เบื้องหลังสปีช ‘สีหศักดิ์’ ภารกิจใหญ่การทูตไทยใน UNGA80

เบื้องหลังสปีช ‘สีหศักดิ์’ ภารกิจใหญ่การทูตไทยใน UNGA80

เผยเบื้องหลังภารกิจสำคัญ "สีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว" รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เปลี่ยนสปีชในเวลาอันจำกัดก่อนขึ้นอภิปรายในเวที UNGA80 หลังกัมพูชากล่าวหา "เพื่อนบ้าน" คุกคาม

กลายเป็นกระแสที่ถูกพูดถึงในเชิงบวกอย่างล้นหลามในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาเมื่อ “สีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทย ขึ้นอภิปรายในงานประชุมสมัชชาสหประชาชาติ ครั้งที่ 80 (UNGA80) ณ นครนิวยอร์ก เมื่อวันเสาร์ (27 ก.ย.68) สวนกลับถ้อยแถลงของปรัก สุคน รัฐมนตรีต่างประเทศกัมพูชา ที่ระบุว่า “เพื่อนบ้าน” คุกคาม และขับไล่พลเรือนออกจากชายแดน

ตามถ้อยแถลงของรัฐมนตรี สีหศักดิ์ โต้กลับคำกล่าวอ้างของรัฐมนตรีกัมพูชาว่า กัมพูชายังคงสร้างภาพให้ตนเป็นผู้ถูกกระทำ และกล่าวบิดเบือนความจริง ส่วนหมู่บ้านที่กัมพูชาอ้างถึง สีหศักดิ์ชี้แจงว่าพื้นที่นั้นตั้งอยู่ในเขตแดนของประเทศไทย และมีขึ้นเพราะไทยตัดสินใจด้วยเหตุผลทางมนุษยธรรมเปิดชายแดนให้ประชาชนกัมพูชาหลายแสนคนหลบหนีจากสงครามกลางเมืองในช่วงปลายทศวรรษ 1970 แม้สงครามกลางเมืองสิ้นสุด และที่พักพิงปิดตัวลง แต่หมู่บ้านของกัมพูชายังคงขยายขอบเขต ไทยได้พยายามประท้วงอย่างต่อเนื่องแต่ฝ่ายกัมพูชายังคงเพิกเฉย นอกจากนี้เมื่อสันติภาพกลับคืนสู่กัมพูชาภายหลังจากข้อตกลงสันติภาพปารีส ค.ศ.1991 ไทยยังได้ช่วยฟื้นฟูให้กัมพูชารักษาสันติภาพของตนได้ อาทิ สร้างบ้านเรือน ถนน และโรงพยาบาล 

“เพราะว่าสันติภาพของกัมพูชานั้นเป็นผลประโยชน์ของไทยด้วยเช่นกัน และนี่คือ สิ่งที่ประเทศเพื่อนบ้านควรทำเพื่อกันและกัน”

ถ้อยแถลงดังกล่าวได้รับการปรับเปลี่ยนจากร่างถ้อยแถลงเดิมภายในเวลาที่จำกัดมาก กรุงเทพธุรกิจ มีโอกาสติดตามรัฐมนตรีต่างประเทศ และคณะเข้าร่วมงานประชุมและได้เห็นการทำงานอย่างหนักของคณะในห้วงการประชุมระดับสูงของ UNGA80

ณ ช่วงเวลาที่รัฐมนตรี ปรัก กล่าวถ้อยแถลง คณะทำงานของรัฐมนตรีสีหศักดิ์อยู่ระหว่างการเข้าร่วมงานเลี้ยงอาหารกลางวันที่บ้านพักของเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก เจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศคนหนึ่งเผย “รัฐมนตรีพูดถึงประเด็นที่ต้องการชี้แจงทันทีหลังจากฟังการอภิปรายของกัมพูชา หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่คนอื่นๆ ก็ช่วยกันร่างถ้อยแถลงใหม่บนโต๊ะอาหาร” แหล่งข่าวเจ้าหน้าที่กล่าวถึงการร่างถ้อยแถลงใหม่เพื่อชี้แจง และโต้กลับคำกล่าวอ้างที่บิดเบือนของกัมพูชาบนโต๊ะอาหารในทันทีด้วยเวลาอันจำกัด เนื่องจากเหลือเวลาไม่กี่ชั่วโมงก่อนขึ้นอภิปราย และนั่นเป็นที่มาของการอภิปรายที่ได้รับการชื่นชมในโซเชียลมีเดียไทย

แก้ขัดแย้งต้องมองไปข้างหน้า

รมว.กต. ให้สัมภาษณ์หลังจากกล่าวอภิปรายใน UNGA80 ว่า การเข้าร่วมงานปีนี้มีความสำคัญมาก เพราะเป็นการแสดงท่าทีของไทยต่อประเด็นสำคัญของโลก และต่อบทบาทของสหประชาชาติ (ยูเอ็น) เมื่อเข้าสู่ปีที่ 80 ซึ่งไทยต้องการให้ยูเอ็น หรือระบบพหุภาคีนิยม (Multilateralism) มีความเข้มแข็งท่ามกลางโลกที่เผชิญกับความท้าทายที่เกิดจากสถานการณ์ความขัดแย้งต่าง ๆ รวมทั้งในกาซา หรือแม้กระทั่งในภูมิภาคอาเซียนอย่างความขัดแย้งในเมียนมา และชายแดนไทย-กัมพูชา 

