ถอดบทเรียน 'วิกฤติแบงก์สหรัฐ' รอบใหม่ และ 'แมลงสาบ' ในวอลล์สตรีท

ถอดบทเรียน 'วิกฤติแบงก์สหรัฐ' รอบใหม่ และ 'แมลงสาบ' ในวอลล์สตรีท

กรณีศึกษาการล้มละลายในสหรัฐของ First Brands และ Tricolor จะนำไปสู่วิกฤติแบงก์สหรัฐเหมือนเมื่อครั้ง SVB หรือวิกฤติซับไพรม์ 2008 หรือไม่ และทำไมซีอีโอ JPMorgan ถึงเตือนเรื่อง 'แมลงสาบ' ในระบบเศรษฐกิจสหรัฐ

KEY

POINTS

  • การล้มละลายของบริษัทในอุตสาหกรรมรถยนต์สหรัฐ 2 แห่ง คือ Tricolor Holdings และ First Brands Group กำลังถูกจับตาว่าเป็นสัญญาณเตือนของวิกฤตการเงินรอบใหม่
  • ปัญหาหลักเกิดจากตลาดสินเชื่อภาคเอกชน (Private Credit) ที่เติบโตอย่างรวดเร็วแต่ขาดการกำกับดูแล ทำให้เกิดปัญหาหนี้ซ่อนเร้นและการฉ้อโกง ซึ่งอาจเป็นความเสี่ยงต่อระบบการเงิน
  • เจมี ไดมอน ซีอีโอของ JPMorgan Chase เตือนถึง "แมลงสาบ" ในระบบเศรษฐกิจ โดยเปรียบว่าการล้มละลายนี้อาจเป็นเพียงปัญหาแรกที่ถูกเปิดเผย และยังมีปัญหาอื่นซ่อนอยู่อีกมาก ซึ่งนำไปสู่การเทขายหุ้นธนาคารภูมิภาค

ก่อนวิกฤติซับไพรม์ปี 2008 ชาวอเมริกันเคยเพิกเฉยต่อการล้มละลายของกองทุนเฮดจ์ฟันด์ 2 แห่งของวาณิชธนกิจ Bear Stearns ในปี 2007 ที่เจ๊งจากการกู้ยืมเกินตัว เพราะในเวลานั้น "ตลาดหุ้น" ยังอยู่ในระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ แต่ต่อมาเพียงไม่ถึงปีก็ปรากฏชัดเจนว่าการล้มละลายครั้งนั้น คือหนึ่งใน "สัญญาณเตือนแรกๆ ของวิกฤติการเงินครั้งใหญ่" ซึ่งส่งผลกระทบต่อชาวอเมริกันเกือบทุกคนตามมา

"เจมี ไดมอน" ซีอีโอแห่งแบงก์ยักษ์ JPMorgan Chase คือผู้เข้าช่วยกอบกู้ Bear Stearns ที่เกือบล้มละลายในขณะนั้นด้วยการซื้อกิจการในปี 2008 และในวันนี้เขากำลังเตือนอีกครั้งว่า กำลังมีปัญหาที่อาจถูกซุกอยู่ใต้ตลาดการเงินที่ร้อนแรงในปัจจุบัน

ในรอบนี้ "การล้มละลาย" ของบริษัทสองแห่งในอุตสาหกรรมรถยนต์อเมริกันคือ Tricolor Holdings และ First Brands Group เมื่อเดือนก.ย. ที่ผ่านมา กำลังกลายเป็นความกังวลครั้งใหม่ที่เผยให้เห็น "หลุมดำ" ในระบบการเงินของสหรัฐ โดยเฉพาะการปล่อยกู้นอกแบงก์ของตลาดสินเชื่อภาคเอกชน (Private credit) และกำลังจับตาว่าจะเป็นชนวนไปสู่วิกฤติแบงก์สหรัฐรอบใหม่ หรือไม่

จุดเริ่มต้นของปัญหา

เหตุการณ์เริ่มจากการล้มละลายของ "Tricolor Holdings" บริษัทดีลเลอร์และผู้ปล่อยสินเชื่อซับไพรม์รถยนต์เมื่อช่วงต้นเดือนก.ย. ปัญหาอยู่ที่การปล่อยสินเชื่อซับไพรม์จำนวนมากให้ลูกหนี้ด้อยคุณภาพไม่ต่างอะไรนักกับวิกฤติปี 2008 เพียงแต่ครั้งนั้นคือกลุ่มสินเชื่อที่อยู่อาศัย แต่ครั้งนี้คือกลุ่มสินเชื่อรถยนต์ และตามคำกล่าวของทนายในชั้นศาลยังมี “การฉ้อโกงขนาดใหญ่ผิดปกติ” ในบริษัทด้วย

