กองทุนมั่งคั่งสิงคโปร์ 'GIC' เตือนฟองสบู่กระแสไฮป์ AI

'GIC' กองทุนมั่งคั่งสิงคโปร์ เตือน 'ฟองสบู่กระแสไฮป์ AI' กำลังก่อตัวขึ้นในช่วงเริ่มต้น จับตาผลลัพธ์อีก 3-5 ปีข้างหน้า ขณะที่ความเสี่ยงทางคลังทั่วโลก กำลังเพิ่มขึ้นอีกทางด้วย
ไบรอัน เหยียว ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุน (CIO) กองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติของสิงคโปร์ "GIC" แสดงความกังวลเกี่ยวกับการเติบโตอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) โดยออกโรงเตือนว่า “ฟองสบู่แรงไฮป์เอไอ” กำลังก่อตัวขึ้นในการลงทุน AI Ventures ในช่วงเริ่มต้น
ทางด้านทอดด์ ซิซิตสกี ประธานบริษัท TPG Inc. กล่าวแสดงความกังวลในทำนองเดียวกัน โดยยกตัวอย่างเรื่อง "การประเมินมูลค่า" คนในวงการเอไอ "เพียง 1 คน" ที่สูงถึงราว 1 พันล้านดอลลาร์ (กว่า 3 หมื่นล้านบาท) ในยุคเริ่มต้นของการลงทุน AI Ventures โดยระบุว่า “มันเป็นช่วงเวลาที่น่าตกตะลึงมากเลยทีเดียว”
GIC นับเป็นหนึ่งในกลุ่มนักลงทุนรายใหญ่ที่ออกมาแสดงความกังวลมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ขณะเดียวกันก็เป็นผู้ลงทุนรายใหญ่ใน AI เช่นเดียวกัน โดยเป็นหนึ่งในบริษัทลงทุนที่ต้องการนำ AI มาใช้แข่งขันเพื่อพลิกโฉมการดำเนินงาน และเพิ่มผลตอบแทน เช่นเดียวกับบริษัทต่างๆ อาทิ Blackstone Inc. และ General Atlantic และยังพยายามสนับสนุนบริษัทสตาร์ตอัปหน้าใหม่ที่อาจประสบความสำเร็จเหนือกว่า Alphabet Inc. และ Meta Platforms Inc. ในอนาคต
“เราคาดการณ์ว่าในอีก 3-5 ปีข้างหน้า ภาคส่วนเอไอจะมีการสร้างมูลค่าอย่างรวดเร็ว แต่ก็จะมีรายที่ไม่สามารถก้าวข้ามขีดจำกัดได้ซึ่งก็จะต้องสูญเสียมูลค่าไป" เหยียว กล่าว
ความเสี่ยงทางการคลังก็สูงขึ้น
นอกจากฟองสบู่แรงไฮป์เอไอของเวนเจอร์ แคปิตอลแล้ว ผู้บริหาร GIC ยังเตือนถึง "ความเสี่ยงทางการคลัง" ของภาครัฐด้วย โดยเฉพาะหลังจากที่รัฐบาลทั่วโลกเพิ่มการกู้ยืมในช่วงการระบาดใหญ่ของโควิด
“คำถามคือ โลกจะสามารถหลุดพ้นจากหนี้สินจำนวนมากนี้ได้หรือไม่” เหยียว กล่าว
ผู้บริหาร GIC เสริมว่า เป็นเรื่องยากในทางการเมืองที่รัฐบาลจะบอกกับประชาชนว่าจะต้องขึ้นภาษี และลดรายจ่าย ซึ่งอาจนำไปสู่แรงกดดันของนักลงทุนจนผลักดันให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตร (yields) ปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งจะสร้างความตื่นตระหนกให้กับตลาดการเงินโลก และอาจทำให้สูญเสียความเชื่อมั่นต่อค่าเงินของประเทศนั้นๆ
ทั้งนี้ GIC ซึ่งเป็นหนึ่งในกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยGlobal SWF ประเมินว่ามีสินทรัพย์ในการบริหารจัดการ (AUM) 9.36 แสนล้านดอลลาร์ ได้คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าการลงทุนจะชะลอตัวลงในช่วงครึ่งหลังของปี 2568 ควบคู่ไปกับภาวะเงินเฟ้อที่สูงขึ้น และความไม่แน่นอนที่เกิดจากแรงกดดันทางภูมิรัฐศาสตร์
GIC กำลังยกระดับมาตรฐานการลงทุนในตลาด Private credit โดยอ้างถึงความกังวลเกี่ยวกับปริมาณเงินจำนวนมากที่ไหลเข้าสู่ตลาดนี้
สำหรับในประเทศจีนนั้น GIC ยังคงรักษาระดับการลงทุนไว้ แม้ว่าประเทศกำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านทางเศรษฐกิจครั้งใหญ่ที่ต้องใช้เวลาหลายปี โดยเหยียวกล่าวว่า GIC มองเห็นโอกาสแบบ “จากล่างขึ้นบน” ในพื้นที่ที่มูลค่าหุ้นต่ำ และบริษัทในภาคส่วนที่การเติบโตมีความยั่งยืน พร้อมกล่าวชื่นชมการลงทุนครั้งสำคัญของบริษัทเหมืองทองคำ Zijin Gold International Co. ที่เพิ่งเสนอขายหุ้นต่อสาธารณะครั้งแรก (ไอพีโอ) และเพิ่งเปิดเทรดครั้งแรกในตลาดหุ้นฮ่องกงไปเมื่อเร็วๆ นี้
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์







