เปิดสปีช ผอ. IMF ก่อนประชุมใหญ่ มอง "โอกาส" ในช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลง

เปิดสปีช ผอ. IMF ก่อนประชุมใหญ่ มอง "โอกาส" ในช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลง

IMF ชี้เศรษฐกิจโลก “ฟื้นตัวแต่ยังเปราะบาง” ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงเชิงลึกจากภูมิรัฐศาสตร์ เทคโนโลยี และหนี้สินที่พุ่งสูง เตือนประเทศต่างๆ เร่งปฏิรูปโครงสร้าง-การคลัง และประสานความร่วมมือ เพื่อยกระดับการเติบโตอย่างยั่งยืนในยุคใหม่แห่งความไม่แน่นอน

คริสตาลินา กิออร์กิเอวา (Kristalina Georgieva) กรรมการผู้จัดการ กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) กล่าวเปิดการประชุมประจำปี 2025 กลุ่มธนาคารโลก และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ เรื่อง "โอกาสในช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลง" โดยมีรายละเอียดที่น่าสนใจดังนี้

คนรุ่นใหม่ที่รายได้มากกว่ารุ่นพ่อแม่ กำลังมีจำนวนลดลง

กิออร์กิเอวา กล่าวว่า เมื่อมองโลกย้อนกลับไปตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา มองเห็นความก้าวหน้าที่น่าทึ่ง แต่ก็เห็นความฝันที่ยังไม่สมดังปรารถนาเช่นกัน ผู้คนทั่วไปในปัจจุบันมีฐานะดีกว่าเมื่อราว 30 ปีก่อนมาก แต่ค่าเฉลี่ยในสถิติเรื่องนี้กลับซ่อนเอาไว้ซึ่งการถูกกีดกันให้อยู่ชายขอบ ความคับข้องใจ และการใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก

ด้วยเหตุนี้ เราจึงเห็นผู้คนโดยเฉพาะเยาวชน ออกมาประท้วงบนท้องถนนตั้งแต่เมืองลิมาไปจนถึงเมืองราบัต จากกรุงปารีส ไปจนถึงกรุงไนโรบี และจากเมืองกาฐมาณฑุไปจนถึงกรุงจาการ์ตา โดยทุกคนต่างเรียกร้องโอกาสที่ดีขึ้น

เปิดสปีช ผอ. IMF ก่อนประชุมใหญ่ มอง \"โอกาส\" ในช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลง

ในสหรัฐอเมริกา โอกาสที่คุณจะเติบโตจนมีรายได้มากกว่าผู้ปกครองลดลงเรื่อยๆ ที่นี่ก็เช่นกัน ความคับข้องใจปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจน และผลักดันให้เกิดการปฏิวัติทางนโยบายที่กำลังก่อตัวขึ้น เปลี่ยนแปลงรูปแบบการค้า การย้ายถิ่นฐาน และกรอบโครงสร้างระหว่างประเทศ

สิ่งต่างๆ เหล่านี้ยังเกิดขึ้นท่ามกลางฉากหลังของการเปลี่ยนแปลงเชิงลึก ไม่ว่าจะเป็นในด้านภูมิรัฐศาสตร์ ในด้านเทคโนโลยี ในด้านประชากรศาสตร์ ที่ประชากรมีมากขึ้นหรือลดลงอย่างมากในบางพื้นที่ และความเสียหายที่เราก่อกับโลกของเรายังสะสมขึ้นเรื่อยๆ

เปิดสปีช ผอ. IMF ก่อนประชุมใหญ่ มอง \"โอกาส\" ในช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลง

เมื่อพิจารณาโดยรวมแล้ว จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่ความไม่แน่นอนในทั่วโลกสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว และยังคงสูงขึ้นเรื่อยๆ เตรียมตัวให้พร้อม เพราะความไม่แน่นอนจะยังคงมีอยู่

