'เบสเซนต์' ยัน 'ทรัมป์-สี' เจอกันในเอเปคเกาหลีใต้ ปลายเดือนต.ค. นี้

สกอตต์ เบสเซนต์ ขุนคลังสหรัฐ เผย 'ปธน.ทรัมป์-สี จิ้ผิง' เจอกันในเอเปคเกาหลีใต้ ปลายเดือน ต.ค. นี้ ท่ามกลางสหรัฐ-จีน ส่งสัญญาณพร้อมทำศึกการค้า
สกอตต เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐเผยว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยังคงมีกำหนดการพบปะกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีนในเกาหลีใต้ปลายเดือน ต.ค. นี้ ท่ามกลางความพยายามลดความตึงเครียดหลังจากเผชิญกับภับคุกคามภาษีและการควบคุมการส่งออก
รอยเตอร์ระบุว่า การกลับมาของสงครามการค้าอย่างเต็มรูปแบบใกล้เกิดขึ้นแล้วเมื่อสัปดาห์ก่อน หลังจากจีนประกาศขยายควบคุมการส่งออกแร่หายากครั้งใหญ่เมื่อวันพฤหัสบดี (9 ต.ค.) ขณะที่ทรัมป์โต้กลับด้วยการขู่ขึ้นภาษีสินค้าจีนสู่ตัวเลขสามหลักเมื่อวันศุกร์ (10 ต.ค.) ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐและจีนเข้าสู่ภาวะตกต่ำอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม หลังผ่านพ้นสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เบสเซนต์และกระทรวงพาณิชย์ได้พยายามสร้างความมั่นใจให้กับผู้ค้าและนักลงทุนของทั้งสองฝ่าย เน้นย้ำถึงความร่วมมือระหว่างทีมเจรจาของทั้งสองประเทศและความเป็นไปได้ที่ทั้งสองฝ่ายจะสามารถหาทางก้าวไปข้างหน้าเพื่อสงบศึกภาษีในปัจจุบัน
ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา สหรัฐ-จีน ยังคงหารือกันอย่างต่อเนื่อง และในสัปดาห์นี้จะมีอาจประชุมระดับเจ้าหน้าที่ระหว่างสหรัฐและจีนในกรุงวอชิงตัน ในห้วงการประชุมประจำปีของธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ)
เบสเซนต์ให้สัมภาษณ์กับ Fox Business Network เมื่อวันจันทร์ (13 ต.ค.) ว่า
“ภาษี 100% ไม่จำเป็นต้องเกิดขึ้น แม้จะมีการประกาศเรื่องนี้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว แต่ความสัมพันธ์ยังดีอยู่ ช่องทางการสื่อสารเปิด ต้องรอดูต่อไปว่าจะเป็นยังไง”
รัฐมนตรีคลังเสริมต่อว่า “ประธานาธิบดีทรัมป์บอกว่าภาษีจะไม่มีผลบังคับใช้จนกว่าจะถึง 1 พ.ย. ท่านจะพบประธานพรรคสีในเกาหลี ผมเชื่อว่าการพบปะนั้นจะยังมีต่อไป”
รอยเตอร์สระบุว่า ทรัมป์และสีมีกำหนดการพบปะกันในระหว่างการประชุมสุดยอดความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก (เอเปค) ที่จัดขึ้นในเกาหลีใต้ 31 ต.ค. - 1 พ.ย. นี้
กระทรวงพาณิชย์จีนแถลงในวันอังคาร (14 ต.ค.) ยืนยันว่า การประชุมระดับปฏิบัติการเกิดขึ้นแล้วเมื่อสองสามวันก่อน และย้ำถึงการเจรจาอย่างเป็นทางการในกรุงลอนดอน สต็อกโฮล์ม และมาดริด ที่จบลงด้วยการขยายระยะเวลาสงบศึกภาษีไปอีก 90 วัน
อย่างไรก็ตาม แถลงของกระทรวงพาณิชย์เตือนด้วยว่า สหรัฐไม่สามารถขอเจรจาในช่วงที่ออกมาตรการจำกัดใหม่ๆ ในเวลาเดียวกัน
เจมีสัน กรีเออร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐกล่าวในวันอาทิตย์ว่า จีนเลื่อนนัดคำของวอชิงตันที่ต้องการโทรศัพท์หารือ หลังจากรัฐบาลปักกิ่งประกาศจำกัดส่งออกแร่หายาก และเรียกความเคลื่อนไหวดังกล่าวว่าเป็น “การแย่งชิงอำนาจ”
ในวันเดียวกัน กระทรวงพาณิชย์จีนได้วิจารณ์การเพิ่มบริษัทจีนในรายชื่อบริษัทแบล็กลิสต์ของสหรัฐและการเก็บค่าธรรมเนียมท่าเรือจากเรือที่มีความเชื่อมโยงกับจีน
พร้อมผ่อนปรน แต่ก็พร้อมสู้กลับ
แม้ฝ่ายสหรัฐพยายามส่งสัญญาณว่าสองประเทศสามารถเจรจากันได้ แต่รอยเตอร์ระบุว่า ทั้งสหรัฐและจีนยังคงพร้อมต่อสู้กัน เพราะต่างฝ่ายต่างก็กล่าวหาว่าอีกฝ่ายพยายามทำลายเศรษฐกิจโลก
เบสเซนต์กล่าว"เศรษฐกิจของจีนเป็นเศรษฐกิจแบบสั่งการและควบคุม แต่พวกเขาจะไม่สั่งการหรือควบคุมเรา" และเสริมว่า ทำเนียบขาวได้ติดต่อกับพันธมิตร และคาดหวังการสนับสนุนจากประเทศยุโรป อินเดีย และประเทศในเอเชีย
ขณะที่ปักกิ่งบอกว่ากำลังพยายาม “ร่วมกันรักษาความมั่นคงและเสถียรภาพของการผลิตและห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก” และปกป้องระบบการออกใบอนุญาตส่งออกใหม่
ด้านนักวิเคราะห์บางคนมองว่า มาตรการใหม่นี้อาจส่งผลกระทบต่อการผลิตทุกอย่างตั้งแต่รถยนต์ไปจนถึงเครื่องซักผ้า แม้ว่าจะไม่มีบริษัทจีนเข้ามาเกี่ยวข้องในการผลิตภัณฑ์ขั้นสุดท้ายก็ตาม
ส่วนเบสเซนต์เผยกับ Mornings with Maria ว่า สหรัฐจะปฏิเสธข้อกำหนดเรื่องการขอใบอนุญาตส่งออกของจีน
แถลงของกระทรวงพาณิชย์จีนระบุ “จุดยืนของจีนมั่นคง หากสหรัฐต้องการสู้ จีนจะตอบโต้จนถึงที่สุด หากต้องการเจรจา ประตูของจีนก็เปิดตลอด”ก่อนจะผ่อนปรนประเด็นดังกล่าวลงเพื่อเน้นถึงโอกาสที่สี จิ้นผิงและทรัมป์จะบรรลุข้อตกลงร่วมกัน
“ทั้งสองฝ่ายควรยึดมั่นตามฉันทามติสำคัญที่บรรลุในการโทรศัพท์หารือกันเมื่อเร็วๆ นี้ระหว่างประธานาธิบดีทั้งสอง เพื่อคงความคืบหน้าในการปรึกษาหารือที่ได้มาอย่างยากลำบาก” แถลงของกระทรวงฯสรุป







