‘ออนแทรีโอ-ซัสแคตเชวัน’ สองรัฐแคนาดาน่าลงทุน

‘แคนาดา’ ประเทศกว้างใหญ่ไพศาลในทวีปอเมริกาเหนือ กำลังให้ความสำคัญกับภูมิภาคอินโดแปซิฟิกมากขึ้นในทุกๆ มิติรวมถึงการค้าการลงทุน
KEY
POINTS
- รัฐออนแทรีโอและซัสแคตเชวันของแคนาดาเดินทางมาเชิญชวนนักลงทุนไทย โดยชูจุดเด่นด้านเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและโอกาสการลงทุนที่หลากหลาย
- รัฐออนแทรีโอมีจุดแข็งในภาคการผลิตขั้นสูง (ยานยนต์, เทคโนโลยี, AI) วิทยาศาสตร์เพื่อชีวิต และการแปรรูปอาหารเกษตร พร้อมตั้งสำนักงานในไทยเพื่อกระชับความสัมพันธ์
- รัฐซัสแคตเชวันโดดเด่นด้านความมั่นคงทางอาหาร พลังงาน และแร่ธาตุที่สำคัญ รวมถึงมีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีดักจับคาร์บอน (CCUS) ซึ่งเป็นที่สนใจของไทย
- ทั้งสองรัฐมีมาตรการจูงใจและหน่วยงานสนับสนุนการลงทุนโดยเฉพาะ เพื่ออำนวยความสะดวกให้นักลงทุนต่างชาติในด้านต่างๆ เช่น การขอใบอนุญาตและสิทธิประโยชน์ทางการเงิน
‘แคนาดา’ ประเทศกว้างใหญ่ไพศาลในทวีปอเมริกาเหนือ กำลังให้ความสำคัญกับภูมิภาคอินโดแปซิฟิกมากขึ้นในทุกๆ มิติรวมถึงการค้าการลงทุน
เห็นได้จากสองรัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจจากสองรัฐมาเยือนไทยพบปะกับนักธุรกิจเมื่อวันก่อนเพื่อหาลู่ทางเพิ่มความร่วมมือ พร้อมให้สัมภาษณ์พิเศษกับกรุงเทพธุรกิจ สะท้อนให้เห็นถึงโอกาสอันมากมายในประเทศนี้
วิค เฟเดลี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาเศรษฐกิจ การสร้างงาน และการค้า รัฐออนแทรีโอ ประเทศแคนาดา เผยว่า ออนแทรีโอกำลังวางตำแหน่งตัวเองอย่างแข็งขันในฐานะจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจและน่าเชื่อถือสำหรับการลงทุนระหว่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับบริษัทไทยที่กำลังมองหาฐานที่มั่นในอเมริกาเหนือ ออนแทรีโอมีเป้าหมายที่จะกระจายความสัมพันธ์ทางการค้าให้กว้างขึ้น นอกเหนือไปจากการพึ่งพาสหรัฐอเมริกาแบบเดิมๆ
- ทำไมต้องออนแทรีโอ
"เรามีสภาพแวดล้อมที่มั่นคง คาดเดาได้ และสร้างสรรค์ จึงเป็น 'แสงแห่งความหวัง'สำหรับนักลงทุนต่างชาติ โดยเฉพาะจากประเทศไทย ที่กำลังมองหาพันธมิตรที่เชื่อถือได้ท่ามกลางเศรษฐกิจโลกที่ผันผวน" เฟเดลีย้ำถึงเหตุผลที่ต้องมาลงทุนที่รัฐนี้ ในโลกที่เต็มไปด้วยความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์และซัพพลายเชนปั่นป่วน ออนแทรีโอถูกมองว่าเป็นพื้นที่ที่มั่นคงด้วยการยึดมั่นในหลักนิติธรรมและสังคมประชาธิปไตยอย่างเข้มแข็ง
- ตัวชี้วัดเศรษฐกิจเข้มแข็ง
ออนเทรีโอเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่อันดับสองและคลัสเตอร์เทคโนโลยีรายใหญ่อันดับสองในอเมริกาเหนือ เป็นผู้นำโลกด้านการพัฒนาเอไอ มีบริษัทเอไอถึง 400 แห่ง นอกจากนี้ยังเป็นรัฐที่ใช้พลังงานสะอาดถึง 94% ดึงดูดบริษัทที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม
"ที่นี่ยังเป็นแหล่งรวมคนเก่ง แต่ละปีออนแทรีโอผลิตบัณฑิต STEM (วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรม คณิตศาสตร์) 86,000 คน จึงมั่นใจได้ว่ามีแรงงานฝีมืออย่างต่อเนื่อง"
เศรษฐกิจหลากหลายของออนแทรีโอมีทั้งภาคการผลิตยานยนต์เครื่องบิน รถไฟ, การแปรรูปอาหาร, อิเล็กทรอนิกส์ และเทคโนโลยีก้าวหน้า
“เราผลิตทั้งชิปคอมพิวเตอร์และโปเตโตชิปครับ” รัฐมนตรีกล่าวติดตลก
- ลงทุนอะไรในออนแทรีโอ
เมื่อสอบถามถึงภาคส่วนที่ออนแทรีโอเปิดรับการลงทุนต่างชาติมากที่สุดโดยเฉพาะจากประเทศไทย รัฐมนตรีเล่าว่า เฉพาะปีที่แล้วปีเดียว รัฐออนแทรีโอมีบริษัทจากทั่วโลกเข้ามาถึง 409 บริษัท ลงทุนกว่า 4 หมื่นล้านดอลลาร์จ้างงาน 24,711 คน โดยส่วนใหญ่เป็นบริษัทด้านการผลิตขั้นสูง วิทยาศาสตร์เพื่อชีวิต และเทคโนโลยี นี่จึงเป็นสามเซกเตอร์ที่สนใจอยากทำธุรกิจกับไทยมากที่สุด รวมถึงเซกเตอร์แปรรูปอาหาร-เกษตรที่ออนแทรีโอเชี่ยวชาญ
“ส่วนไทยแน่นอนว่าเป็นซัพพลายเออร์สำคัญไม่เพียงแค่วัตดุดิบ อาหารสด แต่ยังรวมถึงการจัดหาอุปกรณ์แปรรูปอาหารเกษตรให้ด้วย การที่เราเหมือนกันมากนี้ก็สามารถลงทุนซึ่งกันและกันได้” รัฐมนตรีกล่าวและว่าออนแทรีโอปลูกถั่วเหลือง ข้าวสาลี จึงมีบริษัทอย่างผู้ผลิตขนมปังจากอิตาลีมาเปิดโรงงานผลิตขนมปังปลอดกลูเตนมูลค่าหลายร้อยล้านดอลลาร์ มีวัตถุดิบที่ทำให้ Ferraro Rocher ต้องมาเปิดโรงงานมูลค่า 485 ล้านดอลลาร์ บริษัทฮิลตันฟูดส์ของสหราชอาณาจักรก็มาเปิดโรงงานแปรรูปสัตว์ปีกส่งขายวอลมาร์ท เหล่านี้คือตัวอย่างของโอกาสการลงทุนระหว่างออนแทรีโอและไทย
“ในเมื่อออนแทรีโอผลิตสินค้าทุกอย่างหลากหลายตั้งแต่เทคโนโลยีไปจนถึงอาหาร ย่อมต้องมองหาโอกาสใหม่ๆ ในการส่งออกเช่นเดียวกับมองหาสินค้าใหม่ๆ เพื่อนำเข้า โดยเฉพาะสินค้าเทคโนโลยีทันสมัย ซึ่งไทยเป็นผู้เล่นที่สำคัญมาก”
- แรงจูงใจการลงทุน
ออนแทรีโอมีหน่วยงานที่ชื่อว่า Invest Ontario คอยดูแลเรื่องกระบวนการตรวจสอบและวิเคราะห์ข้อมูล ช่วยตัดสินใจลงทุน มีแรงจูงใจทางการเงินสำหรับบริษัทที่ต้องการเข้ามาตั้งกิจการที่นี่ มีบริการช่วยเหลือหาทำเลที่ตั้ง ซื้อที่ดิน ขอใบอนุญาต จัดโซนนิง เพื่อย่นกระบวนการให้สั้นลง
- ข้อมูลเชิงลึกจากการเยือนไทย
การเยือนไทยครั้งนี้เฟเดลียอมรับว่ามีช่องว่างด้านการรับรู้ กล่าวคือ ธุรกิจไทยต่างประหลาดใจกับความเป็นผู้นำของออนแทรีโอในด้านยานยนต์และเทคโนโลยี เช่น เป็นผู้ผลิตรถยนต์อันดับ 2 เป็นคลัสเตอร์เทคโนโลยีอันดับ 2 และเป็นศูนย์กลางเอไอ ประหลาดใจในปริมาณการลงทุนจากต่างประเทศที่ดึงดูดเข้ามา