จากนั้นไม่นานภายในเดือนเดียวกัน "First Brands" บริษัทซัพพลายเออร์ผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ที่มี "โครงสร้างหนี้ซับซ้อนและซ่อนเร้น" ก็สร้างความตื่นตระหนกให้วอลสตรีทด้วยการยื่นล้มละลายตามมาภายใต้มาตรา 11 และมีปัญหาฉ้อโกงที่กำลังถูกกระทรวงยุติธรรมเปิดสอบสวนคดีอาญา ซึ่งทำให้บริษัทการเงินหลายแห่งที่เป็นผู้ปล่อยกู้ได้รับผลกระทบอย่างหนัก

โดยปกติแล้ว การล้มละลายของบริษัทขนาดกลางเช่นนี้แทบไม่สะเทือนวอลล์สตรีท แต่ครั้งนี้กลับกลายเป็นเรื่องใหญ่ 

First Brands เป็นบริษัทเอสเอ็มอีขนาดกลางผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ขายในร้านค้าปลีกรายใหญ่อย่าง AutoZone และ Walmart ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาบริษัทได้ขยายกิจการอย่างต่อเนื่อง ซึ่งดูเหมือนเป็นเพียงแค่การเติบโตที่เร็วเกินไปเท่านั้น

แต่ในตอนนี้ บริษัทกลายเป็นศูนย์กลางความปั่นป่วนในวอลล์สตรีทและที่อื่นๆ เกี่ยวกับที่มาของ "เงินกู้" ที่ผลักดันการเติบโตของบริษัท และยังอาจเกี่ยวพันกับ "การทำบัญชีที่น่าสงสัย" ซึ่งเจ้าหนี้บางรายเคยอ้างถึงก่อนการล้มละลาย

First Brands จากดาวรุ่งสู่ 'กล่องดำทางบัญชี'

First Brands เป็นบริษัทก่อตั้งโดย "แพทริก เจมส์" นักธุรกิจชาวมาเลเซียในเมืองคลีฟแลนด์ เคยถูกมองว่าเป็น “กรณีศึกษาความสำเร็จ” จากการเติบโตของบริษัทที่ซื้อกิจการธุรกิจกว่า 15 แห่ง รวมถึงแบรนด์ดังอย่าง FRAM ผู้ผลิตกรองอากาศ/กรองน้ำมัน และ Autolite ผู้ผลิตหัวเทียนรถยนต์ บริษัทมีพนักงานกว่า 26,000 คน และมียอดขายในปีที่แล้วมากกว่า 5 พันล้านดอลลาร์ จำหน่ายผลิตภัณฑ์ทั้งทางตรงและเป็นซัพพลายเออร์ผ่านผู้ผลิตรถยนต์ใน 5 ทวีป

อย่างไรก็ตามเพื่อขยายกิจการ First Brands ได้กู้เงินจำนวนมหาศาล ทั้งในรูปแบบหนี้ปกติบนงบดุลกว่า 6 พันล้านดอลลาร์ และในรูปแบบนอกงบดุล (off-balance-sheet) ที่ยากจะตรวจสอบ

ระหว่างการเจรจาปรับโครงสร้างหนี้เมื่อกลางปี 2025 บรรดาผู้ให้กู้เริ่มสงสัยและขอข้อมูลเพิ่มเติม ก่อนจะพบว่าบริษัทมี “หนี้ซ่อน” อีกหลายพันล้าน และยังพบพฤติกรรมซ้ำซ้อน เช่น ใช้ใบแจ้งหนี้ (invoice) เดียวกันค้ำประกันเงินกู้จากหลายสถาบัน และมีการนับยอดขายซ้ำสองหรือสามรอบเพื่อเพิ่มวงเงินกู้

กระทบต่อกลุ่มแบงก์ในสหรัฐ อย่างไร

ข้อมูลจากศาลล้มละลายในรัฐเทกซัสและผู้มีส่วนร่วมในกระบวนการเจรจาระบุว่า ความสูญเสียรวมอาจมีมูลค่าสูงถึงหลายพันล้านดอลลาร์ โดยมีธนาคารและสถาบันการเงินรายใหญ่หลายแห่งได้รับผลกระทบ เช่น

