‘ทรัมป์’ จ่อตัดงบฯ หน่วยงานเดโมแครต หวังเล่นหนัก ปมถูกชัตดาวน์

ปธน.ทรัมป์ เล็งตัดงบประมาณหน่วยงานของพรรคเดโมแครต หวังเล่นเจ็บหนัก กดดันฝ่ายตรงข้ามปลดล็อกชัตดาวน์รัฐบาล
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เผยเมื่อวันพฤหัสบดี (2 ต.ค.) เตรียมพบ รัสเซลล์ วอท เพื่อพิจารณาตัดงบหน่วยงานของพรรคเดโมแครต หวังสร้างความเจ็บปวดให้ฝ่ายค้านทางการเมืองเมื่อเข้าสู่ภาวะชัตดาวน์วันที่ 2
ทรัมป์โพสต์ในโซเชียลมีเดีย “ผมไม่อยากจะเชื่อว่าพรรคเดโมแครตฝ่ายซ้ายสุดโต่งจะโอกาสที่ไม่เคยมีมาก่อนแบบนี้กับผม”
นอกจากนี้ ในโพสต์ทรัมป์ยังได้ระบุถึงการมีส่วนร่วมใน Project 2025 ของวอท ซึ่งเป็นแผนของมูลนิธิเฮอริเทจองค์กรอนุรักษนิยมที่เรียกร้องให้ลดขนาดรัฐบาลกลางลงอย่างรุนแรง และรัฐบาลของทรัมป์ได้ดำเนินการตามแผนดังกล่าวในหลายด้านแล้ว เช่น การยุบกระทรวงศึกษาธิการ และการถอนอำนาจของรัฐบาลในการต่อสู้กับมลพิษ
ปธน.ทรัมป์ ได้ระงับงบประมาณรัฐบาลกลางและเงินทุนโครงการสีเขียวในรัฐที่เป็นฐานเสียงของพรรคเดโมแครตแล้ว และขู่ไล่พนักงานรัฐบาลกลางออกเพิ่มในช่วงที่ถูกชัตดาวน์ ซึ่งเริ่มต้นขึ้นเมื่อวันพุธ (1 ต.ค.) ขณะที่ทรัมป์เตรียมปลดพนักงานรัฐบาลกลางออก 300,000 ภายในสิ้นปีนี้
วุฒิสมาชิกแพตตี เมอร์เรย์ ผู้นำพรรคเดโมแครตในคณะกรรมาธิการที่ดูแลเรื่องการจัดสรรงบประมาณ เตือนทรัมป์ว่า การปลดคนออกมากขึ้นไม่ได้ช่วยยุติปัญหาทางกฎหมายที่ทำให้รัฐบาลถูกชัตดาวน์
“ผู้คนไม่ได้เป็นเครื่องมือในการเจรจาต่อรอง และมันน่าขยะแขยงที่ประธานาธิบดีปฏิบัติต่อเจ้าหน้าที่รัฐบาลกลางเหมือนเบี้ย การข่มขู่และเลือกทำร้ายผู้อื่นจะไม่ทำให้ได้คะแนนเสียงจากฉัน” เมอร์เรย์โพสต์ในโซเชียล
ความขัดแย้งในสภาคองเกรสทำให้งบประมาณ 1.7 ล้านล้านดอลลาร์สำหรับการดำเนินงานของหน่วยงานรัฐบาลถูกระงับ ซึ่งเงินจำนวนนี้คิดเป็นประมาณหนึ่งในสี่ของงบประมาณรายจ่ายประจำปีของรัฐบาลกลาง
ส่วนเงินที่เหลือจากงบประมาณประจำปีส่วนใหญ่จะถูกนำไปใช้ในโครงการสำคัญ เช่น โครงการสุขภาพ (Health programs),โครงการบำนาญ (Retirement programs), และการจ่ายดอกเบี้ยที่กำลังเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนแตะ 37.5 ล้านล้านดอลลาร์
ขณะนี้การชัตดาวน์ทำให้พนักงานรัฐบาลกลางราว 2 ล้านคน ถูกระงับค่าจ้าง และมี 750,000 คน ถูกสั่งพักงาน ส่วนเจ้าหน้าที่บางหน่วยงาน เช่น ทหาร และเจ้าหน้าที่ตระเวนชายแดนยังคงต้องทำงานโดยไม่รับค่าจ้าง
ราชการหลายคนอาจต้องเผชิญกับความยากลำบากหากความขัดแย้งระหว่างสองพรรคไม่ยุติลงก่อนวันที่ 15 ตุลาคม ซึ่งเป็นวันกำหนดจ่ายเงินเดือนงวดถัดไป
นอกจากนี้ การชัตดาวน์เป็นเวลานานอาจส่งผลกระทบต่อการเดินทางทางอากาศ คุกคามความช่วยเหลือด้านอาหารของชาวอเมริกันหลายล้านคน และส่งผลกระทบต่อการส่งออกและการยื่นขอสินเชื่อที่อยู่อาศัย
อย่างไรก็ตาม การชัตดาวน์ในอดีตไม่ได้ส่งผลกระทบระยะยาวต่อเศรษฐกิจสหรัฐโดยรวม และการชัตดาวน์ที่เกิดขึ้นยาวนานที่สุดนั้นกินเวลาถึง 35 วันในปี 2018 และ 2019 ช่วงที่ทรัมป์ดำรงตำแหน่งปธน.สหรัฐสมัยแรก จากข้อพิพาทเรื่องการย้ายถิ่นฐาน






