วุฒิสภาสหรัฐล้มเหลวเป็นครั้งที่ 4 ในการโหวตยุติภาวะชัตดาวน์

วุฒิสภาสหรัฐล้มเหลวเป็นครั้งที่ 4 ในการโหวตยุติภาวะชัตดาวน์

วุฒิสภาสหรัฐล้มเหลวเป็นครั้งที่สี่ในการรับข้อเสนอของพรรคใดพรรคหนึ่งเพื่อให้รัฐบาลกลางกลับมาเปิดทำการอีกครั้ง ภาวะชัตดาวน์จะดำเนินไปถึงวันจันทร์เป็นอย่างน้อย

นิวยอร์กไทมส์ รายงานว่าการปิดหน่วยงานรัฐบาลกลางมีกำหนดจะยืดเยื้อไปจนถึงสุดสัปดาห์ หลังจากที่พรรครีพับลิกันและพรรคเดโมแครตไม่สามารถดึงเสียงสนับสนุนจากทั้งสองพรรคได้เพียงพอสำหรับโหวตผ่านข้อเสนอของพวกเขา

วุฒิสภาได้ปิดทำการในช่วงสุดสัปดาห์ หลังจากที่ล้มเหลวเป็นครั้งที่สี่ในการรับข้อเสนอของพรรคใดพรรคหนึ่งเพื่อกลับมาเปิดทำการของรัฐบาลกลางอีกครั้ง ซึ่งแทบจะรับประกันได้ว่าการปิดหน่วยงานรัฐ หรือภาวะชัตดาวน์ (Government Shutdown) จะขยายออกไปอย่างน้อยจนถึงวันจันทร์

จอห์น ธูน สว.พรรครีพับลิกันจากรัฐเซาท์ดาโคตาและผู้นำเสียงข้างมาก กล่าวว่าพรรคของเขาจะไม่ยอมจำนนต่อข้อเรียกร้องของพรรคเดโมแครตที่จะผูกการขยายเวลาการใช้จ่ายเข้ากับการต่ออายุเงินอุดหนุนโครงการประกันสุขภาพ ซึ่งหมายความว่า หากไม่มีความคืบหน้าใดๆ  การลงมติเพื่อยุติการปิดหน่วยงานจะเกิดขึ้นเร็วที่สุดในวันจันทร์

ด้านไมค์ จอห์นสัน ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐกล่าวเมื่อวันศุกร์ว่า สภาผู้แทนราษฎรจะไม่กลับมาประชุมตามกำหนดในสัปดาห์หน้า เขาบอกกับผู้สื่อข่าวว่าเขาไม่มีแนวโน้มที่จะนำสมาชิกสภานิติบัญญัติกลับมาประชุมจนกว่าวุฒิสภาจะผ่านมาตรการการใช้จ่ายชั่วคราวของพรรครีพับลิกัน

  • เสนอยกเลิกกฎเสียงข้างมากเป็นพิเศษเพื่อให้ผ่านกฎหมายงบประมาณง่ายขึ้น

ขณะที่ มาร์จอรี เทย์เลอร์ กรีน สส.พรรครีพับลิกันฝ่ายขวาจัดจากรัฐจอร์เจีย ซึ่งเริ่มรู้สึกผิดหวังกับพรรครีพับลิกันและประธานาธิบดีทรัมป์มากขึ้นเรื่อยๆ กล่าวเมื่อวันศุกร์ว่า พรรคของเธอเองมีส่วนรับผิดชอบต่อการปิดหน่วยงานรัฐบาลอย่างน้อยก็บางส่วน และมีอำนาจที่จะเปิดรัฐบาลขึ้นมาใหม่ได้เพียงฝ่ายเดียว

“หากสมาชิกวุฒิสภาจากพรรครีพับลิกันต้องการให้ผ่านร่างกฎหมายงบรายจ่ายชั่วดคราว และเปิดทำการรัฐบาลขึ้นมาใหม่ พวกเขาก็สามารถทำได้โดยใช้ทางเลือกนิวเคลียร์”