  • Jefferies ซึ่งเป็นธนาคารเพื่อการลงทุนในนิวยอร์ก เป็นผู้นำจัดโครงสร้างเงินกู้ให้ First Brands
  • UBS ธนาคารยักษ์ใหญ่สัญชาติสวิส เป็นผู้ให้กู้รายใหญ่
  • BlackRock บริษัทจัดการสินทรัพย์รายใหญ่ เป็นผู้ส่งเงินผ่านตัวกลางไปปล่อยกู้ให้ First Brands

หลังคำเตือนของเจมี ไดมอน เรื่อง “แมลงสาบในระบบเศรษฐกิจสหรัฐ” นักลงทุนได้แห่เทขายหุ้นธนาคารภูมิภาคในสหรัฐ (regional bank) และบริษัทการลงทุนที่เกี่ยวข้องกับการล้มละลายครั้งนี้ แม้ว่าจะเกี่ยวพันทางอ้อมผ่านตลาดสินเชื่อเอกชน ไม่ใช่การปล่อยกู้ให้โดยตรงก็ตาม 

หุ้นธนาคารภูมิภาคที่ร่วงหนักที่สุดในวันพฤหัสฯ ที่ผ่านมาได้แก่ Western Alliance Bancorporation และ Zions Bancorporation โดยหุ้นของ Zions ร่วงลง 13% และ Western Alliance ลดลงเกือบ 10% ก่อนจะฟื้นเล็กน้อยในช่วงก่อนเปิดตลาดวันศุกร์ 

กรณีเหล่านี้ยังนับเป็นสัญญาณล่าสุดที่เพิ่มความวิตกในวอลล์สตรีท เกี่ยวกับ "ความอ่อนแอของสินเชื่อภาคธุรกิจ" หลังการล้มละลายของ Tricolor และ First Brands อีกด้วย

ตลาด 'Private Credit' กำลังสั่นสะเทือน

สิ่งที่น่ากังวลไม่ใช่เพียงมูลค่าความเสียหาย แต่คือ "ต้นตอของเงินกู้" ซึ่งมาจากตลาดเงินกู้ภาคเอกชน (private credit) ที่เติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา มีมูลค่าหลายล้านล้านดอลลาร์จากเงินบำนาญ มหาวิทยาลัย และกองทุนลงทุนต่างๆ ตลาดนี้แตกต่างจากธนาคารทั่วไป ผู้ปล่อยกู้มักอ้างว่ามีความยืดหยุ่นสูง เข้าใจธุรกิจเสี่ยงได้ดี และ "ไม่ต้องรายงานข้อมูลต่อสาธารณะ" ซึ่งหมายความว่าการตรวจสอบและการเปิดเผยข้อมูลมีน้อยมาก

รัฐบาลทรัมป์ยังเคยเปิดทางให้กองทุนเงินออมเกษียณของลูกจ้าง 401(k) สามารถนำเงินไปลงทุนในกองทุน private equity ที่ให้กู้ประเภทนี้ได้ด้วย ทำให้ความเสี่ยงของระบบเพิ่มขึ้นอีกขั้น

ไดมอนเตือน 'แมลงสาบ' ในวอลล์สตรีท

เจมี ไดมอน ซีอีโอของ JPMorgan กล่าวเตือนเอาไว้เมื่อสัปดาห์ที่แล้วถึง “แมลงสาบในระบบเศรษฐกิจสหรัฐ” และยังจุดชนวนให้นักลงทุนเทขายหุ้นธนาคารภูมิภาคและบริษัทการลงทุนที่เกี่ยวข้องกับการล้มละลายของ Tricolor และ First Brands

“เสาอากาศของผมจะตั้งขึ้นทันทีเมื่อเกิดเรื่องแบบนี้” ไดมอนกล่าวระหว่างการประชุมทางโทรศัพท์กับนักวิเคราะห์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว  “ผมอาจไม่ควรพูดแบบนี้ แต่เมื่อคุณเห็นแมลงสาบตัวหนึ่ง มันมักจะมีอีกหลายตัวตามมา... ทุกคนควรระวังไว้”

JPMorgan ก็เป็นหนึ่งในผู้เสียหายจากเหตุการณ์นี้เช่นกัน โดยต้องบันทึกหนี้สูญประมาณ 170 ล้านดอลลาร์ จากการปล่อยกู้ให้ Tricolor ซึ่งไดมอนยอมรับว่า “นี่ไม่ใช่ช่วงเวลาที่ดีที่สุดของเรา” 


ที่มา: CNN, The New York Times, Bloomberg