มาครงตั้ง 'เลอกอร์นู' เป็นนายกฯ ฝรั่งเศสอีกครั้ง หลังเพิ่งลาออกแค่ 4 วัน

'เซบาสเตียน เลอกอร์นู' กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีฝรั่งเศสอีกครั้ง หลังเพิ่งลาออกไม่ถึงสัปดาห์ พรรคซ้ายจัด-ขวาจัดไม่พอใจขู่วาระใหม่ไม่ง่ายแน่ ขณะที่ปธน.มาครงยังคงคาดหวังจะช่วยผ่านร่างงบประมาณ 2569 ผ่าทางตันประเทศที่กำลังแตกแยกหนัก
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศส ประกาศแต่งตั้ง "เซบาสเตียน เลอกอร์นู" เป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง เพียงไม่กี่วันหลังจากที่เขาเพิ่งลาออกจากตำแหน่งไป โดยมาครงยังคงคาดหวังว่านายกฯ คนนี้ จะได้รับการสนับสนุนจากรัฐสภาที่กำลังแตกแยกรุนแรงมากพอที่จะสามารถผ่านร่างงบประมาณปี 2569 ได้
อย่างไรก็ดี การแต่งตั้งเลอกอร์นู วัย 39 ปี ก็สร้างความไม่พอใจให้กับคู่แข่งทางการเมืองของมาครง ที่เคยประกาศว่าจะโหวตให้รัฐบาลชุดใหม่พ้นจากเก้าอี้
ปฏิกิริยาต่อการแต่งตั้งเลอกอร์นูจากทั้งฝ่ายขวาจัดและฝ่ายซ้ายจัดนั้นรุนแรงมาก ซึ่งมีการส่งสัญญาณว่าการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีสมัยที่สองจะยากขึ้นอย่างแน่นอน ขณะที่เลอกอร์นูดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้เพียง 27 วัน และเพิ่งลาออกเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา หรือกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้งในเวลาเพียงแค่ 4 วัน
ภารกิจเร่งด่วนที่สำคัญที่สุดของเลอกอร์นูก็คือ การเสนอร่างงบประมาณปี 2569 ต่อรัฐสภา ภายในวันจันทร์ที่ 13 ต.ค. นี้
“ผมขอรับภารกิจนี้ด้วยหน้าที่ที่ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐมอบหมายให้ เพื่อทำทุกวิถีทางในการจัดทำงบประมาณให้กับฝรั่งเศสภายในสิ้นปีนี้ และเพื่อแก้ไขปัญหาชีวิตประจำวันของเพื่อนร่วมชาติของเรา” เลอกอร์นูระบุในแพลตฟอร์ม X
“เราต้องยุติวิกฤติทางการเมืองที่สร้างความขุ่นเคืองให้กับประชาชนชาวฝรั่งเศส และยุติความไม่มั่นคงที่บ่อนทำลายภาพลักษณ์และผลประโยชน์ของฝรั่งเศส”
ทั้งนี้ มาครง วัย 47 ปี กำลังเผชิญกับวิกฤตการณ์ทางการเมืองครั้งเลวร้ายที่สุดของฝรั่งเศสในรอบหลายทศวรรษ คู่แข่งหลายคนเรียกร้องให้เขาจัดการเลือกตั้งใหม่หรือลาออกจากตำแหน่ง ประเทศถูกบริษัทจัดอันดับเครดิต "ฟิทช์ เรทติ้งส์" ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือระยะยาวลงจาก AA- เป็น A+ จากภาระหนี้ของรัฐบาลที่สูงและเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการแบ่งขั้วทางการเมืองที่ขัดขวางการคุมเข้มงบประมาณ ผลการดำเนินงานทางการคลังที่อ่อนแอ และการขาดดุลที่ระดับสูงในปี 2568
ก่อนหน้านี้ มาครงได้เรียกประชุมผู้นำพรรคกระแสหลักเพื่อระดมการสนับสนุนการตัดสินใจของเขา ผู้นำฝ่ายซ้ายแสดงความผิดหวังที่มาครงจะไม่เลือกนายกรัฐมนตรีจากสมาชิกพรรค ปฏิกิริยาที่ขุ่นเคืองของพวกเขาบ่งชี้ว่ารัฐบาลเลอกอร์นู 2 อาจเปราะบางเช่นเดียวกับรัฐบาลชุดก่อน (เลอกอร์นู 1)
หากรัฐบาลล่มสลายอีกครั้ง จะเพิ่มโอกาสที่มาครงต้องประกาศยุบสภาเลือกตั้งใหม่อย่างกะทันหัน ซึ่งถือเป็นสถานการณ์ที่ "ฝ่ายขวาจัด" จะได้รับประโยชน์มากที่สุด