เศรษฐกิจโลกดีกว่าที่กังวล แต่แย่กว่าที่คาดหวัง

ในสัปดาห์หน้า เมื่อบรรดารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และผู้ว่าการธนาคารกลางจากทั่วโลกมารวมตัวกันในการประชุมประจำปี คำถามเร่งด่วนที่สุดจะเป็นคำถามเกี่ยวกับผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกจากพลังของการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ และความสับสนจากนโยบายที่เรากำลังพบเห็นอยู่

คำถามคือ เศรษฐกิจโลกกำลังรับมืออย่างไร? คำตอบสั้นๆ คือ ดีกว่าที่กังวล แต่แย่กว่าที่เราต้องการ

เมื่อต้นปีนี้ ผู้เชี่ยวชาญหลายคน (แต่ไม่ใช่ IMF) คาดการณ์ว่าสหรัฐจะเข้าสู่ภาวะถดถอยในระยะสั้น ซึ่งจะส่งผลกระทบเชิงลบไปยังส่วนอื่นๆ ของโลก ในทางกลับกัน เศรษฐกิจสหรัฐรวมถึงประเทศกำลังพัฒนา ตลาดเกิดใหม่ และประเทศพัฒนาแล้วอื่นๆ อีกหลายประเทศยังคงรักษาเสถียรภาพไว้ได้

ตามที่รายงานแนวโน้มเศรษฐกิจโลก (World Economic Outlook) ของเราจะอธิบายรายละเอียดในสัปดาห์หน้า เราคาดการณ์ว่าการเติบโตของเศรษฐกิจโลกจะชะลอตัวลงเพียงเล็กน้อยในปีนี้ และปีหน้า สัญญาณทั้งหมดชี้ให้เห็นว่า เศรษฐกิจโลกโดยทั่วไปสามารถต้านทานแรงกระแทกที่รุนแรงจากหลายปัจจัย

เราจะอธิบายความสามารถในการฟื้นตัว (Resilience) นี้ได้อย่างไร? IMF จะชี้ให้เห็นเหตุผล 4 ประการดังต่อไปนี้

1. พื้นฐานนโยบายที่ปรับปรุงดีขึ้น และการทำงานประสานกันทั่วโลก

ความพยายามด้านนโยบายทั่วโลกส่งผลให้มีนโยบายการเงินที่น่าเชื่อถือมากขึ้น มีตลาดพันธบัตร และตลาดหุ้นกู้สกุลเงินท้องถิ่นที่ลึกมากขึ้น มีกฎระเบียบใหม่ทางการคลัง และในช่วงโควิดระบาด มีการดำเนินการทางการคลังที่รวดเร็ว เด็ดขาด และทำงานประสานกันทั่วโลก เพื่อจำกัดความเจ็บปวดในทันที และแผลเป็นระยะยาว

ประเทศเศรษฐกิจตลาดเกิดใหม่ ได้ปรับปรุงกรอบนโยบาย และสถาบันของตนอย่างมีนัยสำคัญ เราเพิ่งเผยแพร่ รายงาน ที่พบว่าประเทศกลุ่มนี้มีความสามารถหลีกเลี่ยงความเสี่ยงได้ดีขึ้น เมื่อเทียบกับช่วงก่อนวิกฤติการเงินโลก

นโยบายที่ดีสร้างความแตกต่างได้

2. ความสามารถในการปรับตัวของภาคเอกชน

ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลง บริษัทขนาดใหญ่หลายแห่งได้เร่งทำคำสั่งซื้อสินค้านำเข้าล่วงหน้าก่อนการขึ้นภาษีศุลกากร และกำลังปรับโครงสร้างห่วงโซ่อุปทานของตน รูปแบบการค้าโลกกำลังมีวิวัฒนาการ และการปรับตัว

ในโลกขององค์กรธุรกิจ ความคล่องตัวนำมาซึ่งความสามารถในการฟื้นตัว งบดุลของบริษัทโดยทั่วไปมีความแข็งแรงหลังจากทำกำไรอย่างแข็งแกร่งมาหลายปี ปฏิกิริยาตอบสนองรวดเร็ว ปัญญาประดิษฐ์ (AI) กำลังกลายเป็นกระแสหลัก นำมาซึ่งความท้าทาย และโอกาส

