อังกฤษจัดใหญ่ เอาใจทรัมป์ แลก 150,000 ล้านปอนด์ | กันต์ เอี่ยมอินทรา

กษัตริย์อังกฤษจัดพิธีต้อนรับการเยือนอย่างเป็นทางการของประธานาธิบดีสหรัฐ อย่างยิ่งใหญ่

และต้องบันทึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์ว่าถือเป็นการเยือนอย่างเป็นทางการของประธานาธิบดีสหรัฐครั้งที่ 2 ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน พิธีต้อนรับที่จัดอย่างยิ่งใหญ่ตระการตา การสวนสนาม รถม้า ดินเนอร์หรูในวังวินเซอร์ ทั้งหมดทั้งมวลจัดขึ้นเพื่อเอาใจประธานาธิบดีสหรัฐ และก็ต้องพูดว่าถูกใจทรัมป์อย่างยิ่ง

มีประมาณการว่าการเยือนอย่างเป็นทางการรอบก่อนของทรัมป์มีค่าใช้จ่ายราวๆ 4 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 172 ล้านบาท คิดเป็นค่าพิธีการ ค่าที่พัก ค่าแสงสีเสียง 427,000 ปอนด์ และค่ารักษาความปลอดภัยที่สูงถึง 3.4 ล้านปอนด์ แม้ตัวเลขการเยือนรอบนี้จะยังไม่ออกมา แต่สื่อในอังกฤษก็ประโคมถึงความคุ้มค่าในทุกเพนนีที่ลงทุนไป

แล้วทำไมสื่ออังกฤษถึงเชียร์บอกว่าการเยือนครั้งนี้แสนจะคุ้มค่า? ทั้งที่ลึกๆ แล้วคนอังกฤษหลายคนก็ออกจะไม่ชอบทรัมป์เสียด้วยซ้ำ? ทั้งลักษณะบุคลิกนิสัยส่วนตัวที่ตรงกันข้ามกับจริตผู้ดีอังกฤษ ทั้งความโผงผางจนบางคนมองว่าไร้กาลเทศะ ตลอดจนแนวนโยบายต่อการเมืองในยุโรป สิ่งแวดล้อมที่ค่อนข้างขัดกับความเชื่อของคนอังกฤษ

คำตอบคือ เงิน! ทรัมป์สัญญาจะอุดหนุนเม็ดเงินจำนวนมาก คือ 150,000 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 6.46 ล้านล้านบาท ในดีลธุรกิจเกี่ยวกับเทคโนโลยี “Tech Prosperity Deal” ซึ่งเป็นดีลให้คำมั่นสัญญาในการลงทุนของบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่สัญชาติสหรัฐในอังกฤษ​ เช่น กูเกิล ไมโครซอฟต์ ที่ประมาณการว่าจะจ้างงาน 7,600 อัตรา

ดีลธุรกิจเทคโนโลยีนี้ จะมุ่งเน้นไปที่เอไอ ควอนตัมคอมพิวเตอร์ และพลังงานนิวเคลียร์ ซึ่งในภายใน 4 ปี ไมโครซอฟต์วางแผนจะลงทุนประมาณ 22,000 ล้านปอนด์ ขณะที่กูเกิ้ลจะลงทุนเพื่อขยายศูนย์ข้อมูลที่มีอยู่แล้วในอังกฤษที่เฮิร์ตฟอร์ดเชียอีก 5,000 ล้านปอนด์ภายใน 2 ปีที่จะถึงนี้

ขณะที่อุตสาหกรรมอื่นๆ ที่มีชื่อเสียงของอังกฤษ อาทิ บริษัทเหล็ก บริษัทยา ก็ใช้โอกาสนี้ในการสร้างแต้มต่อเจรจาธุรกิจ และนี่คือเหตุผลว่าทำไมในคืนงานเลี้ยงอาหารค่ำที่วังวินเซอร์ ถึงได้เห็นหน้าตาซีอีโอบริษัทยักษ์ใหญ่ของทั้งสหรัฐและอังกฤษนั่งร่วมโต๊ะเสวยที่มีคิงชาร์ลและทรัมป์เป็นประธานกลางท้องพระโรงที่เก่าแก่และงดงาม

ขณะนี้เศรษฐกิจอังกฤษไม่สู้จะดีนัก และปัญหาอาชญากรรมการลักเล็กขโมยน้อยก็สูงขึ้นอย่างเป็นประวัติการณ์ ประชาชนส่วนหนึ่งเชื่อว่ามาจากจำนวนผู้อพยพที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างน่าตกใจ ทั้งที่เข้ามาโดยถูกและผิดกฏหมาย เกิดการประท้วงทุกทั่วหัวระแหง ค่าครองชีพก็สูงขึ้น จำนวนคนว่างงานก็สูงถึง 1.67 ล้านคน โดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่นที่อัตราการว่างงานสูงถึง 13.8%

ไม่นับรวมผลกระทบจากกำแพงภาษีที่ถึงอังกฤษจะโดนน้อยที่สุด แต่ก็ยังโดน และที่กระทบหนักสุดคืออุตสาหกรรมเหล็ก และยา ที่บริษัทอเมริกันก็จำเป็นต้องปรับย้ายแผนการลงทุนในอังกฤษ กลับสู่บ้านเกิดเพื่อลดความเสี่ยง

และนี่คือเหตุผลว่าทำไมการเยือนครั้งนี้จึงคุ้มแสนคุ้ม คุ้มทุกปอนด์ทุกเพนนี