ส่งออกจีนโตเร็วสุดในรอบ 6 เดือน 'ทุกตลาดนอกสหรัฐ' เติบโตหมด เวียดนามพุ่ง 25%

ส่งออกจีนเดือนก.ย. โตเร็วสุดในรอบ 6 เดือน ช่วยลดแรงกดดันจีนในสงครามการค้ารอบใหม่กับสหรัฐ นอกจากอเมริกาแล้วทุกตลาดเติบโตหมด อาเซียนโตเกือบ 16% เวียดนามพุ่งแรง 25% นักวิเคราะห์มองเป็นศูนย์กลางการเปลี่ยนผ่านเส้นทางไปสหรัฐ
บลูมเบิร์กรายงานว่า การส่งออกจีน ในเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 8.3% จากปีก่อนหน้า สู่ระดับ 3.286 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งนับเป็นการเติบโตที่เร็วที่สุดในรอบ 6 เดือน และสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้อย่างมาก นับเป็นสัญญาณของความยืดหยุ่นที่ช่วยให้ปักกิ่งมีอำนาจต่อรองมากขึ้นในสงครามการค้าครั้งล่าสุดกับสหรัฐ
ตัวเลขการส่งออก ในเดือนก.ย. นับเป็นยอดรวมรายเดือนที่สูงที่สุดในปี 2568 จากข้อมูลของกรมศุลกากรจีน ซึ่งมากกว่าการคาดการณ์เฉลี่ยที่ 6.6% ของนักเศรษฐศาสตร์ที่สำรวจโดยบลูมเบิร์ก และแสดงให้เห็นว่า "ยังไม่มีการชะลอตัว" ของปริมาณการส่งออกสินค้ามหาศาลของจีน
ส่งออกโตหมดเกือบทุกตลาดยกเว้นสหรัฐ
การส่งออกไปยัง "สหรัฐ" ลดลง 27% ซึ่งนับเป็น "เดือนที่หก" แล้วที่การส่งออกไปสหรัฐลดลงในเลขสองหลัก แต่การลดลงนี้ก็ถูกชดเชยด้วยยอดขายที่เติบโตอย่างแข็งแกร่งในภูมิภาคต่างๆ ซึ่งในภาพรวมแล้ว การส่งออกไปยังจุดหมายนอกสหรัฐเติบโต 14.8% ซึ่งเร็วที่สุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.2023
บริษัทต่างๆ ตอบสนองต่อมาตรการภาษีศุลกากรที่สูงขึ้นของสหรัฐด้วยการแสวงหาตลาดทางเลือกใหม่ หรือส่งสินค้าทางอ้อมผ่านประเทศที่สาม การส่งออกไปยัง "แอฟริกา" พุ่งขึ้นถึง 56% ในเดือนที่แล้ว ซึ่งเพิ่มขึ้นเร็วที่สุดในรอบ 4 ปี นับตั้งแต่เดือนก.พ.2021 ในขณะที่การส่งออกไปยัง "ลาตินอเมริกา" ฟื้นตัวขึ้น 15.2% จากที่ลดลงในเดือนมิ.ย. และ ส.ค.
ส่วนการส่งออกไปยัง "สหภาพยุโรป" (อียู) เพิ่มขึ้นมากกว่า 14% ซึ่งมากที่สุดในรอบกว่า 3 ปี และการส่งออกไปยัง "เอเชียตะวันออกเฉียงใต้" 10 ประเทศ เพิ่มขึ้นเกือบ 16%
"เวียดนาม" เป็นหนึ่งในประเทศคู่ค้าสำคัญที่มีการเติบโตสูงสุด โดยการส่งออกของจีนเพิ่มขึ้นเกือบ 25% แม้ว่าการเติบโตจะชะลอตัวลง โดยบริษัท Capital Economics เรียกเวียดนามว่าเป็น "ศูนย์กลางการเปลี่ยนเส้นทางอันดับหนึ่ง" และกล่าวว่าตัวเลขล่าสุดชี้ให้เห็นว่า "การเปลี่ยนเส้นทางยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยชดเชยภาษีศุลกากรของสหรัฐ"
ด้านตัวเลข "การนำเข้า" ของจีนเดือนก.ย. ก็ขยายตัวแรง 7.4% และสูงกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้มาก เนื่องจากจีนเพิ่มยอดสั่งซื้อจากประเทศต่างๆ เช่น ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ เนเธอร์แลนด์ และไต้หวัน อย่างไรก็ตาม จีนยังคงมีดุลการค้า "เกินดุล" รวม 9.05 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือเพิ่มขึ้นเกือบ 11% จากเดือนเดียวกันของปีก่อน
เพิ่มอำนาจต่อรองจีนในสงครามการค้ารอบใหม่
“การส่งออกของจีนยังคงแข็งแกร่งแม้จะมีมาตรการภาษีนำเข้าจากสหรัฐก็ตาม เนื่องจากตลาดส่งออกที่หลากหลาย และความสามารถในการแข่งขันที่แข็งแกร่ง” มิเชลล์ แลม นักเศรษฐศาสตร์ประจำจีนแผ่นดินใหญ่จาก Societe Generale SA กล่าว
“ผลกระทบจำกัดจากมาตรการภาษีนำเข้าของสหรัฐที่มีต่อการค้าโดยรวมจนถึงขณะนี้ น่าจะทำให้จีนกล้าแสดงจุดยืนที่แข็งกร้าวมากขึ้นในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน”
ความต้องการที่แข็งแกร่งจากตลาดอื่นๆ นอกเหนือจากสหรัฐหมายความว่า บริษัทจีนน่าจะได้รับผลกระทบน้อยลงจากการขู่ขึ้นภาษีล่าสุดของประธานาธิบดีสหรัฐ โดนัลด์ ทรัมป์ ยอดขายที่สูงขึ้นในต่างประเทศยังช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศที่กำลังเผชิญกับภาวะเงินฝืด และยังคงต้องดิ้นรนเพื่อแก้ปัญหาอสังหาริมทรัพย์ที่ตกต่ำมานาน
ทั้งนี้ จีนมีกำหนดประกาศข้อมูลการเติบโตของจีดีพีไตรมาส 3 ในวันจันทร์ที่ 20 ต.ค.68 โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจะชะลอตัวลงตั้งแต่ช่วงครึ่งปีหลังนี้ อย่างไรก็ตาม จีดีพีที่แข็งแกร่งในช่วงสองไตรมาสแรกทำให้จีนยังอยู่ในเส้นทางที่จะบรรลุเป้าหมายการเติบโตอย่างเป็นทางการที่ประมาณ 5% ได้
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์







