ทรัมป์ประกาศสงครามการค้าสหรัฐ-จีน เบสเซนต์เสนอสงบศึกระยะยาว

ทรัมป์ประกาศสงครามการค้าสหรัฐ-จีน เบสเซนต์เสนอสงบศึกระยะยาว

ประธานาธิบดี ทรัมป์ ระบุสหรัฐ กำลังติดอยู่ในสงครามการค้ากับจีน ขณะที่ รมว.คลัง เบสเซนต์ เสนอให้ระงับการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีนในอัตราสูงเป็นเวลานานขึ้น

บลูมเบิร์ก รายงานว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวว่าเขามองว่าสหรัฐ กำลังติดอยู่ในสงครามการค้ากับจีน ขณะที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง สก็อตต์ เบสเซนต์ เสนอให้ระงับการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีนในอัตราสูงเป็นเวลานานขึ้น เพื่อยุติความขัดแย้งเกี่ยวกับแร่หายาก

“ตอนนี้คุณก็อยู่ในสถานการณ์นั้นแล้ว” ทรัมป์กล่าวเมื่อวันพุธ ( 15 ต.ค.68) เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า หากทั้งสองประเทศเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดของโลกไม่สามารถบรรลุข้อตกลงทางการค้าได้ ทั้งสองประเทศจะเผชิญกับสงครามการค้าที่ยืดเยื้อหรือไม่ “เรามีอัตราภาษีนำเข้า 100% หากเราไม่เก็บภาษีนำเข้า เราจะถูกมองว่าไม่มีค่าอะไรเลย”

ทรัมป์กล่าวเพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังจากที่เบสเซนต์ปล่อยข่าวเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่จะขยายการระงับการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีนออกไปนานกว่าสามเดือน หากจีนระงับแผนการควบคุมการส่งออกแร่หายากอย่างเข้มงวดใหม่ สหรัฐ และจีนได้ตกลงที่จะระงับการสงบศึก 90 วันหลายครั้งตั้งแต่ต้นปีนี้ โดยกำหนดเส้นตายครั้งต่อไปจะมาถึงในเดือนพฤศจิกายน

“เป็นไปได้ไหมที่เราจะใช้มาตรการที่ยืดเยื้อออกไปเพื่อตอบโต้? อาจจะเป็นไปได้ แต่ทั้งหมดนั้นจะมีการเจรจากันในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า” เบสเซนต์ กล่าวระหว่างการแถลงข่าวที่วอชิงตัน

คำพูดที่ขัดแย้งกันนี้เน้นย้ำถึงความผันผวนที่นักลงทุนรู้สึกได้จากความตึงเครียดในความสัมพันธ์ระหว่างวอชิงตัน และปักกิ่งที่ทวีความรุนแรงขึ้น หุ้นสหรัฐ ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องหลังจากคำกล่าวของเบสเซนต์ ขณะที่คำกล่าวของทรัมป์เกิดขึ้นหลังเวลาตลาดหุ้นนิวยอร์กปิด

 

ด้าน เจมิสัน กรีเออร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐ แสดงความสงสัยว่าปักกิ่งจะเดินหน้าแผนดังกล่าวหรือไม่ ซึ่งเขากล่าวว่าจะปิดกั้นการค้าสินค้าอุปโภคบริโภคหลากหลายชนิดที่มีส่วนผสมของแร่ธาตุหายากแม้เพียงเล็กน้อย

“ขอบเขต และขนาดนั้นเกินจินตนาการ และไม่สามารถนำไปปฏิบัติได้” กรีเออร์ กล่าว

ในระหว่างนี้ เบสเซนต์คาดการณ์ว่าจะมีการตอบสนองอย่างสอดประสานต่อการเคลื่อนไหวของจีนจากสหรัฐ และพันธมิตรหลายประเทศ

“เราจะมีการตอบโต้อย่างเต็มรูปแบบ และเป็นกลุ่มต่อเรื่องนี้ เพราะข้าราชการในจีนไม่สามารถบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทานหรือกระบวนการผลิตสำหรับส่วนอื่นๆ ของโลกได้” เบสเซนต์ กล่าวเมื่อวันพุธที่ผ่านมาในงานเสวนาที่จัดโดยซีเอ็นบีซี ในกรุงวอชิงตัน

  • สหรัฐหาแนวร่วมตอบโต้จีน

เบสเซนต์ชี้ให้เห็นว่า “เพื่อนรัฐมนตรีของผมทุกคน” อยู่ที่วอชิงตันเพื่อเข้าร่วมการประชุมประจำปีของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ และธนาคารโลกในสัปดาห์นี้ และกล่าวว่า “เราจะพูดคุยกับพันธมิตรในยุโรป ออสเตรเลีย แคนาดา อินเดีย และประเทศประชาธิปไตยในเอเชีย”

การโต้ตอบกันอย่างรุนแรงระหว่างวอชิงตัน และปักกิ่งที่ทวีความรุนแรงขึ้น ทำให้เกิดความกังวลของนักลงทุนอีกครั้งว่าสองประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลกอาจเข้าสู่สงครามการค้าอย่างเต็มรูปแบบในไม่ช้า

กฎระเบียบใหม่ของจีนที่ประกาศเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว กำหนดให้บริษัทต่างชาติต้องได้รับการอนุมัติจากรัฐบาลจีนก่อนส่งออกผลิตภัณฑ์ที่มีแร่ธาตุหายากบางชนิด แม้ในปริมาณเล็กน้อยที่มาจากจีน

ทรัมป์ตอบโต้ด้วยการขู่ว่าจะเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีนเพิ่มอีก 100% ภายในวันที่ 1 พฤศจิกายน เขาเสนอแนวคิดที่จะยกเลิกการประชุมกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ที่วางแผนไว้ และเตือนว่าสหรัฐ อาจตัดการค้าน้ำมันพืช ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิตเชื้อเพลิงชีวภาพ

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังกล่าวว่าเท่าที่เขาทราบ ทรัมป์ "พร้อม" ที่จะพบกับสี จิ้นผิง ปลายเดือนนี้ที่เกาหลีใต้ เบสเซนต์กล่าวว่ามี "โอกาสสูงมาก" ที่เขาจะเดินทางไปเอเชียก่อนทรัมป์ และพบกับเหอ หลี่เฟิง รองนายกรัฐมนตรีจีน

  • การเยือนเอเชีย

เบสเซนต์ กล่าวว่า เขาคาดว่าจะมีการประกาศการค้าระหว่างการเยือนเอเชียของทรัมป์ คาดว่าประธานาธิบดีจะเข้าร่วมการประชุมสุดยอดกับสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (ASEAN) ที่มาเลเซีย ก่อนที่จะเดินทางไปยังญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ซึ่งจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมผู้นำความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิกประจำปี

เบสเซนต์เสริมว่าสหรัฐ กำลังจะเสร็จสิ้นการเจรจากับเกาหลีใต้ การเจรจาดังกล่าวเมื่อเร็วๆ นี้มุ่งเน้นไปที่โครงการลงทุนขนาดใหญ่ เบสเซนต์ยังกล่าวอีกว่า การเจรจาระหว่างสหรัฐ และแคนาดากำลัง "กลับมาดำเนินไปตามปกติ" เขายังระบุถึงความคืบหน้ากับอินเดียด้วย

เบสเซนต์ปฏิเสธแนวคิดที่ว่าตลาดหุ้นตกต่ำจะบีบให้รัฐบาลทรัมป์ต้องเจรจากับปักกิ่ง โดยกล่าวว่าสิ่งที่กระตุ้นให้เกิดการเจรจาดังกล่าวคือ ผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจของประเทศ สหรัฐจะไม่เจรจากับจีน "เพราะตลาดหุ้นกำลังตกต่ำ" เขากล่าว

เขายังปฏิเสธแนวคิดที่ว่าราคาทองคำที่สูงขึ้นสะท้อนถึงความกังวลพื้นฐานเกี่ยวกับค่าเงินดอลลาร์ เขาชี้ว่าอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐ ลดลงเมื่อเทียบกับเศรษฐกิจอื่น และกล่าวถึงค่าเงินยูโรว่า "น่าจะแข็งค่า" เนื่องจากทฤษฎีสกุลเงินบ่งชี้ว่าอัตราแลกเปลี่ยนจะแข็งค่าขึ้นเมื่อการขยายตัวทางการคลังกำลังดำเนินอยู่

  • ตำหนิรัฐมนตรีจีน “ไร้สติ”

เมื่อวันพุธที่ผ่านมา เบสเซนต์ยังได้วิพากษ์วิจารณ์นายหลี่ เฉิงกัง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ของจีนเป็นพิเศษ โดยอ้างอิงถึงความคิดเห็นที่เขาเคยกล่าวไว้ระหว่างการเยือนกรุงวอชิงตันเมื่อเดือนสิงหาคม เขากล่าวว่า นายหลี่มา “โดยไม่ได้รับเชิญ”

“บางทีอาจเป็นรัฐมนตรีช่วยที่มาพร้อมกับภาษาที่ก้าวร้าวมากในวันที่ 28 สิงหาคม” เบสเซนต์ กล่าวในการแถลงข่าวที่กระทรวงการคลัง “บุคคลนี้ไม่มีความเคารพเลย” เบสเซนต์ กล่าว หลังจากที่ก่อนหน้านี้เคยโทษรัฐมนตรีจีนว่า “ไม่อยู่กับร่องกับรอย” ในงานซีเอ็นบีซี

หลี่ได้เตือนว่าจีนจะ “ก่อให้เกิดความโกลาหลทั่วโลก” หากสหรัฐฯ เดินหน้ากับแผนการเก็บค่าธรรมเนียมท่าเรือสำหรับเรือจีน เบสเซนต์กล่าว “บางทีเขาอาจคิดว่าเขาเป็นนักรบหมาป่า” เขากล่าวถึงคำที่ใช้เรียกนักการทูตจีนที่มีท่าทีก้าวร้าว 

เบสเซนต์ยังกล่าวว่าจีนอ้างว่าการชะลอตัวของการส่งออกแม่เหล็กแร่หายากในตอนแรกเกิดจากวันหยุด ซึ่งเป็นข้ออ้างที่บ่งชี้ว่า “พวกเขาไม่สามารถเชื่อถือได้ในห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก” 

“หากจีนต้องการเป็นพันธมิตรที่ไม่น่าเชื่อถือกับโลก โลกก็จำเป็นต้องแยกตัวออก” เขากล่าว “โลกไม่ต้องการแยกตัวออก” เขากล่าวต่อ “เราต้องการลดความเสี่ยง แต่สัญญาณเช่นนี้เป็นสัญญาณของการแยกตัว ซึ่งเราไม่เชื่อว่าจีนต้องการ” 

 

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์