นานาชาติกระชากหน้ากากกัมพูชา เกาหลีใต้ห้ามเดินทางเข้าปอยเปต

นานาชาติกระชากหน้ากากกัมพูชา  เกาหลีใต้ห้ามเดินทางเข้าปอยเปต

เกาหลีใต้ประกาศห้ามเดินทางไปในบางพื้นที่ของกัมพูชา พร้อมส่งทีมงานเจ้าหน้าที่ระดับสูงเข้าช่วยเหลือพลเมืองที่ถูกหลอกไปทำงานเตรียมส่งกลับประเทศ

สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงาน กระทรวงการต่างประเทศเกาหลีใต้ ออกคำสั่งฉบับใหม่ห้ามพลเมืองเดินทางไปในหลายพื้นที่ของกัมพูชา อาทิ ปอยเปต และกัมปอต พร้อมแนะนำให้คนที่อยู่ในกัมพูชาอยู่แล้ว ออกจากหลายพื้นที่รวมถึงสีหนุวิลล์ โดยอ้างถึงการถูกควบคุมตัว และการถูกหลอกไปทำงานที่เพิ่มมากขึ้น คำสั่งนี้ถือว่าร้ายแรงที่สุดเป็นการสั่งให้พลเมืองออกนอกพื้นที่

วี ซุงลัก ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติเผยว่า  ประชาชนหลายเชื้อชาติราว 20,000 คน ที่พัวพันกับเครือข่ายล่อลวงในกัมพูชาเชื่อว่าเป็นชาวเกาหลีใต้กว่า 1,000 คน

ทั้งนี้ คณะทำงานร่วมของรัฐบาลเกาหลีใต้นำโดยคิม จีนา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศคนที่ 2 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่จากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงยุติธรรม และหน่วยข่าวกรองแห่งชาติ เดินทางถึงสนามบินนานาชาติเตโชทางตอนใต้ของกรุงพนมเปญเมื่อกลางดึกวันพุธ (15 ต.ค.68)

คณะมีแผนพบเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกัมพูชารวมทั้งนายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต เพื่อจัดการวิกฤติหลอกทำงานที่ขยายวงใหญ่โตจนชาวเกาหลีหลายคนต้องตกเป็นเหยื่อ รวมทั้งหาทางประสานการสอบสวนกรณีนักศึกษาวิทยาลัยชาวเกาหลีคนหนึ่งถูกซ้อมทรมานจนเสียชีวิต และหารือกับกัมพูชาถึงแผนการส่งตัวชาวเกาหลี 61 คน ที่ถูกเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองกัมพูชาควบคุมตัวไว้กลับประเทศ เป็นไปได้ว่าเดินทางโดยเครื่องบินเที่ยวพิเศษ

ตัวเลขดังกล่าวลดลงจากเดิม 63 คน เนื่องจากสองคนถูกส่งตัวกลับมาโดยเครื่องบินเมื่อวันอังคาร (14 ต.ค.68) ตำรวจเกาหลีตั้งข้อหาหลอกลวงไปทำงานต่อกลุ่มผู้ถูกจับกุมแล้ว และรัฐบาลโซลกำลังผลักดันให้ส่งตัวกลับมาดำเนินคดีในเกาหลีใต้โดยเร็ว

โคเรียไทม์ส รายงานด้วยว่า คิมลั่นวาจาในการแถลงข่าวที่สนามบินว่าจะเร่งติดต่อกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในเวียดนาม และกัมพูชา เพื่อสอบสวนการเสียชีวิตของหญิงเกาหลี วัย 30 ปีเศษคนหนึ่ง ถูกพบเป็นศพในเวียดนามเมื่อสัปดาห์ก่อน ทางการกล่าวว่ากำลังสอบสวนคดีที่เป็นไปได้ว่าอาจถูกหลอกลวงมากัมพูชา

สหประชาชาติ (ยูเอ็น) ประเมินว่าศูนย์ล่อลวงออนไลน์ที่ผุดขึ้นมาในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หลังโควิด-19 ระบาด สร้างรายได้ให้กับเครือข่ายอาชญากรรมปีละหลายพันล้านดอลลาร์ ใช้วิธีการล่อลวงทางโทรศัพท์ และออนไลน์พุ่งเป้าเหยื่อจากทั่วโลก

ความเคลื่อนไหวของรัฐบาลเกาหลีใต้เกิดขึ้นหลังจากนักศึกษาเกาหลีใต้คนหนึ่งเสียชีวิต เขาถูกหลอกไปทำงานในกัมพูชาด้วยค่าจ้างที่สูงลิ่ว แต่ถูกแก๊งอาชญากรรมซ้อมทรมานจนสิ้นชีพ

สัปดาห์ก่อนเกาหลีใต้เรียกทูตกัมพูชาเข้าพบกรณีการเสียชีวิตของนักศึกษาคนนี้ และการที่พลเมืองเกาหลีใต้ถูกแก๊งอาชญากรรมไซเบอร์กักขังหน่วงเหนี่ยว จึงเรียกร้องให้รัฐบาลพนมเปญเร่งจัดการปัญหา

ในเดือนมิ.ย. องค์กรสิทธิมนุษยชน “แอมเนสตี้อินเตอร์เนชันแนล” กล่าวหารัฐบาลกัมพูชา “จงใจเพิกเฉย” ต่อการละเมิดสิทธิของกลุ่มอาชญากร และว่ารูปแบบ “รัฐล้มเหลว” เช่นนี้ทำให้อุตสาหกรรมสแกมเมอร์มูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์เฟื่องฟู