"การมาประชุมในครั้งนี้ คือ การแสดงให้เห็นว่าการต่างประเทศของไทยกำลังขับเคลื่อนประเทศไทย และจะมีบทบาทที่สำคัญในเวทีโลก ถึงแม้รัฐบาลนี้อาจจะอยู่ 4 เดือน แต่ก็เป็น 4 เดือนที่เราจะใช้ให้มีความหมาย" สีหศักดิ์ กล่าว

สำหรับสถานการณ์ไทย-กัมพูชา รัฐมนตรีต่างประเทศเน้นย้ำว่าอยากให้มองไปข้างหน้า ให้เห็นแนวทางในการแก้ไขปัญหา สร้างความคืบหน้าเพื่อนำไปสู่การสร้างความปลอดภัย และนำความสงบมาสู่ชายแดน แต่ความคืบหน้านั้นต้องอาศัยความจริงใจต่อกัน และความมุ่งมั่นที่จะดำเนินการตามข้อตกลงให้เป็นรูปธรรม 

อย่างไรก็ตาม สีหศักดิ์ บอกว่าถ้อยแถลงของกัมพูชาใน UNGA80 เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึง เพราะแตกต่างไปจากที่ฝ่ายกัมพูชาพูดไว้ในการหารือ 4 ฝ่าย (สหรัฐ ไทย กัมพูชา มาเลเซีย) เมื่อวันศุกร์ (26 ก.ย.68) ว่าจะมองไปข้างหน้า เน้นพูดคุย และสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจ

"ผมต้องเขียนสปีชใหม่ สปีชที่เราอยากมองไปข้างหน้า เราอยากจะเน้นประเด็นที่สร้างสรรค์ ความมุ่งมั่นที่จะแก้ปัญหา แต่เรื่องอธิปไตย เราก็ต้องยืนหยัดปกป้อง ต้องพูดความในใจของเราว่าสิ่งที่ฝ่ายกัมพูชาทำตลอดคือการนำเสนอข้อมูลฝ่ายเดียว โดยเฉพาะเป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริง แล้วพยายามให้เห็นว่าฝ่ายกัมพูชานั้นเป็นฝ่ายถูกกระทำ" 

สีหศักดิ์ย้ำผู้ถูกกระทำคือ เหยื่อที่เป็นคนไทย ทหารไทยที่เหยียบกับระเบิด เด็กนักเรียนที่โรงเรียนถูกโจมตี และคนทั่วไปที่เสียชีวิต และบาดเจ็บจากการโจมตีของกัมพูชา

อนึ่งการประชุม 4 ฝ่ายเป็นความคิดริเริ่มของสหรัฐ เพื่อแสดงความพร้อมในการมีบทบาทช่วยเหลือ และนำสันติภาพกลับมาสู่ความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา รัฐมนตรีต่างประเทศยืนยันว่าไทยยินดีรับการมีส่วนร่วมของชาติมหาอำนาจไม่ว่าจะเป็นสหรัฐหรือจีน แต่ความขัดแย้งนี้เป็นเรื่องที่ไทย และกัมพูชาต้องพูดคุยกันในระดับทวิภาคีเป็นหลัก

สำหรับการดำเนินนโยบายต่อสถานการณ์ไทย-กัมพูชา สีหศักดิ์ กล่าวว่า เอกภาพในการดำเนินนโยบายเป็นเรื่องที่สำคัญ กระทรวงการต่างประเทศกับฝ่ายความมั่นคงหรือฝ่ายทหารต้องดำเนินการไปในทิศทางเดียวกัน หรือเรียกว่าการทูตและการทหารต้องไปทิศทางเดียวกัน หากการทูตเดินหน้าไม่ได้ ก็ต้องสนับสนุนฝ่ายทหาร หรือบางครั้งฝ่ายทหารก็อาจต้องสนับสนุนการทูต

"ผมเป็นนักการทูต ผมเชื่อในการพูดคุย แต่พูดคุยฝ่ายเดียวไม่เกิดประโยชน์ ต้องฝ่ายเขาด้วย ผมหวังว่าในอนาคตพื้นที่สำหรับการทูตจะเพิ่มมากขึ้น เราจะได้พูดคุยแก้ไขปัญหาด้วยการเจรจา หาผลประโยชน์ร่วมกัน แล้วเดินหน้าเพื่อผลประโยชน์ของทั้งสอง ประเทศ เพราะในที่สุดไทยกับกัมพูชาเราต้องอยู่ด้วยกัน เราต้องเอาผลประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง" สีหศักดิ์ ย้ำ

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์