3. ภาษีศุลกากร ซึ่งไม่สร้างแรงกระแทกรุนแรงเท่าที่ประกาศไว้ในตอนแรก

อัตราภาษีศุลกากรที่แท้จริงของสหรัฐ ลดลงจากร้อยละ 23 ในเดือนเมษายน มาอยู่ที่ร้อยละ 17.5 ในปัจจุบัน แต่ยังคงสูงกว่าเมื่อก่อนมาก อัตราภาษีศุลกากรที่แท้จริงของสหรัฐ ในปัจจุบันยังสูงกว่าประเทศอื่นๆ ทั่วโลกอย่างมาก ซึ่งโดยพื้นฐานแล้วอัตราภาษีศุลกากรคงที่ในปีนี้ และแทบจะไม่มีมาตรการตอบโต้กลับจากประเทศอื่นๆ เลย

เปิดสปีช ผอ. IMF ก่อนประชุมใหญ่ มอง \"โอกาส\" ในช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลง

โดยสรุปแล้ว โลกยังคงหลีกเลี่ยงการตอบโต้แบบตาต่อตาฟันต่อฟันในสงครามการค้าได้จนถึงขณะนี้ แต่กระนั้น ระดับการเปิดประเทศได้รับผลกระทบอย่างหนัก

เรื่องราวยังไม่จบลง อัตราภาษีของสหรัฐ ยังคงขยับขึ้นอย่างต่อเนื่อง ข้อตกลงทางการค้ากับสหราชอาณาจักร สหภาพยุโรป ญี่ปุ่น และอีกไม่นานก็จะมีเกาหลีใต้ ส่งผลให้อัตราภาษีเหล่านี้ให้ลดลง ขณะที่ข้อพิพาทกับบราซิล และอินเดียผลักดันให้อัตราของประเทศอื่นขยับขึ้น อัตราภาษีของประเทศอื่นๆ ก็น่าจะขยับเช่นกัน

เปิดสปีช ผอ. IMF ก่อนประชุมใหญ่ มอง \"โอกาส\" ในช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลง

4. ภาวะการเงินที่เอื้ออำนวย ตราบเท่าที่ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง

โดยอาศัยแรงหนุนจากการมองศักยภาพของ AI ในด้านดีว่าอาจจะเพิ่มผลิตภาพให้สูงขึ้น ราคาหุ้นทั่วโลกจึงพุ่งสูงขึ้น ปัจจัยนี้ ประกอบกับค่าชดเชยความเสี่ยงที่ต่ำ และค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงในช่วงต้นปีนี้ ช่วยบรรเทาภาระหนี้ของผู้กู้ยืมที่ไม่ใช่ชาวสหรัฐ ที่มีหนี้สกุลเงินดอลลาร์ได้อย่างยิ่ง ส่งผลให้ตลาดทุนโดยทั่วไปเปิดกว้าง บริษัทและรัฐบาลหลายประเทศต่างกำลังคว้าโอกาสนี้ไว้

เปิดสปีช ผอ. IMF ก่อนประชุมใหญ่ มอง \"โอกาส\" ในช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลง

ทั้งหลายทั้งปวงเหล่านี้คือปัจจัย 4 ประการที่อยู่เบื้องหลังความสามารถในการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่เราพบเห็นในปีนี้

ความเสี่ยงยังไม่หมด

บางท่านอาจจะถอนหายใจลึกๆ ด้วยความโล่งอก แต่อย่าเพิ่งหยุดฟัง ความสามารถในการฟื้นตัวทั่วโลกยังไม่ได้รับการทดสอบอย่างเต็มที่

มีสัญญาณบางอย่างที่เราต้องให้ความสำคัญ เช่น อุปสงค์ของทองคำที่พุ่งสูงขึ้นทั่วโลก เพราะได้รับแรงกระตุ้นจากปัจจัยการแปลงมูลค่า และปริมาณการซื้อสุทธิ สะท้อนปัจจัยทางภูมิรัฐศาสตร์บางส่วน ปัจจุบันการถือครองทองคำจึงเกินกว่าหนึ่งในห้าของทุนสำรองอย่างเป็นทางการของโลก 

