน

รายงานจาก Ali Research ระบุว่า ปัจจุบันจีนมีสินค้าพรีเมียมกว่า 100 ชนิดที่เกิดจากการต่อยอดเทคโนโลยี ลดต้นทุนแรงงาน และเพิ่มประสิทธิภาพโลจิสติกส์ จนสามารถแข่งขันกับสินค้านำเข้าจากตะวันตกได้อย่างสูสี

กลยุทธ์ ‘Made in China’ ฉบับใหม่

เพื่อกระตุ้นการบริโภคในประเทศ ผู้ผลิตหลายรายเริ่มปรับราคาสินค้าให้เข้าถึงง่ายขึ้น คาเวียร์ Kaluga มีราคาขายราว 8.5 หยวนต่อกรัม ถูกกว่าสินค้านำเข้ากว่าหนึ่งในสาม พร้อมต่อยอดผลิตภัณฑ์ใหม่ เช่น คาเวียร์ไอศกรีม คาเวียร์ขนมไหว้พระจันทร์ หรือ ฟัวกราส์ในติ่มซำและซอสไวน์ผลไม้

จีนขึ้นแท่นผู้ผลิต 'คาเวียร์–ฟัวกราส์' ระดับโลก เขย่าตลาดอาหารหรูยุโรป

ทั้งนี้ บทวิเคราะห์ของบลูมเบิร์ก เผยว่า แนวโน้มนี้สะท้อนความพยายามของรัฐบาลจีนในการผลักดันอุตสาหกรรมท้องถิ่นให้ “ยกระดับมูลค่าเพิ่ม” เปลี่ยนจากการผลิตสินค้าราคาถูกสู่สินค้าหรูที่สะท้อนภาพลักษณ์ใหม่ของประเทศ

 

กระแสต้าน–คู่แข่งยุโรปกังวล

อย่างไรก็ตาม อุตสาหกรรมฟัวกราส์ของจีนยังเผชิญเสียงวิจารณ์จากกลุ่มผู้รักสัตว์ เนื่องจากขั้นตอนการผลิตเกี่ยวข้องกับการกรอกอาหารให้เป็ดอย่างทรมาณ ซึ่งหลายประเทศมองว่าโหดร้าย ขณะที่ผู้ผลิตยุโรปและญี่ปุ่นเริ่มรู้สึกถึงแรงกดดันในการแข่งขัน

ก่อนหน้านี้ ญี่ปุ่น ได้ออกข้อจำกัดการส่งออกพันธุกรรมวากิวเพื่อปกป้องตลาด ส่วนอุตสาหกรรมยุโรปออกแคมเปญ “True Wagyu” และ “Italian Caviar” เพื่อยืนยันคุณภาพเหนือสินค้าจีน ขณะที่สื่ออุตสาหกรรมในยุโรปเตือนว่า การสนับสนุนจากรัฐจีนอาจ “เขย่าภูมิทัศน์การแข่งขันโลก” เช่นเดียวกับสิ่งที่เกิดในอุตสาหกรรมยานยนต์

บทวิเคราะห์ของบลูมเบิร์ก เผยว่า แม้ผู้บริโภคบางส่วนยังมองว่า “Made in China” ขาดความหรูหรา แต่แบรนด์จีนหลายรายเริ่มสร้างชื่อในตลาดโลก เช่น Kaluga Queen ซึ่งปัจจุบันส่งออกไปกว่า 46 ประเทศ และเสิร์ฟใน 23 ร้านมิชลินสตาร์ในฝรั่งเศส รวมถึงห้องโดยสารชั้นหนึ่งของสายการบิน Lufthansa

จีนขึ้นแท่นผู้ผลิต 'คาเวียร์–ฟัวกราส์' ระดับโลก เขย่าตลาดอาหารหรูยุโรป

หวัง ปิน ผู้ก่อตั้งบริษัทกล่าวว่า การได้รับเลือกให้เสิร์ฟบนเครื่อง Lufthansa คือจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้แบรนด์จีนเริ่มได้รับการยอมรับในวงการอาหารระดับสูง “อดีตเราชนะด้วยราคาถูก แต่วันนี้ จีนกำลังชนะด้วยคุณภาพ” เขากล่าว

ท้ายที่สุด จะเห็นชัดเจนว่ากรณีของคาเวียร์และฟัวกราส์สะท้อนทิศทางใหม่ของเศรษฐกิจจีน จากผู้ผลิตสินค้าราคาต่ำ สู่ผู้กำหนดมาตรฐานใหมในตลาดสินค้าหรูระดับโลก ภายใต้นโยบาย “Made in China เวอร์ชันพรีเมียม” ที่ตั้งเป้าปรับภาพลักษณ์ประเทศจาก “โรงงานของโลก” ไปสู่ “แหล่งกำเนิดของความหรูหรา”

อ้างอิง: Bloomberg