'ทรัมป์' ขู่ไม่จ่ายเงินย้อนหลัง แม้พนักงานรัฐ หลายแสนไม่ได้เงินเดือน

พนักงานรัฐบาลกลางสหรัฐฯ กว่า 250,000 คน ไม่ได้รับเงินเดือนเนื่องจากการปิดหน่วยงานรัฐบาล (Government Shutdown)
KEY
POINTS
- พนักงานรัฐบาลกลางสหรัฐฯ กว่า 250,000 คน ไม่ได้รับเงินเดือนเนื่องจากการปิดหน่วยงานรัฐบาล (Government Shutdown)
- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ขู่ว่าจะไม่จ่ายเงินเดือนย้อนหลังให้กับพนักงานทุกคนเมื่อรัฐบาลกลับมาเปิดทำการ โดยจะเลือกจ่ายให้เฉพาะบางส่วน
- การกระทำดังกล่าวถูกมองว่าเป็นกลยุทธ์ทางการเมืองเพื่อกดดันพรรคเดโมแครตในการเจรจาเรื่องงบประมาณ และเป็นการฉีกแนวปฏิบัติที่เคยทำมาในอดีต
- นักเศรษฐศาสตร์เตือนว่าการไม่จ่ายค่าจ้างย้อนหลังจะส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจในเชิงลบอย่างรุนแรง และลดขวัญกำลังใจของพนักงานในหน่วยงานที่จำเป็น
สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานว่า พนักงานรัฐบาลกลางมากกว่า 250,000 คนไม่ได้รับเช็คเงินเดือนตามกำหนดในสัปดาห์นี้หลังจากการปิดหน่วยงานรัฐบาลกลางสหรัฐ (Government Shutdown) เข้าสู่สัปดาห์ที่สองแล้ว ซึ่งเพิ่มแรงกดดันทางการเมืองต่อสภาคองเกรสให้ผ่านร่างกฎหมายงบประมาณเพื่อเปิดหน่วยงานรัฐบาลอีกครั้ง
หากความขัดแย้งยังคงยืดเยื้อเข้าสู่สัปดาห์ที่สาม พนักงานอีก 2 ล้านคนจะต้องเผชิญกับการไม่มีรายได้เช่นกัน การขาดการจ่ายเงินเดือนครั้งนี้ถือเป็นจุดที่ก่อให้เกิดความเดือดร้อนอย่างเห็นได้ชัดหลังเกิดการชัตดาวน์รัฐบาลเกิดขึ้น ท่ามกลางการเผชิญหน้าทางการเมืองของทั้งรีพับลิกันและเดโมแครต โดยการปิดหน่วยงานรัฐบาลในครั้งนี้ถือเป็นการปิดที่ยาวนานเป็นอันดับสี่ในประวัติศาสตร์สหรัฐ
รัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กำลังเพิ่มแรงกดดันทางการเมืองมากขึ้นไปอีก โดยมีร่างบันทึกข้อกฎหมาย (Legal Memo) จากสำนักงานบริหารและงบประมาณ (OMB) ของทำเนียบขาว ที่ระบุว่า พนักงานอาจไม่ได้รับค่าจ้างย้อนหลัง เมื่อรัฐบาลกลับมาเปิดอีกครั้ง การตีความดังกล่าวถูกมองว่าเป็นการพลิกแนวทางปฏิบัติที่เคยมีมาตลอดสี่ทศวรรษ และดูเหมือนจะท้าทายกฎหมาย Government Employee Fair Treatment Act ปี 2019 ที่กำหนดให้พนักงานรัฐบาลกลางจะได้รับเงินโดยอัตโนมัติ "แบบเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้หลังจากการสิ้นสุดของการจัดสรรงบประมาณ"