เปิดสปีช ผอ. IMF ก่อนประชุมใหญ่ มอง \"โอกาส\" ในช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลง

นอกจากนี้ ผลกระทบทั้งหมดของภาษีศุลกากร ยังไม่ปรากฏชัดเจน ในสหรัฐอเมริกา การลดลงของอัตรากำไรของบริษัทอาจนำไปสู่การส่งผ่านราคามากขึ้น ส่งผลให้เงินเฟ้อสูงขึ้น ซึ่งส่งผลกระทบต่อนโยบายการเงิน และการเติบโตทางเศรษฐกิจ ส่วนในประเทศอื่นๆ สินค้าจำนวนมากที่ปลายทางส่งเข้ามายังสหรัฐอเมริกาก่อนหน้านี้ อาจกระตุ้นให้มีการขึ้นภาษีรอบสอง

การค้าโลกยังคงไหลไปเหมือนสายน้ำ แม้จะมีภาวะชะงักงันบ้าง โดยการค้าส่วนใหญ่ในโลกยังคงปฏิบัติตามกฎระเบียบ ทางไอเอ็มเอฟใคร่ขอเรียกร้องให้ผู้กำหนดนโยบายโลกพึงรักษาการค้าไว้เป็นเครื่องยนต์ขับเคลื่อนการเติบโต

ภาวะการเงินที่กำลังสะพัด อาจกำลังบดบังสัญญาณอ่อนบางประการ เช่น การสร้างงาน อาจบอกให้เรารู้ว่าจากประสบการณ์ว่า “อารมณ์” ของตลาดสามารถเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันได้

การประเมินมูลค่าทรัพย์สินในปัจจุบันกำลังมุ่งไปสู่ระดับเดียวกับที่เราเคยเห็นท่ามกลางกระแสความนิยมอินเทอร์เน็ตเมื่อ 25 ปีก่อน หากเกิดการปรับฐานอย่างรุนแรง ภาวะการเงินที่ตึงตัวสูงขึ้นอาจฉุดรั้งการเติบโตของเศรษฐกิจทั่วโลก เผยให้เห็นความเปราะบาง และทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของประชากรในประเทศกำลังพัฒนายากลำบากเป็นพิเศษ

IMF เสนอเป้าหมายนโยบายระยะกลาง 3 ประการ

ในโลกหลายขั้วที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง ผู้กำหนดนโยบายสามารถทำอะไรได้อีกบ้างเพื่อตอบสนองความปรารถนาของคนทั่วไป โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่

IMF ขอเสนอเป้าหมายนโยบายระยะกลาง 3 ประการดังนี้

1. ยกระดับการเติบโตอย่างยั่งยืน เพื่อให้เศรษฐกิจสามารถสร้างงานมากขึ้น สร้างรายรับสาธารณะเพิ่มขึ้น และให้หนี้สาธารณะ และเอกชนมีความยั่งยืนมากขึ้น

2. ซ่อมแซมฐานะการเงินของรัฐบาล เพื่อให้สามารถรับมือกับแรงกระแทกใหม่ๆ และแก้ไขปัญหาความจำเป็นเร่งด่วนโดยไม่ผลักดันให้อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ภาคเอกชนสูงขึ้น และ

3. แก้ไขปัญหาความไม่สมดุลทั่วโลกที่มากเกินไป เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหาย ซึ่งโดยพื้นฐานแล้ว เสถียรภาพภายนอกสะท้อนถึงการออมภายใน และดุลการลงทุน

ประเด็นแรกเรื่องการเติบโต คาดการณ์ว่าการเติบโตทั่วโลกจะอยู่ที่ประมาณร้อยละ 3 ในระยะกลาง ลดลงจากร้อยละ 3.7 ก่อนโควิดระบาด รูปแบบการเติบโตของโลกมีการเปลี่ยนแปลงตลอดหลายปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งจีนที่ชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่องในขณะที่อินเดียพัฒนาไปเป็นเครื่องยนต์ขับเคลื่อนการเติบโตที่สำคัญ 