"สิ่งนี้เน้นย้ำถึงความจำเป็นในการสร้างความเข้าใจร่วมกันให้มากขึ้น ออนแทรีโอตั้งเป้าที่จะเลิกพึ่งพาสหรัฐอย่างหนัก จากที่เคยค้าขายกันถึง80% แต่ปัจจุบันสหรัฐกลับมีความน่าเชื่อถือน้อยลง เราจึงหันมาสร้างสายสัมพันธ์กับภูมิภาคอื่นๆ เช่น อาเซียน ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น"
- ความมุ่งมั่นต่อไทยและอาเซียน
ออนแทรีโอกำลังเปิดสำนักงานตัวแทนแห่งแรกในประเทศไทย เป็นการส่งสัญญาณว่าต้องการกระชับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจอย่างมาก ซึ่งการมีสำนักงานใหม่ในไทยและมีเจ้าหน้าที่เศรษฐกิจอาวุโสประจำภูมิภาคอาเซียนในสิงคโปร์เท่ากับว่าตอนนี้ออนแทรีโอมีสำนักงานในภูมิภาคนี้สองแห่ง สะท้อนถึงการเร่งปฏิสัมพันธ์กันอย่างรวดเร็ว
ภูมิภาคอาเซียนมีโอกาสเติบโตสูงมาก ออนแทรีโอค้าขายกับส่วนต่างๆ ของโลกมูลค่า 1.25 แสนล้านดอลลาร์ ในจำนวนนี้เป็นการค้าขายกับอาเซียน 7.5 หมื่นล้านดอลลาร์ ทำให้อาเซียนเป็นพื้นที่สำคัญสำหรับการเติบโตและการสร้างความหลากหลาย
- ตัวอย่างความสำเร็จในไทย
รัฐมนตรีได้ยกตัวอย่างพันธมิตรที่ประสบความสำเร็จ เช่น เบย์เครส (Baycrest) องค์กรผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลผู้สูงวัยที่มีประสบการณ์กว่า 100 ปี และได้รับการยอมรับในระดับโลก ได้เป็นพันธมิตรกับโครงการ The Aspen Tree The Forestias เบย์เครสเป็นบริษัทที่มาจากออนแทรีโอ ทีมงานท้องถิ่นได้รับการอบรมจากที่นั่น
บริษัท ซิเลซติกา (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัทแมกนาก็เป็นตัวอย่างบริษัทจากออนแทรีโอที่ดำเนินการประสบผลสำเร็จในประเทศไทย สะท้อนถึงโอกาสที่จะมีร่วมกันมากขึ้น
“ออนแทรีโอถือว่าประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียนโดยรวมเป็นหุ้นส่วนสำคัญสำหรับการเติบโตทางเศรษฐกิจในอนาคต โดยมีสภาพแวดล้อมที่มั่นคงและภาคส่วนต่างๆ มีศักยภาพสูงมาก อานิสงส์จากโครงการลงทุนเฉพาะทาง” รัฐมนตรีกล่าวทิ้งท้าย
- ‘ซัสแคตเชวัน’ เปิดกว้างรับธุรกิจใหม่
ซัสแคตเชวันเป็นแหล่งผลิตข้าวสาลี คาโนลา ถั่วลันเตา และถั่วเลนทิลที่ปลูกอย่างยั่งยืนที่สุดในโลก ซึ่งมีความสำคัญต่อการรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพและการแก้ไขปัญหาความมั่นคงทางอาหาร
2) ความมั่นคงทางพลังงานและแร่ธาตุสำคัญ ซัสแคตเชวันมีแหล่งทรัพยากรแร่ธาตุสำคัญมากมายพร้อมสำหรับการสกัดและแปรรูปขั้นกลาง ปัจจุบันต่างชาติเข้ามาลงทุนเกี่ยวกับยูเรเนียม โพแทช และฮีเลียมหลายโครงการ
3) การวิจัยและพัฒนา (R&D) และนวัตกรรม ซัสแคตเชวันมีระบบนิเวศการวิจัยที่เข้มแข็งรวมถึงความเชี่ยวชาญระดับโลกด้านเทคโนโลยีการดักจับ การใช้ประโยชน์ และการกักเก็บคาร์บอน (CCUS) สิ่งนี้เปิดโอกาสให้เกิดความร่วมมือ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับประเทศต่างๆที่มุ่งเน้นการดักจับคาร์บอนเช่น ประเทศไทย
