SDGs โอกาสทางธุรกิจใหม่ นำเอกชนไทยสู่ความยั่งยืน | World Wide View

ในโลกธุรกิจยุคปัจจุบัน “ความยั่งยืน” ไม่ใช่แค่คำสวยหรู แต่คือ “กุญแจสำคัญ” ที่จะชี้ชะตาความอยู่รอดของธุรกิจ
เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals: SDGs) หรือ SDGs ของสหประชาชาติทั้ง 17 ข้อ ครอบคลุมมิติด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม และถูกกำหนดให้เป็นกรอบการพัฒนาโลก ในห้วงปี ค.ศ. 2015–2030 ซึ่งหลายบริษัทชั้นนำทั่วโลกได้พิสูจน์แล้วว่า การนำ SDGs มาบูรณาการเข้ากับกลยุทธ์ทางธุรกิจ ไม่เพียงช่วยเสริมภาพลักษณ์ที่ดี แต่ยังสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันในระยะยาว เปิดประตูสู่ “โอกาสทางธุรกิจ” ได้อย่างมหาศาล
รัฐบาลไทยให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อน SDGs อย่างจริงจัง โดยได้ผนวกเป้าหมายทั้ง 17 ข้อ เข้ากับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 รวมทั้งจัดตั้งคณะกรรมการเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (กพย.) ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน เพื่อเป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อน SDGs ในประเทศ นอกจากนี้ ประเทศไทย ได้นำเสนอรายงานการดำเนินการตามวาระการพัฒนาที่ยั่งยืน ค.ศ. 2030 ระดับชาติโดยสมัครใจ (Voluntary National Review หรือ VNR) ต่อที่ประชุมสหประชาชาติอย่างสม่ำเสมอ โดยล่าสุดเมื่อเดือนกรกฎาคม 2568 ประเทศไทยได้นำเสนอรายงาน VNR เป็นครั้งที่สาม เพื่อสะท้อนความก้าวหน้า ความท้าทาย และแนวทางที่ประเทศไทยกำลังดำเนินการเพื่อขับเคลื่อน SDGs ซึ่งเป็นอีกหนึ่งโอกาสสำคัญที่ประชาคมโลกได้เห็นบทบาทของไทยในการเดินหน้าสู่ความยั่งยืน
ที่สำคัญ ปัจจุบัน ผู้บริโภค นักลงทุน และคู่ค้าทั่วโลกต่างให้ความสำคัญกับบริษัทที่ดำเนินธุรกิจอย่างรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม การปรับตัวให้เข้ากับ SDGs จึงเป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างความน่าเชื่อถือและภาพลักษณ์ที่ดีให้กับองค์กรได้ เช่น บริษัทที่ดำเนินงานตามSDGs ต่าง ๆ อาทิ SDG12 การบริโภคและการผลิตที่ยั่งยืน หรือ SDG13 การรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ มักได้รับแรงสนับสนุนจากผู้บริโภคที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมมากขึ้นนอกจากนี้ SDGs ยังเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญที่ส่งเสริมให้ธุรกิจหันมาสร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่อตอบโจทย์ความยั่งยืน ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาเทคโนโลยีสีเขียว พลังงานหมุนเวียน หรือสินค้าและบริการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
แม้จะมีโอกาสมากมาย แต่ภาคธุรกิจไทยยังคงเผชิญความท้าทายหลายด้าน เช่น ห่วงโซ่อุปทานที่ซับซ้อน ข้อจำกัดด้านโครงสร้างพื้นฐาน ข้อกฎหมายที่ยังไม่ชัดเจน ตลอดจนพฤติกรรมของผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญกับราคาสินค้ามากกว่าความยั่งยืน ขณะเดียวกันSMEs ซึ่งเป็นกำลังสำคัญของเศรษฐกิจไทยก็ยังขาดแรงสนับสนุนด้านทุน เทคโนโลยี และการพัฒนาทักษะบุคลากร ทำให้ไม่สามารถก้าวทันกระแสความยั่งยืนได้อย่างเต็มศักยภาพ
แต่หากมองในอีกมุมหนึ่ง นี่คือโอกาสที่ธุรกิจไทยจะปรับตัวและสร้างความแตกต่างในตลาดโลก บริษัทที่บูรณาการ SDGs เข้ากับการดำเนินงาน ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาสินค้าและบริการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การลงทุนในพลังงานสะอาด หรือการดูแลแรงงานและชุมชนโดยรอบล้วนสามารถสร้างความน่าเชื่อถือ และยังช่วยให้เข้าถึงตลาดใหม่ ๆ ที่ให้ความสำคัญกับมาตรฐานด้านความยั่งยืน เช่น สหภาพยุโรปได้ การแข่งขันทางการค้าในวันนี้ จึงไม่ใช่เพียงเรื่องคุณภาพและราคา แต่รวมถึง “มาตรฐานด้านความยั่งยืน” ซึ่งจะเป็นตัวตัดสินใจสำคัญของนักลงทุนและผู้บริโภคในอนาคต
กระทรวงการต่างประเทศก็มีบทบาทสำคัญในการเป็น “สะพานเชื่อมไทยสู่โลก และเชื่อมโลกสู่ไทย” ผ่านการผลักดันบทบาทของไทยในสหประชาชาติ และกรอบความร่วมมือระหว่างประเทศต่าง ๆ รวมถึงการเชื่อมโยงภาคธุรกิจไทยเข้ากับโอกาสในตลาดโลก ไม่ว่าจะเป็นการสร้างพันธมิตรกับภาคเอกชนต่างประเทศเพื่อแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีและนวัตกรรม หรือการเปิดพื้นที่ให้ธุรกิจไทยได้แสดงศักยภาพในเวทีนานาชาติ บทบาทเหล่านี้ไม่เพียงสนับสนุนให้ประเทศไทยรักษาความเชื่อมั่นในสายตาสังคมโลก แต่ยังช่วยให้ภาคเอกชนไทยมีเครื่องมือและเครือข่ายในการเดินหน้าสู่ความยั่งยืนได้อย่างเป็นรูปธรรม
ท้ายที่สุด การขับเคลื่อน SDGs ไม่ใช่เพียงทางเลือก แต่เป็นความจำเป็นของธุรกิจยุคใหม่เพราะนอกจากจะช่วยลดความเสี่ยงทางเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อมแล้ว ยังช่วยสร้างโอกาส เพิ่มศักยภาพการแข่งขัน และสร้างคุณค่าร่วมกับสังคมอย่างยั่งยืน หากภาคเอกชนไทยลุกขึ้นมามีบทบาทอย่างจริงจัง ไม่เพียงแต่จะช่วยให้ประเทศไทยก้าวสู่การเป็นผู้นำด้านความยั่งยืนในภูมิภาค แต่ยังจะทำให้ธุรกิจไทยสามารถเติบโตเคียงข้างไปกับอนาคตของโลกได้อย่างมั่นคง
เขียนโดย กรมองค์การระหว่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศ







