ดีลยักษ์หนุน Intel โกยเงินสด 2 หมื่นล้านดอลลาร์ ดันกำไรไตรมาส 3 แกร่ง

ดีลยักษ์หนุน Intel โกยเงินสด 2 หมื่นล้านดอลลาร์  ดันกำไรไตรมาส 3 แกร่ง

ดีลยักษ์หนุน Intel โกยเงินสด 2 หมื่นล้านดอลลาร์ จาก Nvidia, SoftBank และสหรัฐ อุ้มผลประกอบการไตรมาส 3 ทั้ง 'รายได้-กำไร' โตแกร่ง

สำนักข่าวนิกเกอิเอเชียรายงานว่า บริษัท Intel ผู้ผลิตชิปยักษ์ใหญ่ รายงานผลประกอบการไตรมาส 3 ที่แข็งแกร่ง โดยพลิกกลับมาทำกำไรได้สำเร็จ หลังจากได้รับเงินสดก้อนใหญ่กว่า 2 หมื่นล้านดอลลาร์ จากดีล Nvidia, SoftBank Group และเงินช่วยเหลือจาก รัฐบาลสหรัฐ

ผลประกอบการ Intel สดใส 

Intel รายงานรายได้รวมในไตรมาสที่ 3 อยู่ที่ 1.37 หมื่นล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 3% เมื่อเทียบกับปีก่อน และสูงกว่าที่บริษัทคาดการณ์ไว้ และมีกำไรสุทธิ พลิกกลับมาเป็นบวกที่ 4.1 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งดีขึ้นอย่างมาก เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุนเกือบ 1.7 หมื่นล้านดอลลาร์

กลุ่มธุรกิจคอมพิวเตอร์ไคลเอนต์  ซึ่งขายชิปสำหรับคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล (PC) เติบโต 5% คิดเป็นรายได้ 8,500 ล้านดอลลาร์ เป็นกลุ่มธุรกิจที่ทำเงินสูงสุด

หลังการประกาศผลประกอบการ หุ้นของ Intel ปรับตัวสูงขึ้นมากกว่า 7% ในการซื้อขายหลังปิดตลาด

3 ดีลใหญ่อุ้มบริษัท

ลิป-บู ตัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Intel เปิดเผยว่า เงินสดและสภาพคล่องของบริษัทดีขึ้นอย่างมาก จากการเร่งระดมทุนจากรัฐบาลสหรัฐ, การลงทุนสำคัญจาก Nvidia และ SoftBank Group รวมถึงการขายหุ้นบางส่วนของ Mobileye และ Altera กว่า 5,200 ล้านพันล้านดอลาร์

  • Nvidia ตกลงลงทุน 5 พันล้านดอลลาร์ และจะร่วมมือด้านวิศวกรรมเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ AI ใหม่ ๆ สำหรับศูนย์ข้อมูลและคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล
  • SoftBank ลงทุน 2 พันล้านดอลลาร์ เพื่อแลกกับหุ้นประมาณร้อยละ 2 และเชื่อว่า Intel จะมีบทบาทสำคัญในโครงสร้างพื้นฐาน AI
  • รัฐบาลสหรัฐมอบเงินช่วยเหลือ 5.7 พันล้านดอลลาร์ ในไตรมาสนี้ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกฎหมาย CHIPS และโครงการ Secure Enclave เพื่อสนับสนุนการผลิตชิปในประเทศ

คาดยอดขาย 'ชิป' ฟื้นตัวต่อเนื่อง 

Intel คาดการณ์ว่าการฟื้นตัวของยอดขายชิปจะดำเนินต่อไปตลอดปีหน้า และคาดการณ์ในระยะยาวว่า "ความต้องการจะแซงหน้าอุปทาน" ในปี 2569 ทำให้ Intel ได้เปิดโรงงานผลิตขนาดใหญ่ที่แอริโซนาเต็มรูปแบบ และได้เริ่มการผลิตชิปเทคโนโลยี 18A ในปริมาณมาก ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่บริษัทระบุว่าสามารถแข่งขันกับเทคโนโลยี 2 นาโนเมตรของคู่แข่งอย่าง TSMC ได้

 

อ้างอิง Nikkei