Fitch ประเมินชัตดาวน์สหรัฐ ‘ไม่น่ากระทบ’ เรทติ้งในระยะสั้น ด้าน S&P มองกระทบศก.วงจำกัด

Fitch ประเมินชัตดาวน์สหรัฐ ‘ไม่น่ากระทบ’ เรทติ้งในระยะสั้น ด้าน S&P มองกระทบศก.วงจำกัด

การชัตดาวน์รัฐบาลสหรัฐล่าสุด แม้สร้างความวุ่นวายขึ้น แต่สองสถาบันจัดอันดับเครดิตอย่าง ‘Fitch’ และ ‘S&P’ ประเมินว่า ผลกระทบต่ออันดับความน่าเชื่อถือและเศรษฐกิจโดยรวมยังคง ‘จำกัด’

สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า จากกรณีรัฐบาลสหรัฐเข้าสู่ภาวะชัตดาวน์ “ฟิทช์  เรทติ้งส์” หน่วยงานจัดอันดับเครดิตระหว่างประเทศระบุว่า ภาวะปิดทำการของรัฐบาลสหรัฐที่กำลังดำเนินอยู่ในขณะนี้ “ไม่น่าส่งผลกระทบ” ต่ออันดับความน่าเชื่อถือของประเทศในระยะใกล้ พร้อมเสริมว่า ผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจจะขึ้นอยู่กับ “ขอบเขต” และ “ระยะเวลา” ของการปิดทำการดังกล่าว

“ฟิทช์ ยังคงประเมินพัฒนาการของกฎระเบียบของสหรัฐ หลักนิติธรรม และกลไกการตรวจสอบถ่วงดุลของสถาบันต่าง ๆ เป็นส่วนหนึ่งของการวิเคราะห์ความน่าเชื่อถือด้านเครดิตของรัฐบาล” สถาบันจัดอันดับกล่าว

นอกจากนี้ ฟิทช์คาดว่าการขาดดุลงบประมาณภาครัฐโดยรวมจะลดลงมาอยู่ที่ 6.8% ของจีดีพีในปี 2025 จากระดับ 7.7% ในปี 2024 ส่วนหนึ่งเป็นผลจากรายได้ภาษีศุลกากรที่พุ่งสูงขึ้น ซึ่งฟิทช์คาดว่าจะทะลุ 300,000 ล้านดอลลาร์

“แม้จะมีความไม่แน่นอนเพิ่มขึ้นเกี่ยวกับนโยบายของสหรัฐ และความเป็นไปได้ที่กลไกตรวจสอบถ่วงดุลของสถาบันจะถูกบั่นทอน แต่เราคาดว่า สถานะของเงินดอลลาร์ในฐานะสกุลเงินสำรองหลักของโลก ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่หนุนอันดับความน่าเชื่อถือของรัฐบาล จะยังคงอยู่ต่อไปในอนาคตอันใกล้” ฟิทช์กล่าวเพิ่มเติม

ด้านเอสแอนด์พี โกลบอล เรทติงส์ ซึ่งเป็นหน่วยงานจัดอันดับเครดิตเช่นกัน ระบุว่า การปิดทำการของรัฐบาล โดยทั่วไปแล้วมักส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวม “เพียงเล็กน้อย” และไม่ได้ถือว่าเป็นเหตุการณ์ถึงขั้นกระทบอันดับความน่าเชื่อถือของรัฐบาลสหรัฐ

อย่างไรก็ตาม เอสแอนด์พีเตือนว่า ผลกระทบทางอ้อมสามารถสะสมเพิ่มขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป เนื่องจากพนักงานรัฐที่ถูกพักงานจะลดการใช้จ่ายลง และความล่าช้าในการเผยแพร่ข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญจะเพิ่มความไม่แน่นอนให้กับธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) โดยมีการประเมินว่าการชัตดาวน์อาจทำให้การเติบโตของจีดีพีหดตัวลง 0.1%–0.2% ต่อทุกสัปดาห์ที่รัฐบาลปิดทำการ

“โดยทั่วไปแล้ว กิจกรรมทางเศรษฐกิจที่สูญเสียไป หากมีความหมายมากพอจริง ๆ ก็มักจะฟื้นกลับมาได้ในไตรมาสถัดไป” สก็อต เฮลฟ์สไตน์ หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนของ Global X กล่าว


อ้างอิง: reuters