จนกว่ากัมพูชาจะสิ้นสภาพภัยคุกคาม | มองมุมยุทธศาสตร์

จนกว่ากัมพูชาจะสิ้นสภาพภัยคุกคาม | มองมุมยุทธศาสตร์

คำประกาศที่ห้าวหาญตามมาด้วยการดำเนินการอย่างจริงจังของฝ่ายไทยแม้จะเป็นไปได้ยาก แต่ด้วยความมุ่งมั่นในปัจจุบันที่ถูกผนึกไว้แล้วด้วยมติมหาชน ทำให้แนวทางนี้กำลังดำเนินต่อไป

ท่ามกลางบรรยากาศของความไม่เป็นมิตรระหว่างสองชนชาติ หรือนี่จะทำให้ไทยกับกัมพูชาตัดขาดกันตลอดกาล หรืออย่างน้อยก็อีกชั่วรุ่นเจเนอเรชัน 

การเยียวยาหรือฟื้นฟูความสัมพันธ์ในอนาคตน่าจะไม่ใช่พูดกันเป็นปี แต่เป็นสิบปีหรือหลายสิบปี เหมือนกับจีนกับญี่ปุ่นหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ซึ่งไม่ว่าจะทำเช่นไรก็แล้วแต่ ไม่มีหลักประกันอันใดว่าความสัมพันธ์จะกลับมาเหมือนเมื่อก่อน พ.ค.2568 อีกต่อไป กระนั้นก็ตาม ไทยก็ควรดำรงเส้นทางนี้ไว้จนกว่าระบอบฮุนเซนจะล่มสลาย เพราะเป็นแนวทางที่ได้มากกว่าเสีย

การประกาศของผู้บัญชาการทหารเหล่าทัพ ที่แสดงถึงความมีอิทธิพลเหนือทุกฝ่ายในด้านความมั่นคงข้างต้นนั้น นับเป็นเรื่องสำคัญมาก นับเป็นครั้งแรกตั้งแต่สิ้นยุคสงครามคอมมิวนิสต์เลยทีเดียวที่ไทยไม่เคยระบุว่าชาติใดเป็นศัตรูถึงขนาดนี้  

ในยุคโน้นก่อนที่สงครามเย็นจะยุติ ไทยเรายึดขั้วโลกเสรีเป็นศัตรูกับอินโดจีนและคอมมิวนิสต์ใหญ่ผู้หนุนหลังทุกประเทศอย่างไม่หวาดหวั่น เพราะมีความจำเป็น หากทำเป็นยึกยักหรือเป็นกลางก็จะมีโอกาสสิ้นชาติกันง่าย ๆ 

เราต้องรบกับชาติอินโดจีนทั้งเปิดเผยและสงครามมืด สูญเสียชีวิตคนไปมากมายก่อนที่ประเทศเหล่านั้นจะพ่ายแพ้ตนเอง และต้องหลอมรวมเข้าสู่อ้อมอกอาเซียนเมื่อไม่เกิน 30 ปีมานี่เอง แต่กระนั้นเชื้อร้ายของความเป็นอำนาจนิยมก็ยังคงอยู่ในบางพื้นที่ จนนำไปสู่การปะทะที่ทำให้มีคนตายในที่สุด

ความสูญเสียของคนไทยในห้วงปะทะกันนำไปสู่การพลิกพรมขึ้นมาตลบ อะไรที่เคยหยวนให้กัมพูชาก็จะไม่ยอมอีกแล้ว ทหารไทยจึงต้องยึดภูมะเขือ ตลอดจนพยายามขับไล่บ้านเรือนพลเรือนที่รุกล้ำดินแดนไทย กระแสสังคมกดดันจนพวกที่คิดจะดีกับเขมรต้องเงียบเสียง

 

แรงงานขะแมร์ที่ออกไปแล้วก็ปิดโอกาสไม่ให้เข้ามา ถนนหนทางที่มุ่งสู่ปอยเปตถูกสกัดกั้น ไม่รับคนเขมรนอกประเทศผ่านด่านบกมาเข้าโรงพยาบาลและโรงเรียนไทย และที่แรงที่สุดคือปิดทุกด่านถาวร และหากไม่เชื่อก็จงดูความพยายามสร้างรั้วกั้นดินแดนเสียด้วย

