ฮามาสปล่อย 'ตัวประกัน' ชุดสุดท้ายวันนี้ ด้าน 'ทรัมป์' ถึงตะวันออกกลางแล้ว

ฮามาสปล่อย 'ตัวประกัน' ชุดสุดท้ายวันนี้ ด้าน 'ทรัมป์' ถึงตะวันออกกลางแล้ว ขึ้นกล่าวในรัฐสภาอิสราเอล ก่อนเดินทางไปเซ็นข้อตกลงสันติภาพที่อียิปต์
สถานีโทรทัศน์ Kan TV ซึ่งเป็นสื่อของรัฐบาลอิสราเอล รายงานว่า กลุ่มติดอาวุธฮามาส ได้เริ่ม ปล่อยตัวประกัน ที่ถูกควบคุมตัวใน ฉนวนกาซา มานานกว่าสองปีแล้วในวันนี้ (13 ต.ค.) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการแลกเปลี่ยนนักโทษครั้งใหญ่ภายใต้ ข้อตกลงหยุดยิง ที่เริ่มมีผลบังคับใช้
ตัวประกันเหล่านี้ถูกส่งมอบให้กับคณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ (ICRC) ก่อนที่จะถูกส่งตัวไปยังกองกำลังอิสราเอลในฉนวนกาซาต่อไป โดยตัวประกันกลุ่มแรกที่ได้รับการปล่อยตัวมีจำนวน 7 คน จากทั้งหมด 20 คนที่ถูกควบคุมตัวในกาซา และปัจจุบันกำลังอยู่ระหว่างการปล่อยตัวชุดสุดท้ายที่เหลือภายในวันนี้
กองทัพอิสราเอล แถลงว่าได้เตรียมพร้อมรับมอบตัวประกันแล้ว โดยเฮลิคอปเตอร์ทหารได้ลงจอดที่ฐานทัพใกล้ชายแดนกาซา เพื่อลำเลียงตัวประกันไปยังโรงพยาบาลในตอนกลางของอิสราเอลเพื่อตรวจสุขภาพ
ในขณะเดียวกัน ยานพาหนะของกาชาดเดินทางมาถึงเรือนจำโอเฟอร์ ใกล้เมืองรามัลเลาะห์ ซึ่งเป็นสถานที่ที่นักโทษและผู้ถูกควบคุมตัวชาวปาเลสไตน์ประมาณ 2,000 คน จะถูกปล่อยตัวในวันจันทร์นี้เช่นกัน โดยเป็นส่วนหนึ่งของการแลกเปลี่ยนกับตัวประกันอิสราเอล
ทรัมป์เดินทางถึงอิสราเอลแล้ว
ด้าน ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ได้เดินทางถึงท่าอากาศยานนานาชาติ เบน กูเรียน ของอิสราเอลแล้วเมื่อช่วงบ่ายวันนี้ โดยมีนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู มาต้อนรับที่สนามบิน โดยทรัมป์มีกำหนดแถลงต่อรัฐสภาอิสราเอล และพบกับครอบครัวตัวประกัน
หลังเสร็จสิ้นภารกิจในอิสราเอล ประธานาธิบดีทรัมป์มีกำหนดเดินทางต่อไปยังประเทศอียิปต์ เพื่อร่วมพิธีลงนามแผนสันติภาพกาซา และผลักดันกระบวนการสันติภาพในตะวันออกกลางให้กว้างขวางยิ่งขึ้น โดยนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอลจะเข้าร่วมการประชุมในอียิปต์ด้วย
ข้อตกลงหยุดยิงนี้เกิดขึ้นหลังจากการเจรจาหลายวัน โดยมีสหรัฐ อียิปต์ กาตาร์ และตุรกีเป็นผู้ไกล่เกลี่ย ภายใต้แผน 20 ข้อที่เสนอโดยทรัมป์
สำหรับ โดนัลด์ ทรัมป์ ข้อตกลงหยุดยิงนี้ถือเป็น ความสำเร็จทางการทูตที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของสมัยที่สองของเขา และหากข้อตกลงนี้ดำรงอยู่ได้จริง ก็จะช่วยผลักดันเป้าหมายของเขาในการถูกจดจำในฐานะ “ผู้สร้างสันติภาพ”
ความสำเร็จนี้เกิดขึ้นหลังจากประธานาธิบดีทรัมป์ กดดันนายกรัฐมนตรีเนทันยาฮูของอิสราเอล และใช้พันธมิตรอาหรับในการทำ “การทูตแบบรับส่ง (shuttle diplomacy)” กับฮามาส