เปิดสปีช ผอ. IMF ก่อนประชุมใหญ่ มอง \"โอกาส\" ในช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลง

การเติบโตอย่างยั่งยืนสามารถทำได้โดยการเพิ่มผลิตภาพภาคเอกชน ซึ่งต้องมีสภาพแวดล้อมระดับมหภาคที่มั่นคง และกฎระเบียบที่ชัดเจนที่จัดทำผ่านกรอบนโยบายและสถาบันที่เข้มแข็ง

รัฐบาลทุกแห่งจะต้องจัดหาและปกป้ององค์ประกอบพื้นฐานของตลาดเสรี ได้แก่ สิทธิในทรัพย์สิน หลักนิติธรรม ข้อมูลที่ดี ประมวลกฎหมายล้มละลายที่มีประสิทธิผล การกำกับดูแลภาคการเงินที่เข้มแข็ง และสถาบันที่เป็นอิสระแต่มีความรับผิดชอบต่อผลลัพธ์ของภาระหน้าที่

ในหลายเขตเศรษฐกิจ ผลิตภาพของภาคเอกชนถูกผูกติดกับระบบราชการที่ยุ่งยากซับซ้อน และบริษัทสตาร์ตอัปไม่สามารถเริ่มต้นหรือเติบโตได้ การแข่งขันเป็นปัจจัยสำคัญ และกฎระเบียบต้องไม่ยอมให้เกิดหรือสร้างข้อได้เปรียบที่ไม่เป็นธรรม

ดังนั้น วันนี้ดิฉันจึงขอเรียกร้องให้สมาชิกทุกท่านร่วมกันปฏิบัติตามกฎระเบียบอย่างเคร่งครัด เพื่อปลดปล่อยพลังของผู้ประกอบการ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากสถาบัน และธรรมาภิบาลที่เข้มแข็ง เวลานี้ไม่ใช่เวลาที่จะทำร้ายตนเอง หากแต่เป็นเวลาที่จะจัดระเบียบบ้านให้เรียบร้อย

ข้อเสนอรายประเทศ-ภูมิภาค

สำหรับ "เอเชีย" ดิฉันขอเรียกร้องให้มีการขยายการค้าภายในภูมิภาคให้ครอบคลุมสินค้า และบริการขั้นสุดท้ายมากขึ้น และผลักดันการปฏิรูปเพื่อเสริมสร้างภาคบริการให้แข็งแกร่ง และสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุน การวิเคราะห์ของเราชี้ให้เห็นว่าการผลักดันให้เกิดการบูรณาการระดับภูมิภาคเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งโดยการลดอุปสรรคทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษีศุลกากร อาจช่วยเพิ่มจีดีพีได้ถึงร้อยละ 1.8 ในระยะยาว

สำหรับ "ภูมิภาคแอฟริกาใต้ซาฮารา" ดิฉันขอตั้งข้อสังเกตว่า การปฏิรูปในภูมิภาคนี้อาจได้รับประโยชน์มากเป็นพิเศษเมื่อพิจารณาถึงกำลังแรงงานรุ่นใหม่ที่กำลังเติบโต การปฏิรูปอย่างครอบคลุมที่เอื้อต่อธุรกิจ ประกอบกับความก้าวหน้าในการสร้างเขตการค้าเสรีภาคพื้นทวีป อาจช่วยเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ต่อหัวที่แท้จริงของประเทศในแอฟริกาได้กว่าร้อยละ 10

และสำหรับ "ยุโรป" บ้านเกิดของดิฉัน ดิฉันขอแสดงความรักที่เข้มงวด (tough love) กรุณาจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย พอได้แล้วกับการใช้ถ้อยคำหรูหราชักจูงเกี่ยวกับวิธียกระดับขีดความสามารถในการแข่งขัน ถึงเวลาลงมือทำแล้ว แต่งตั้ง “single market czar” ที่มีอำนาจอย่างแท้จริงเพื่อขับเคลื่อนการปฏิรูป ขจัดความขัดแย้งระหว่างพรมแดนในตลาดแรงงาน การค้าสินค้า และบริการ พลังงาน การเงิน สร้างระบบการเงินยุโรปที่เป็นหนึ่งเดียว สร้างสหภาพพลังงาน ทำโครงการของคุณให้สำเร็จ

