ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ วิเคราะห์ สหรัฐชัตดาวน์ยืดเยื้อ ราคาทองปรับขึ้นได้อีก

ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ วิเคราะห์ สหรัฐชัตดาวน์ยืดเยื้อ ราคาทองปรับขึ้นได้อีก

ตลอดเวลา 49 ปีที่ผ่านมา (1976–2025) รัฐบาลสหรัฐต้องเจอกับเหตุการณ์ Government Shutdown ไปแล้วถึง 21 ครั้งเหตุการณ์นี้หมายถึงช่วงเวลาที่ หน่วยงานรัฐบาลต้องหยุดทำงาน เพราะสภาคองเกรสและประธานาธิบดีไม่สามารถตกลงกันเรื่อง “งบประมาณ” ได้ทันเวลา

การที่สหรัฐอเมริกามี “หนี้สาธารณะ” มหาศาลและยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากทำงบประมาณขาดดุล ความจำเป็นในการขยับเพดานหนี้สาธารณะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะนี้หนี้สาธารณะของรัฐบาลกลางสหรัฐอยู่ที่ 37 ล้านล้านดอลลาร์ 

แม้สหรัฐจะลดขนาดขององค์กรรัฐ ตัดลดงบประมาณหลายด้านและเพิ่มรายได้จากการเก็บภาษีศุลกากร แต่รายจ่ายก้อนใหญ่เกี่ยวข้องกับสวัสดิการสังคมโดยเฉพาะค่าใช้จ่ายทางด้านสาธารณสุข โครงการ ObamaCare

มีความขัดแย้งในการจัดสรรงบระหว่างพรรคเดโมแครตและพรรครีพับลิกัน และไม่สามารถมีข้อสรุปในการจัดสรรงบประมาณร่วมกันได้ ทำให้ต้องมีการปิดที่ทำการหน่วยงานของรัฐบาลชั่วคราว 

สถิติย้อนหลังตั้งแต่ปี 2519 เกิดการปิดทำการหน่วยงานรัฐหรือ Government shutdown มาแล้ว 11 ครั้ง โดยครั้งยาวที่สุดคือ 35 วัน (ปลายปี 2561-ต้นปี 2562) ซึ่งทำให้ Real GDP หดตัวชั่วคราวประมาณ 0.3% และเศรษฐกิจสูญเสียราว 11 พันล้านดอลลาร์ โดย 3 พันล้านดอลลาร์สูญหายถาวร (CBO 2562) 

ด้านผลกระทบทางเศรษฐกิจมีการประเมินโดยนักวิเคราะห์ในตลาดการเงินว่า ทุกสัปดาห์ของ shutdown ลด GDP 0.1% (7 พันล้านดอลลาร์) และหากยืดเยื้อทั้งไตรมาสอาจกด GDP ลงได้มากกว่า 1% 

ผลกระทบหลักคือการเลื่อนการเบิกจ่าย เกิดความล่าช้าและชะงักงันในการขอใบอนุญาตของรัฐ ข้าราชการหลายแสนคนถูกพักงานและสูญเสียรายได้ชั่วคราว รวมทั้ง ข้อมูลเศรษฐกิจเพื่อการวางแผนนโยบายและตัดสินใจลงทุนเผยแพร่ล่าช้า

หากอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐไม่เป็นไปตามเป้าหมาย สัดส่วนของหนี้สาธารณะต่อจีดีพีก็จะเพิ่มขึ้นไปอีก โดยสหรัฐนั้นมีมูลค่าหนี้ต่างประเทศใหญ่ที่สุดในโลกและหนี้เหล่านี้ถือครองโดยนักลงทุนทั่วโลก

หากเกิดวิกฤติความเชื่อมั่นต่อเงินดอลลาร์และพันธบัตรสหรัฐอย่างหนักเมื่อไหร่ วิฤกตการณ์ตลาดการเงินโลกและ วิกฤตการณ์เศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลกแบบทศวรรษ 1930 มีโอกาสเกิดขึ้นได้ ภาวะดังกล่าวจะไม่เกิดขึ้นเร็วๆ นี้ แต่จะค่อยๆ สะสมปัญหาเศรษฐกิจต่างๆ และปะทุขึ้นในที่สุด

จากการประเมินเบื้องต้นของศูนย์วิจัยเศรษฐกิจดิจิทัล DEIIT การเกิด US Government Shutdown ครั้งนี้มีโอกาสยืดเยื้อสูง ประกอบกับ ระบบเศรษฐกิจได้รับผลกระทบจากมาตรการกีดกันทางการค้าอยู่แล้ว

