‘ทองคำ’ นิวไฮ ดันเงินทะลักเข้ากองทุน ETF หนีความเสี่ยงจากตลาดหุ้น

ราคา ‘ทองคำ’ ทำนิวไฮไม่หยุด นักลงทุนหนีความเสี่ยงจาก 'ตลาดหุ้น' หนุนเงินทะลักเข้ากองทุน ETF ทองคำทุบสถิติกว่า 64,000 ล้านดอลลาร์ในปีนี้
รอยเตอร์รายงานว่า “ราคาทองคำ” พุ่งทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์อย่างต่อเนื่อง โดย ราคาทองคำสปอต แตะที่ 3,990.85 ดอลลาร์ต่อออนซ์และ ราคาทองคำฟิวเจอร์ส ทะลุ 4,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทำให้มีกระแสเงินจำนวนมหาศาลไหลเข้าสู่ “กองทุน ETF ทองคำ” อย่างรวดเร็ว
State Street Investment Management กล่าวว่ามีเงินไหลเข้า กองทุน ETF สหรัฐ เช่น กองทุนทองคำ SPDR Gold Shares ที่ทำสถิติสูงสุดตลอดกาลที่ 35,000 ล้านดอลลาร์ ณ สิ้นเดือนก.ย. ซึ่งสูงกว่าสถิติเดิมทั้งปีซึ่งอยู่ที่ 29,000 ล้านเหรียญสหรัฐที่ทำไว้เมื่อปี 2563
จากข้อมูลของ สภาทองคำโลก พบว่า เงินไหลเข้ากองทุน ETF ทองคำทั่วโลกสูงถึง 64,000 ล้านดอลลาร์ในปีนี้ โดยในเดือนก.ย.เพียงเดือนเดียวมีเงินไหลเข้าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 17,300 ล้านดอลลาร์ สวนทางกับในช่วงสี่ปีที่ผ่านมา ที่กองทุน ETF ทองคำมีเงินไหลออกรวม 23,000 ล้านดอลลาร์
รูคายา อิบราฮิม นักวิเคราะห์สินค้าโภคภัณฑ์จาก BCA Research คำนวณว่าสินทรัพย์ใน ETF ทองคำทั่วโลกคิดเป็น 2.6% ในปัจจุบัน เพิ่มขึ้นจาก 1.9% เมื่อปีที่แล้ว และย้ำว่า "ความสนใจของนักลงทุนสถาบันเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้น" โดยอิบราฮิมกล่าวว่าความสนใจของนักลงทุนเพิ่มขึ้นอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
นักลงทุนจำนวนมากเริ่มระมัดระวังต่อตลาดหุ้นที่สูงลิ่ว และมองว่าทองคำเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยที่ช่วยปกป้องจากความไม่แน่นอนของนโยบายเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์ ข้อมูลจาก LSEG ระบุว่าราคาทองคำแท่งปรับตัวสูงขึ้น 51% ในปีนี้ ซึ่งเป็นการพุ่งขึ้นสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2522
เธียร์รี่ วิซแมน จาก Macquarie Group อธิบายว่า ทองคำกำลังถูกใช้เป็น "เครื่องป้องกันความเสี่ยง" หากการเติบโตทางเทคโนโลยีที่ขับเคลื่อนด้วย AI ไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง
ขณะเดียวกัน เดวิด ชเลสเซอร์ จาก VanEck ชี้ให้เห็นว่า ทองคำและบิตคอยน์ กำลังมีราคาเพิ่มขึ้นไปพร้อมกัน เนื่องจากทั้งสองเป็น "สินทรัพย์แบบกระจายอำนาจที่ไม่ผูกติดกับรัฐบาลใด ๆ" ซึ่งดึงดูดนักลงทุนที่ต้องการทางเลือกที่ไม่อิงกับระบบการเงินหลัก
คาดทองคำพุ่งแตะ 5,000 ดอลลาร์/ออนซ์
แม้ว่า ราคาทอง จะพุ่งสูงขึ้น แต่ชเลสเซอร์เตือนว่า ราคาสินทรัพย์ใด ๆ ก็ตามไม่ได้ขึ้นเป็นเส้นตรง และนักลงทุนควรระมัดระวังการย่อตัวและความผันผวนบ้าง ซึ่งเป็นโอกาสให้เข้าซื้อเมื่อราคาย่อตัวลง โดยแนะว่านักลงทุนจัดสรรเงินในพอร์ตอย่างน้อย 5% ให้กับทองคำ และคาดการณ์ว่าราคาทองคำจะสามารถทะลุ 5,000 ดอลลาร์ ต่อออนซ์ได้ในปี 2569
สถาบันการเงินขนาดใหญ่ต่างก็ออกมาสนับสนุนการถือครองทองคำ ซึ่งยิ่งกระตุ้นให้มีเม็ดเงินไหลเข้าตลาดมากขึ้น
- โกลด์แมน แซคส์
คาดว่าการถือครองกองทุน ETF ทองคำในอเมริกาเหนือและยุโรปจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องไปจนถึงปี 2569 โดยมีปัจจัยหลักจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐมีแนวโน้มจะปรับลดดอกเบี้ย
- มอร์แกน สแตนลีย์
ไมค์ วิลสัน ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุน ได้แนะนำให้จัดสรรพอร์ตการลงทุนถึง 20% ให้กับทองคำ เพื่อเป็นการป้องกันความเสี่ยงจากภาวะเงินเฟ้อที่ยืดเยื้อ
เอเดรียน แอช จาก BullionVault กล่าวสรุปว่า เมื่อบริษัทใหญ่และมีชื่อเสียงอย่าง Morgan Stanley ออกมาบอกว่านักลงทุนยังถือครองทองคำไม่เพียงพอ ก็ไม่น่าแปลกใจเลยที่จะเห็นเงินลงทุนไหลเข้าสู่ทั้งกองทุน ETF ทองคำและทองคำแท่งเพิ่มมากขึ้น