ด้านรัฐบาลกัมพูชาปฏิเสธข้อกล่าวหาที่ว่ารัฐบาลไม่ทำอะไร และว่ารายงานของแอมเนสตี้ฯ “ปั่นเกินจริง”

วีกล่าวเพิ่มเติมว่า ปีนี้ชาวเกาหลีใต้แจ้งความกับตำรวจ และกระทรวงการต่างประเทศกว่า 300 คดีว่าญาติของตนหายตัวไปในกัมพูชา ราว 80% ของคดีคลี่คลายได้แล้ว ขณะนี้รัฐบาลกำลังดำเนินการ 72 คดี และมีแผนนำประชาชนราว 60 คน ที่ถูกทางการกัมพูชาควบคุมตัวไว้ตั้งแต่เดือนก.ค.กลับประเทศ อีกหลายคนเชื่อว่าสูญหายหรือไม่ ก็ถูกกักขังหน่วงเหนี่ยวโดยที่เจ้าตัวไม่เต็มใจ

  •   สหราชอาณาจักรคว่ำบาตรศูนย์สแกมเมอร์

สถานเอกอัครราชทูตอังกฤษประจำประเทศไทย เผยแพร่แถลงการณ์ สหราชอาณาจักรได้คว่ำบาตรเครือข่ายระดับโลกมูลค่าหลายพันล้านปอนด์ ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานศูนย์หลอกลวงซึ่งทรมานแรงงานที่ถูกค้ามนุษย์

แถลงการณ์ กล่าวว่า ศูนย์หลอกลวงที่ตั้งอยู่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ทำการหลอกลวงเหยื่อทั่วโลกในระดับอุตสาหกรรม เฉพาะในเอเชียตะวันออก และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เกิดความเสียหายจากการฉ้อโกงทางไซเบอร์ในปี 2023 ประเมินเป็นมูลค่าสูงถึง 3.7 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีความเสียหายทั่วโลกจำนวนมากกว่านี้ ซึ่งมีต้นกำเนิดจากภูมิภาคนี้

ผู้อยู่เบื้องหลังปฏิบัติการเหล่านี้ทำการค้ามนุษย์กับชาวต่างชาติจำนวนหลายหมื่นคนจากกว่า 50 ประเทศ เพื่อเป็นเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งถูกติดกับ และตกอยู่ภายใต้สภาพอันไร้มนุษยธรรมในบริเวณที่สร้างขึ้นเฉพาะหรือกาสิโนที่ไม่ได้ใช้งาน พวกเขาถูกบังคับให้ทําการฉ้อโกงทางออนไลน์ และถูกข่มขู่ว่าจะทุบตี ใช้ไฟฟ้าช็อตหรือถูกขายให้กับแหล่งอื่น แอมเนสตี้อินเตอร์เนชั่นแนล อธิบายว่า นี่เป็น “วิกฤติสิทธิมนุษยชนที่น่าตกใจยิ่ง”

ด้วยเหตุนี้สหราชอาณาจักรได้ประสานงานกับสหรัฐอเมริกา และได้ประกาศมาตรการคว่ำบาตรเพื่อต่อสู้กับภัยคุกคามข้ามชาติที่เพิ่มขึ้นซึ่งเกิดจากเครือข่ายนี้ โดยยึดหลักสิทธิมนุษยชน และนำเงินสกปรกเหล่านี้ออกไปจากสหราชอาณาจักร ปฏิบัติการนี้จะเปิดโปง และขัดขวางการดำเนินการต่างๆ ของเครือข่าย ซึ่งจะช่วยปกป้องพลเมือง สหราชอาณาจักร และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จากผลกระทบที่สร้างความเสียหายจากการฉ้อโกง

นี่เป็นตัวอย่างล่าสุดของการทำงานที่แข็งแกร่งของสหราชอาณาจักร ในการจัดการกับการปฏิบัติการในลักษณะดังกล่าวในภูมิภาคนี้ รวมถึงการคว่ำบาตรบุคคล และนิติบุคคลในช่วงปลายปี 2023 เนื่องจากมีส่วนร่วมในการค้ามนุษย์เพื่อทํางานในสถานที่หลอกลวง

"ศูนย์หลอกลวงฉ้อโกงเงินของชาวสหราชอาณาจักรที่หามาได้อย่างยากลําบาก ในขณะที่จับเหยื่อซึ่งมีความเปราะบางเอาไว้ในสํานักงานใหญ่ของเว็บหลอกลวง ดังนั้นเราจึงดําเนินการอย่างเด็ดขาด

 ศูนย์หลอกลวงไม่เคารพต่อพรมแดน และนี่เป็นภัยคุกคามข้ามชาติที่ต้องมีการดําเนินการร่วมกันเพื่อยับยั้งกระแสการเงินที่ผิดกฎหมายที่คุกคามต่อสิทธิมนุษยชนการเติบโตทางเศรษฐกิจ และความมั่นคงของชาติในระดับเท่าเทียมกัน

 เราได้ดําเนินการอย่างเด็ดขาดเพื่อปกป้องพลเมืองสหราชอาณาจักร และบูรณภาพของระบบการเงินของเรา ทั้งนี้เราตระหนักถึงอันตรายที่เกิดขึ้นจากการเงินที่ผิดกฎหมายต่อภูมิภาคนี้ และมุ่งมั่นที่จะทํางานร่วมกับประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อสนับสนุนความพยายามท้องถิ่นในการปราบปรามศูนย์หลอกลวง และเครือข่ายที่ดําเนินการอยู่ในขณะนี้” สตีเฟน ดาวตี้ รัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศสหราชอาณาจักร กล่าว

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์