หากมีการปิดทำการของหน่วยงานของรัฐเกิน 1 ไตรมาสจะทำให้จีดีพีสหรัฐลดลงไม่ต่ำกว่า 1% จะส่งแรงกดดันต่ออัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกและมูลค่าการค้าระหว่างประเทศอย่างมีนัยสำคัญ 

และแน่นอนย่อมซ้ำเติมต่อภาคส่งออกและภาคท่องเที่ยวของไทยในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ 

ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ วิเคราะห์ สหรัฐชัตดาวน์ยืดเยื้อ ราคาทองปรับขึ้นได้อีก

ขณะเดียวกันได้เพิ่มความเสี่ยงและความผันผวนต่อตลาดการเงินทั่วโลก กรณียืดเยื้อจะเพิ่ม ความผันผวน ความเสี่ยงที่สหรัฐอเมริกาอาจถูกปรับลดเครดิตความน่าเชื่อลงได้อีกในอนาคต และทำให้ความเชื่อมั่นของนักลงทุนในการถือครองดอลลาร์และพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐลดลงอีก

ภาวะดังกล่าวจะทำให้การใช้มาตรการผ่อนคลายการเงินและการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพื่อต่อสู้กับการชะลอตัวของเศรษฐกิจมีข้อจำกัดมากขึ้น

ผลกระทบของ U.S. government shutdown ต่อตลาดการเงิน ยิ่งทำให้มีการโยกเงินมาลงทุนในตลาดทองคำเพิ่มขึ้น ทำให้ราคาทองปรับขึ้นได้อีกในระยะต่อไป 

แต่อาจจะมีการปรับฐานเป็นระยะจากการทำกำไรระยะสั้นของนักลงทุน หรือมีการปรับฐานหากธนาคารกลางสหรัฐชะลอการลดดอกเบี้ย การปรับฐานของราคาจะเกิดก่อนที่ราคาทองคำจะทดสอบจุดสูงสุดใหม่ ในช่วงไตรมาสสี่ ปี 2568-กลางปี 2569 

Goldman Sachs และ J.P. Morgan คาดว่าราคาทองคำยังมีทิศทางขาขึ้นต่อ มีโอกาสแตะระดับ 3,900-4,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แม้อาจมีการพักฐานระหว่างทาง

ราคาทองคำโลก (XAU/USD) ปรับตัวขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ที่ 3,860-3,900 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ได้แรงหนุนจากความคาดหวังการลดดอกเบี้ยของเฟด ดอลลาร์ที่อ่อนค่า และความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ-การเมือง เช่น ความเสี่ยง Government Shutdown ของสหรัฐ 

ขณะเดียวกัน ธนาคารกลางทั่วโลกและกองทุน ETF ยังซื้อทองคำต่อเนื่อง ส่งแรงหนุนเชิงโครงสร้างต่อราคา

 ขณะที่ราคาทองในประเทศปรับขึ้นตามตลาดโลก โดยยังมีแรงซื้อจากผู้บริโภคและนักลงทุน แม้ราคาสูงขึ้นแล้ว แต่มีความกังวลจากแผนภาครัฐที่จะเก็บภาษีการซื้อขายทองคำเพื่อชะลอเงินบาทแข็งค่า ซึ่งภาคเอกชนคัดค้าน เนื่องจากอาจกระทบสถานะไทยในฐานะศูนย์กลางทองคำภูมิภาค

การเก็บภาษีซื้อขายทองคำก็ไม่สามารถชะลอการแข็งค่าของเงินบาทได้ การเพิ่มปริมาณเงินบาทในระบบจะช่วยชะลอการแข็งค่าของเงินบาทได้ระดับหนึ่ง

ขณะที่ ดร.ภัทรพงษ์ มาลาวัลย์ นักวิจัยศูนย์วิจัยเศรษฐกิจดิจิทัลฯ ให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า การเกิด government shutdown ไม่ได้สะท้อนว่าสหรัฐ “ล้มละลาย” แต่เป็นผลจากความขัดแย้งทางการเมืองในคองเกรส ที่ไม่สามารถผ่านร่างงบประมาณหรือมาตรการขยายเวลา (Continuing Resolution) ได้ทันก่อนสิ้นปีงบประมาณ 30 ก.ย.2568 

ทำให้หน่วยงานรัฐ ที่ไม่ได้มีภารกิจสำคัญหรือภารกิจหลักต้องหยุดชั่วคราว ขณะที่บริการหลัก เช่น กลาโหม ความมั่นคง และการแพทย์ฉุกเฉินยังคงดำเนินต่อและยังมองว่าปัญหาหนี้สาธารณะจะยังคงเป็นแรงกดดันต่อเศรษฐกิจสหรัฐและตลาดการเงินโลกต่อไป