ภาพหนึ่งภาพอธิบายแทนคำพูดได้นับพันคำ ลองดูว่าบริษัทยักษ์ใหญ่ทั้งเจ็ดแห่งของสหรัฐ ซึ่งเมื่อ 51 ปีก่อนหน้านี้ยังไม่มีบริษัทแห่งใดก่อตั้งขึ้นเลย กลับมีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดที่สูงมากจนมูลค่าหลักทรัพย์ของบริษัทในยุโรปที่มีอายุใกล้เคียงกันนั้นน้อยมากเมื่อเทียบกัน

เปิดสปีช ผอ. IMF ก่อนประชุมใหญ่ มอง \"โอกาส\" ในช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลง

ต่อไปนี้ขอพูดถึงกิจการด้านการคลังบ้าง โดยเริ่มจากความเป็นจริงที่เตือนสติว่า หนี้สาธารณะทั่วโลกคาดว่าจะสูงเกินร้อยละ 100 ของจีดีพี ภายในปี 2572 ซึ่งนำโดยประเทศเศรษฐกิจพัฒนาแล้วและตลาดเกิดใหม่

เปิดสปีช ผอ. IMF ก่อนประชุมใหญ่ มอง \"โอกาส\" ในช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลง

ภาระหนี้ที่เพิ่มขึ้นทำให้ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยเพิ่มสูงขึ้น กดดันต้นทุนการกู้ยืมให้สูงขึ้น จำกัดการใช้จ่ายด้านอื่น และลดความสามารถของรัฐบาลในการรองรับแรงกระแทก

ความช่วยเหลือเพื่อการพัฒนาที่ให้แก่ประเทศที่ขาดแคลนที่สุดในโลก ยังคงลดลงต่อเนื่องอย่างน่าเสียดาย ประเทศที่มีรายได้ต่ำที่รับเงินช่วยเหลือ ต้องช่วยตัวเองมากขึ้น รวมไปถึงตั้งเป้าอัตราภาษีต่อจีดีพีที่ร้อยละ 15 เป็นอย่างต่ำ

ดังนั้น การรัดเข็มขัดทางการคลังจึงมีความจำเป็นในหลายเขตเศรษฐกิจ ทั้งรวยและจน

การรัดเข็มขัดยังเป็นเรื่องยากเช่นกัน ดังที่เหตุการณ์ความไม่สงบทางสังคมหลายครั้งที่ผ่านมาได้แสดงให้เห็น การซ่อมแซมงบประมาณของรัฐบาลจำเป็นต้องมีการมีการวางแผน สื่อสาร และดำเนินการอย่างดี การลดการขาดดุลอย่างมีนัยสำคัญก็สามารถทำได้สำเร็จ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากได้รับแรงหนุนจากการเติบโตในระยะกลางที่สูงขึ้น

เช่นนั้นแล้ว ดิฉันจะกล่าวถึงข้อเสนอที่สาม การลดความไม่สมดุลของบัญชีเดินสะพัดที่กลับคืนมาอีกครั้ง 

เปิดสปีช ผอ. IMF ก่อนประชุมใหญ่ มอง \"โอกาส\" ในช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลง

ดังที่เราได้เห็น ความไม่สมดุลเหล่านี้อาจกระตุ้นให้เกิดการตอบโต้เชิงนโยบาย และเมื่อพิจารณาจากกระแสเงินทุนสุทธิระหว่างประเทศ อาจก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อเสถียรภาพทางการเงินได้ ทางไอเอ็มเอฟกำลังทำงานอย่างหนักเพื่อปรับปรุงการประเมินเศรษฐกิจภาคต่างประเทศ (external sector assessments) และจะยังคงผลักดันให้ผู้มีบทบาทสำคัญในการแก้ไขนโยบายต่อไป