 กรีนโพสต์ลงบนโซเชียลมีเดีย โดยอ้างถึงร่างกฎหมายงบประมาณ 

“ทางเลือกนิวเคลียร์” ที่กรีนกล่าวถึงคือข้อเสนอให้สมาชิกวุฒิสภาจากพรรครีพับลิกันลดเกณฑ์การผ่านร่างกฎหมายจาก 60 เสียงเหลือเพียงเสียงข้างมากธรรมดา 50 เสียง ก่อนหน้านี้ สมาชิกวุฒิสภาจากพรรคเดโมแครตและพรรครีพับลิกันได้ลดเกณฑ์การผ่านร่างกฎหมายลงสำหรับบางกรณี ซึ่งเป็นการลดทอนบรรทัดฐานทางกฎหมายที่มีมายาวนาน ด้วยการทำให้การเสนอชื่อผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็นตุลาการง่ายขึ้น

ในโพสต์โซเชียลมีเดียของเธอ กรีนเรียกร้องให้สมาชิกพรรครีพับลิกันในวุฒิสภาเปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์สำหรับการผ่านกฎหมายทั้งหมดในอนาคต โดยยืนยันว่าการกระทำดังกล่าวจะทำให้พรรครีพับลิกันสามารถผ่านกฎหมายต่างๆ รวมถึงการตัดงบประมาณเพิ่มเติมสำหรับหน่วยงานรัฐบาลกลาง ซึ่งจะยากต่อการแก้ไขภายใต้รัฐบาลเดโมแครตในอนาคต

 

เธอชี้ให้เห็นถึงความเคลื่อนไหวที่คล้ายคลึงกันของสมาชิกพรรครีพับลิกันในวุฒิสภาเมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อน เพื่อเร่งการอนุมัติผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อเพื่อแต่งตั้งเข้ารับตำแหน่งในรัฐบาลจากทรัมป์ โดยลดเกณฑ์คะแนนเสียงเดิม 60 เสียงสำหรับการพิจารณารับรองผู้ถูกเสนอชื่อแต่งตั้งให้เหลือเพียงเสียงข้างมากธรรมดา นับเป็นครั้งล่าสุดในรอบหลายปีที่การโต้เถียงกันไปมาได้กัดกร่อนกฎเสียงข้างมากเป็นพิเศษ หรือ ฟิลิบัลเตอร์ (filibuster) ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นเครื่องมือสำคัญในวุฒิสภาในการปกป้องสิทธิของเสียงข้างน้อยและผลักดันให้เกิดฉันทามติ

กรีนไม่ใช่สมาชิกพรรครีพับลิกันเพียงคนเดียวที่เสนอแนวคิดเรื่องการยกเลิกการฟิลิบัสเตอร์ และพรรคเดโมแครตก็คิดถึงความเป็นไปได้นี้เช่นกัน ในปี 2022 พรรคเดโมแครตในวุฒิสภาได้พยายามยกเลิกฟิลิบัสเตอร์เพื่อผ่านร่างกฎหมายเกี่ยวกับการเลือกตั้ง ซึ่งอาจเป็นสัญญาณบอกเหตุแห่งการสิ้นสุดของกระบวนการทางกฎหมายฟิบิบัสเตอร์นี้ แต่สมาชิกพรรคสองคน คือ วุฒิสมาชิกโจ แมนชิน จากเวสต์เวอร์จิเนีย และเคิร์สเตน ซิเนมา จากแอริโซนา ไม่เห็นด้วย ทำให้ความพยายามนี้ล้มเหลว

แต่ในขณะนี้ วุฒิสมาชิกพรรครีพับลิกันไม่น่าจะดำเนินการขั้นสุดท้ายเพื่อยกเลิกฟิลิบัสเตอร์ทั้งหมดตามคำเรียกร้องของนางกรีน