“ความร่วมมือด้านการวิจัยและพัฒนาถือเป็นจุดเริ่มต้นที่สามารถพัฒนาไปสู่การลงทุนด้านเทคโนโลยีและอาหารต่อไป”
4) วิทยาศาสตร์เพื่อชีวิต (การมีอายุยืนยาวและสุขภาพดี) ภาคส่วนนี้เชื่อมโยงกับอาหารเพื่อสุขภาพที่ผลิตอย่างยั่งยืน ซัสแคตเชวันเป็นที่ตั้งขององค์การวัคซีนและโรคติดเชื้อ (VIDO) ซึ่งเป็นสถาบันชั้นนำระดับโลกด้านการวิจัยสุขภาพปศุสัตว์ (เช่น วัคซีนไข้หวัดสุกรแอฟริกัน) ขณะนี้ VIDO กำลังขยายขอบเขตการวิจัยไปสู่สุขภาพของมนุษย์ (เช่น โรคในประเทศกำลังพัฒนา และโควิด-19)
- เทรนด์การลงทุนจากอาเซียน
รัฐมนตรีเคดดิงเล่าว่า แม้ยังไม่มีนักลงทุนชาวไทยเข้าไปยังซัสแคตเชวันโดยตรง แต่ก็มีการเยี่ยมชมเพื่อสำรวจหาลู่ทางโดยเฉพาะในภาคเกษตรและอาหาร
“ผมทราบมาว่าตอนนี้ประเทศไทยให้ความสำคัญกับการดักจับและใช้ประโยชน์จากคาร์บอน ซึ่งเราสามารถให้การวิจัยและพัฒนาชั้นนำระดับโลกในภาคส่วนนี้ได้ เรามีโรงงานดักจับ ใช้ประโยชน์ และจัดเก็บคาร์บอนที่ใหญ่ที่สุด” รัฐมนตรีกล่าวและว่านักธุรกิจจากภูมิภาคอาเซียนกำลังให้ความสนใจรัฐนี้อย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านแร่ธาตุสำคัญ โดยสิงคโปร์และอินโดนีเซียเป็นนักลงทุนรายใหญ่จากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในปัจจุบัน
“ยิ่งมีข้อตกลงทางเศรษฐกิจฉบับครอบคลุมระหว่างแคนาดากับอินโดนีเซียเมื่อเร็วๆ นี้ ถือเป็นก้าวสำคัญในการเปิดการค้าในภูมิภาค”
- จุดแข็ง'ซัสแคตเชวัน'
แต่ละรัฐของแคนาดาถนัดในภาคส่วนเฉพาะทาง เช่น ยานยนต์และพลังงานนิวเคลียร์ของออนแทรีโอ, ควิเบกถนัดเรื่องการป้องกันประเทศ บริติชโคลัมเบียโดดเด่นเรื่องการทำไม้
จุดแข็งของซัสแคตเชวันอยู่ที่ความมั่นคงด้านอาหารและพลังงาน แร่ธาตุที่สำคัญ และระบบนิเวศการวิจัยอันแข็งแกร่ง ทั้งยังมีการส่งออกสินค้าอีกมากมายหลายชนิด
ที่มองข้ามไม่ได้สำหรับนักลงทุนคือ รัฐซัสแคตเชวันมี “มาตรการจูงใจที่สำคัญ” ครอบคลุมทุกภาคส่วน เช่น เครดิตภาษีสำหรับโครงการลงทุนขนาดใหญ่ โครงการจูงใจให้แรงงานเข้ารับการฝึกอบรม และการขยายกิจการที่มีอยู่แล้ว โดยกระทรวงการค้าและการพัฒนาการส่งออกให้บริการช่วยเหลือแก่บริษัทใหม่ในการยื่นขอใบอนุญาต การตรวจสอบด้านสิ่งแวดล้อม การยื่นขอสาธารณูปโภค (แก๊ส ไฟฟ้า)
“ผมบอกได้เลยว่าเราเป็นเขตที่ทำธุรกิจได้ง่าย เพราะเราเปิดกว้างสนับสนุนธุรกิจใหม่ๆ” อีกทั้งในแคนาดายังมีประชากรพื้นเมืองจำนวนมากที่ต้องทำงานร่วมกับพวกเขา ซึ่งต้องทำให้มั่นใจได้ว่าผลประโยชน์จากการลงทุนตกไปถึงประชากรพื้นเมืองด้วย รัฐมนตรีเผยมุมมองการลงทุนแบบไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง







