สหรัฐยึดบิตคอยน์มูลค่า 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์ ของสแกมเมอร์กัมพูชา

กระทรวงยุติธรรมสหรัฐ ยึดเหรียญบิตคอยน์มูลค่าประมาณ 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์ จากกระเป๋าเงินคริปโทเคอร์เรนซีของสแกมเมอร์รายใหญ่ในกัมพูชา
ซีเอ็นบีซี รายงานว่าอัยการสหรัฐระบุเมื่อวันอังคาร (14 ต.ค.68 ) กระทรวงยุติธรรมสหรัฐ (DOJ) ยึดเหรียญบิตคอยน์มูลค่าประมาณ 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์( ประมาณ 4.9 แสนล้านบาท) จากกระเป๋าเงินคริปโทเคอร์เรนซีที่เป็นของชายที่ควบคุมการฉ้อโกงสแกมเมอร์ขนาดใหญ่ซึ่งตั้งอยู่ในกัมพูชา
การยึดทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของ DOJ นี้เกี่ยวข้องกับข้อหาว่า "เฉิน จือ" หรือ "วินเซนต์" ซึ่งเป็นผู้ต้องสงสัยว่าฉ้อโกงผ่านการสมรู้ร่วมคิดในเรื่องการฉ้อโกงทางออนไลน์ และลักลอบนำเงินออกนอกประเทศ
การฟ้องร้องนี้ถูกเปิดเผยในศาลรัฐบาลกลางในบรูคลิน นครนิวยอร์ก เมื่อวันอังคาร
เฉิน จือ อายุ 38 ปี เกิดที่จีน อพยพมากัมพูชา และได้แปลงสัญชาติเป็นพลเมืองกัมพูชา เขายังอยู่ในระหว่างการหลบหนีการติดตามตัวของสำนักงานอัยการรัฐนิวยอร์กตะวันออก หากถูกตัดสินว่ามีความผิด เขาอาจถูกจำคุกสูงสุด 40 ปี
ในเอกสารคำฟ้องที่ยื่นต่อศาล เจ้าหน้าที่ระบุว่าเขาคือผู้ก่อตั้งและประธานกลุ่มบริษัท Prince Holding Group ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจข้ามชาติที่มีสำนักงานใหญ่อยู่ในกัมพูชา โดยอัยการกล่าวว่า กลุ่มบริษัทนี้ “เติบโตอย่างลับๆ จนกลายเป็นหนึ่งในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย”
กลุ่ม Prince Group ถูกกล่าวหาว่าดำเนินการจัดตั้ง “ศูนย์สแกม” ถึง 10 แห่งในกัมพูชา โดยภายในศูนย์เหล่านี้มีการบังคับใช้แรงงานและดำเนินการฉ้อโกงการลงทุนในสกุลเงินดิจิทัล ซึ่งเหยื่อส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ
ในวันเดียวกัน กระทรวงการคลังสหรัฐ ได้ประกาศให้ Prince Group เป็น “องค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ” และประกาศมาตรการคว่ำบาตรต่อนายเฉิน จือ และบุคคล/นิติบุคคลที่เกี่ยวข้องอีกกว่า 100 ราย ฐานมีส่วนร่วมในกิจกรรมที่ผิดกฎหมาย ทั้งการฟอกเงิน การฉ้อโกง และการบังคับใช้แรงงาน
โจเซฟ โนเชลลา อัยการสหรัฐ แห่งบรูคลิน กล่าวว่า จือ “เป็นผู้บงการขบวนการฉ้อโกงการลงทุนที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในประวัติศาสตร์ ขยายอุตสาหกรรมผิดกฎหมายซึ่งกำลังเติบโตจนถึงระดับวิกฤติ”
“กลโกงการลงทุนของกลุ่ม Prince Group ได้ก่อให้เกิดความสูญเสียมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ และสร้างความทุกข์ยากอย่างมากแก่เหยื่อทั่วโลก รวมถึงที่นี่ในนิวยอร์ก โดยที่กลุ่มนี้บังคับใช้แรงงาน และบีบบังคับคนให้ทำงานโดยไม่เต็มใจ” โนเชลลา กล่าว
สำนักงานอัยการสหรัฐ ระบุในเอกสารแถลงข่าวว่า Prince Group ซึ่งดำเนินธุรกิจในกว่า 30 ประเทศ ได้จัดตั้ง “เครือข่ายหลอกลวงที่บีบบังคับแรงงานในกัมพูชา”ข่าวประชาสัมพันธ์ระบุว่า “บุคคลที่ถูกกักขังโดยไม่เต็มใจในศูนย์สแกมเหล่านี้ถูกบังคับให้มีส่วนร่วมในโครงการฉ้อโกงการลงทุนคริปโทเคอร์เรนซี ซึ่งขโมยเงินเหยื่อหลายพันล้านดอลลาร์จากทั้งในสหรัฐ และทั่วโลก”
กลโกงดังกล่าวหลอกล่อเหยื่อที่ถูกติดต่อผ่านโซเชียลมีเดีย และแอปพลิเคชันแชต ให้โอนเงินคริปโทฯ ไปยังบัญชีที่ขบวนการควบคุม โดยให้สัญญาเท็จว่าจะนำเงินไปลงทุน และสร้างกำไรให้เหยื่อ ตามข้อมูลจากสำนักงานอัยการ
“ในความเป็นจริง เงินเหล่านั้นถูกขโมยไปจากเหยื่อ และถูกฟอกเงินเพื่อประโยชน์ของผู้กระทำผิด” เอกสารแถลงข่าวระบุ “กลุ่มคนร้ายมักจะสร้างความสัมพันธ์กับเหยื่อแบบค่อยเป็นค่อยไป เพื่อให้เหยื่อไว้วางใจก่อนจะขโมยเงินของพวกเขา”
อัยการยังระบุว่า มีผู้คนหลายร้อยคนตกเป็นเหยื่อการค้ามนุษย์ และถูกบังคับให้ทำงานในศูนย์สแกมดังกล่าว “โดยมักถูกขู่เข็ญด้วยความรุนแรง”
ตามคำฟ้อง นายจือ และเครือข่ายผู้บริหารระดับสูงของ Prince Group ถูกกล่าวหาว่าใช้ “อิทธิพลทางการเมืองในหลายประเทศ” เพื่อปกป้องเครือข่ายอาชญากรรม และติดสินบนเจ้าหน้าที่รัฐเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์







