หลังประตูเจรจา เซเลนสกี คุยทรัมป์รอบใหม่ ขอโทมาฮอว์ก ฉายแวววืด

“เซเลนสกี“ เจรจาทรัมป์ครั้งใหม่ ชัดเจนว่าผู้นำสหรัฐแสดงตัวเป็นกลางระหว่างยูเครน - รัสเซีย ดูเหมือนจะพักหนุนอาวุธที่ผู้นำยูเครนต้องการ ปิดเกมสงครามกับรัสเซีย
ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน เดินทางไปยังทำเนียบขาวเมื่อวันศุกร์ (17 ต.ค.) หวังได้อาวุธใหม่ทำสงครามกับรัสเซีย แต่กลับเจอประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐ วางท่าเป็นคนกลาง ไกล่เกลี่ยข้อตกลงสันติภาพมากกว่า สนับสนุนยูเครนยกระดับคลังอาวุธ
แม้ประธานาธิบดีทรัมป์ไม่ปิดโอกาสในการจัดหาโทมาฮอว์ก ซึ่งเป็นขีปนาวุธพิสัยไกลที่เซเลนสกีต้องการ แต่ตอนนี้ ทรัมป์กลับแสดงนิ่งเฉยต่อความต้องการของเซเลนสกี ท่ามกลางตั้งตารอการพบปะกับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน อีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้าที่ฮังการี
หลังการพูดคุยกันนาน 2 ชั่วโมง ทรัมป์ได้เรียกร้องทั้งยูเครนและรัสเซีย “หยุดสงครามทันที” แม้หมายถึงยูเครนต้องเสียดินแดนก็ตาม
“หยุดอยู่แนวรบ ทั้งสองฝ่ายควรกลับไปหาครอบครัวตนเอง” ทรัมป์กล่าวกับผู้สื่อข่าว ระหว่างเดินทางกลับบ้านพักเวสต์ปาล์มบีช ที่ฟลอริดา “หยุดการประหักประหาร ควรจบลง หยุดรบกันทันที ผมได้บอกกับประธานาธิบดีเซเลนสกีแล้ว เช่นกับที่ได้บอกกับประธานาธิบดีปูติน” ทรัมป์ระบุ
ในห้องเจรจาแบบปิด
การที่ทรัมป์กลับมาเจรจากับปูตินอีกครั้ง วิธีนี้เคยสร้างความผิดหวังให้กับเซเลนสกีกับบางประเทศพันธมิตรในยุโรป และยังส่งผลต่อบรรยากาศการเจรจาระหว่างเขากับเซเลนสกี
ครั้งนี้ ผู้นำทั้งสองได้หารือแบบปิด ซึ่งพวกเขายังได้พูดคุยถึงเมื่อวันก่อนที่ทรัมป์ยกหูโทรศัพท์กับประธานาธิบดีรัสเซีย โดยระหว่างการสนทนา ประธานาธิบดีทรัมป์วางตนเองเป็นกลางต่อเหตุเผชิญหน้าของกองกำลังทหารรัสเซีย รุกรานยูเครนในปี 2022
อย่างไรก็ตาม เซเลนสกีตั้งข้อสังเกตว่า การพยายามบรรลุข้อตกลงหยุดยิงนั้นยากลำบากเพียงใด "เราต้องการสิ่งนี้ แต่ปูตินไม่ต้องการ"
ผู้นำยูเครนกล่าวอย่างตรงไปตรงมากับทรัมป์ว่ายูเครนมีโดรนหลายพันลำ พร้อมสำหรับการโจมตีเป้าหมายของรัสเซีย แต่จำเป็นต้องมีขีปนาวุธพิสัยไกลของสหรัฐ
"เราไม่มีโทมาฮอว์ก นั่นคือเหตุผลที่เราต้องการโทมาฮอว์ก" เซเลนสกีกล่าว และทรัมป์ตอบว่า "เราอยากให้พวกคุณ ไม่ใช้โทมาฮอว์กมากกว่า"
จากนั้น ทรัมป์ย้ำความต้องการที่สหรัฐเก็บอาวุธนี้ไว้ “พวกเราต้องการโทมาฮอว์กเช่นกัน เราไม่อยากมอบสิ่งจำเป็นต่อการปกป้องประเทศเราไป”
หลังการหารือ เซเลนสกีระบุว่าเป็นการประชุมที่มีประสิทธิผล และกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า เขาไม่ต้องการพูดถึงขีปนาวุธพิสัยไกล โดยกล่าวว่า สหรัฐฯ ไม่ต้องการให้เกิดความตึงเครียด และเขา "มองความเป็นจริง" เกี่ยวกับโอกาสที่จะได้ขีปนาวุธดังกล่าวมา
อย่างไรก็ตาม ยังไม่แน่ชัดว่า ปูตินบอกอะไรกับทรัมป์ที่ทำให้เขาตกลงเข้าร่วมการประชุมที่จะเกิดขึ้น ทั้งนี้การประชุมสุดยอดที่อลาสกาในเดือนสิงหาคมของพวกเขาจบลงก่อนกำหนดโดยไม่มีความคืบหน้าสำคัญใดๆ
ในช่วงที่ผ่านมา ดูเหมือนทำเนียบขาวรู้สึกผิดหวังกับปูตินขึ้นเรื่อยๆ และมีแนวโน้มสนับสนุนเซเลนสกีใหม่ รวมถึงขีปนาวุธโทมาฮอว์กที่ยูเครนมองว่า จะจัดการกับกองทัพรัสเซียในสงครามนี้ได้
หลังการเจรจาเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา เซเลนสกีบอกว่า "รัสเซียกลัวโทมาฮอว์ก" ซึ่งรัสเซียเคยกล่าวไว้ ขีปนาวุธดังกล่าว จะไปมาสู่ความตึงเครียดที่ร้ายแรง
แม็กซ์ เบิร์กมันน์ ผู้เชี่ยวชาญด้านรัสเซียจากศูนย์ศึกษายุทธศาสตร์และระหว่างประเทศ กล่าวว่า การกระทำของปูติน ดูเหมือนจะมีจุดมุ่งหมายเพื่อลดโอกาสที่สหรัฐฯ จะส่งมอบอาวุธดังกล่าว
มีโคลา บีลีสคอฟ นักวิเคราะห์อาวุโสของ Come Back Alive องค์กรพัฒนาเอกชนของยูเครน ซึ่งเป็นหน่วยงานจัดหาอุปกรณ์ทางทหารรายใหญ่ให้กับกองทัพยูเครน กล่าวว่า ขีปนาวุธโทมาฮอว์กจะปรับการยกระดับสนามการสู้รบที่มีต่อรัสเซีย
"เราไม่ได้คาดหวังว่ารัสเซียจะพังทลายลง หลังการโจมตีที่ประสบความสำเร็จเพียงหนึ่งครั้ง สอง หรือสามครั้ง" บีลีสคอฟกล่าว "แต่มันเป็นเรื่องสร้างแรงกดดัน และแรงกดดันอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะมีผลต่อศูนย์กองทัพ"
อ้างอิง Reuters