สำหรับ "สหรัฐอเมริกา" ซึ่งทั้งการบริโภคภาคเอกชน และการขาดดุลการคลังอยู่ในระดับสูง กอปรกับการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดอยู่ในระดับที่ไม่เห็นนับตั้งแต่ต้นทศวรรษปี 2000 เราเสนอให้มีการดำเนินการในสองมิติกว้างๆ

ขั้นแรก ขั้นตอนในการแก้ไขปัญหาการขาดดุลงบประมาณของรัฐบาลกลาง อัตราส่วนหนี้สาธารณะต่อจีดีพีของรัฐบาลกลางกำลังใกล้เส้นทางที่จะสูงเกินระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์หลังสงครามโลกครั้งที่สอง ซึ่งจำเป็นต้องมีการดำเนินการอย่างต่อเนื่องในหลายด้าน นอกเหนือไปจากการประหยัดการใช้จ่ายที่ไม่ตายตัว

ขั้นที่สอง ขั้นตอนในการจูงใจให้ครัวเรือนออมเงิน โดยอาจพิจารณาขยายแผนที่มีอยู่ที่ให้สิทธิประโยชน์ด้านภาษีสำหรับการออมเงินเพื่อการเกษียณอายุ รวมถึงการปรับเปลี่ยนนโยบายภาษีอื่นๆ

สำหรับ "ประเทศจีน" การออมภาคเอกชนอยู่ในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง และอุปสงค์ในประเทศถูกจำกัดโดยการปรับตัวด้านอสังหาริมทรัพย์ที่ยืดเยื้อ และแรงกดดันด้านเงินฝืด เราขอสนับสนุนการขยายตัวทางการคลังในช่วงเปลี่ยนผ่าน และการปรับโครงสร้างทางการคลังใหม่อย่างถาวร

จีนจำเป็นต้องมีมาตรการด้านโครงสร้าง และทางการเงินเพื่อกระตุ้นการบริโภคภาคเอกชน เปลี่ยนผ่านสู่โมเดลการเติบโตทางเศรษฐกิจแบบใหม่ และฟื้นฟูเศรษฐกิจ ซึ่งจะช่วยรับมือกับอัตราแลกเปลี่ยนที่แท้จริงที่อ่อนค่าลงเมื่อเร็ว ๆ นี้ ซึ่งส่งผลกระทบต่อการปรับสมดุล (ภาพที่ 11) มาตรการนี้ควรครอบคลุมการใช้จ่ายด้านโครงข่ายความปลอดภัยทางสังคมและการปรับปรุงภาคอสังหาริมทรัพย์ให้มากขึ้น และควรลดการใช้จ่ายด้านนโยบายอุตสาหกรรมลงอย่างมาก ซึ่งรายงาน ฉบับใหม่ของไอเอ็มเอฟระบุว่ารายจ่ายประจำปีอยู่ที่ร้อยละ 4.4 ของจีดีพี

เปิดสปีช ผอ. IMF ก่อนประชุมใหญ่ มอง \"โอกาส\" ในช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลง

สุดท้าย "เยอรมนี" เราตั้งข้อสังเกตว่าการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างล่าสุดไปสู่การใช้นโยบายการคลังที่ขยายตัวมากขึ้นน่าจะช่วยลดการเกินดุลบัญชีเดินสะพัดลงได้ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าสามารถทำได้ การใช้จ่ายของภาครัฐด้านโครงสร้างพื้นฐาน ผ่านการปรับปรุงแรงจูงใจในการลงทุนภาคเอกชนในประเทศจะเกิดประโยชน์อย่างยิ่ง เนื่องจากเยอรมนีกำลังพยายามเพิ่มขุมพลังใหม่ๆ ให้กับภาคเอกชน

สุดท้ายนี้ ดิฉันขออ่านคำจารึกบนกำแพงของสถานที่แห่งนี้ เป็นเครื่องเตือนใจว่า “A dream you dream alone is only a dream. A dream you dream together is reality.” เราทุกคนควรร่วมมือกัน เพื่อสร้างโอกาสในช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลง

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์