ประธานาธิบดีทรัมป์ได้กล่าวเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาว่า รัฐบาลของเขาจะเลือกจ่ายค่าตอบแทนให้เฉพาะพนักงานบางส่วนเท่านั้น โดยระบุว่า "มันขึ้นอยู่กับว่าคุณกำลังพูดถึงใครเป็นหลัก แต่ส่วนใหญ่แล้ว เราจะดูแลคนของเรา" และเสริมว่า "มีบางคนที่ไม่สมควรได้รับการดูแล และเราจะดูแลพวกเขาในวิธีที่แตกต่างออกไป"
บทวิเคราะห์ของบลูมเบิร์ก เผยว่า กลยุทธ์การระงับค่าจ้างย้อนหลังนี้เป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ที่ของทรัมป์ในการสร้างแรงกดดันทางการเมืองให้กับฐานเสียงของเดโมแครต ในขณะที่ปกป้องหน่วยงานที่ถือเป็น "ภาคส่วนจำเป็น" เช่น กองทัพและการบังคับใช้กฎหมายคนเข้าเมือง
ด้านพรรคเดโมแครตได้กล่าวหาทำเนียบขาวว่า กำลัง "จับพนักงานรัฐบาลกลางเป็นตัวประกัน" ในการเผชิญหน้าเรื่องงบประมาณ ผู้นำพรรคเดโมแครตยืนยันว่าจะไม่สนับสนุนร่างกฎหมายจัดหาเงินทุนของรัฐบาล เว้นแต่จะนำค่าใช้จ่ายในการต่ออายุเงินอุดหนุนประกันสุขภาพบางส่วนเข้าไปในงบประมาณ
นายเอเวอเร็ตต์ เคลลีย์ ประธานสหพันธ์พนักงานรัฐบาลอเมริกัน (American Federation of Government Employees) ซึ่งเป็นตัวแทนพนักงาน 820,000 คน กล่าวว่า "ใครก็ตามที่มองข้ามข้อเท็จจริงที่ว่าพนักงานรัฐบาลกลางไม่ได้รับเงินเดือนตามปกติ ควรหยุดและคิดสักหน่อยว่าถ้าเป็นตัวเองจะชำระค่าใช้จ่ายต่างๆ อย่างไร "
นายเกรกอรี ดาโค หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ EY-Parthenon กล่าวว่า อธิบายว่า ในเชิงเศรษฐศาสตร์ การไม่จ่ายค่าจ้างย้อนหลัง หรือการเลิกจ้างพนักงานรัฐบาลกลาง จะส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจในเชิงลบที่รุนแรงกว่าการปิดหน่วยงานครั้งก่อนๆ รายได้ที่สูญเสียไปจะลดการใช้จ่ายในครัวเรือน และเพิ่มแรงฉุดต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) โดยประมาณการความสูญเสียอยู่ที่ประมาณ 0.1% ต่อสัปดาห์ ภายใต้เงื่อนไขปัจจุบัน
นอกจากนี้ ปัญหาจะทวีความรุนแรงขึ้นเมื่อมีการขาดการจ่ายเงินเดือน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับพนักงานที่จำเป็น เช่น ที่ทำงานในสำนักงานบริหารการบินแห่งชาติ (FAA) หรือสำนักงานบริหารความปลอดภัยด้านการขนส่ง (TSA) ที่สถานการณ์นี้จะทำให้ขวัญและกำลังใจแย่ลง รวมถึงเพิ่มการขาดงาน ซึ่งอาจเพิ่มความเสี่ยงในการปฏิบัติงานและการหยุดชะงักด้านการเดินทางและการขนส่งที่รุนแรงมากขึ้น
ท้ายที่สุด แม้จะมีการหยุดจ่ายเงินเดือนแต่รัฐบาลทรัมป์ได้สั่งให้พนักงานรัฐบาลกลางกลับมารายงานตัวเพื่อทำงานในจำนวนที่มากกว่าการชัตดาวน์ครั้งก่อนๆ โดยมีการสั่งให้พักงาน (furlough) น้อยกว่า 30% ของจำนวนพนักงานทั้งหมด