การกระทำที่กล่าวมานี้อยู่บนพื้นฐานความคิดที่ว่า กัมพูชามีสภาพเป็นภัยคุกคามต่อเรา เราจึงต้องป้องกันไว้นับตั้งแต่หน้าแนวลงมา การเป็นภัยคุกคามได้นั้นประกอบได้ด้วย 2 ประการสำคัญคือ มีขีดความสามารถและมีเจตจำนง  

หากขาดข้อใดข้อหนึ่งก็ไม่ถือเป็นภัยคุกคาม กัมพูชามีทั้งสองข้ออย่างเต็มเปี่ยม อาวุธยุทโธปกรณ์และฝีไม้ลายมือของกำลังพลอาจด้อยกว่าไทยในวันนี้ แต่เขมรก็มุ่งมั่นจัดหาเพิ่มเติมจนพัฒนาทั้งคนและอาวุธได้ในระดับหนึ่ง เชื่อว่าในอนาคตเขมรจะจัดหาอาวุธที่อาจชนะสงครามอสมมาตรได้ อย่างเช่น โดรน ทุ่นระเบิดและสไนเปอร์มากขึ้น 

ขณะที่ต้องร้องขอยุทโธปกรณ์ทันสมัย อย่างเครื่องบิน ขีปนาวุธและเรือดำน้ำ จากชาติพันธมิตรของเขามามากขึ้นเหมือนที่เคยได้รถถังทดแทนที่เคยสูญเสียไปเมื่อปี 2554 สำหรับเจตจำนงแล้วยิ่งชัดกว่าชัด ตั้งแต่ระดับแบบเรียนที่มุ่งให้ไทยเป็นศัตรู

จนถึงโปรปะกันดาในวันนี้ที่เกลียดไทยอย่างเข้าไส้ ยิ่งพ่ายแพ้แต่ละครั้งยิ่งทำให้เขาเจ็บใจ อยากล้างตาหากเป็นไปได้ นั่นคือ อันตรายจนนำไปสู่การป้องกันตัวสูงสุดของฝ่ายไทย

แม้ว่าธุรกิจไทยไม่น้อยที่ทำรายได้ดีในกัมพูชา เพราะจะมากจะน้อยเขมรก็ต้องพึ่งพิงสินค้าอุปโภคบริโภคจากไทยที่ค่าใช้จ่ายถูกกว่าและคุณภาพดีกว่าเพื่อนบ้าน กำไรเป็นกอบเป็นกำนี้บดบังความรู้สึกรักชาติของพ่อค้านักธุรกิจไทยบางกลุ่ม

พวกเขาจึงตอบโต้การปิดด่านสินค้าเข้าออกและจำกัดโอกาสการลงทุนในกัมพูชา ซึ่งก็เป็นสิ่งที่สมเหตุสมผลกับเงินในกระเป๋าของพวกเขาและรายได้ของชาวบ้านที่รับต่อมาจากพวกเขาอีกที 

กระนั้นก็ตาม การปิดด่านก็มีผลดีมากกว่าเสียในแง่ของหลักประกันความปลอดภัย  ลดโอกาสเขมรมาบ่อนทำลาย ก่อเหตุหรือยึดพื้นที่ในไทย ตัดการส่งกำลังบำรุงทหารเขมร ไปจนถึงกระตุ้นให้ความเดือดร้อนของคนเขมรกลายเป็นหอกทิ่มแทงไปสู่ผู้นำกัมพูชาเอง นั่นคือ เป้าหมายสูงสุดของการทำให้กัมพูชาสิ้นสภาพภัยคุกคาม

หนทางนั้นมีทางเดียวก็คือ ระบอบฮุนเซนต้องถูกโค่นล้ม  หากยังคบค้ากับสองพ่อลูกและเครือญาติตระกูลฮุนที่สยายปีกครอบงำทั้งประเทศด้อยพัฒนาประเทศนี้อยู่  ก็ไม่พ้นว่าสักวันหนึ่งอาจถูกหักหลัง ลากปืนใหญ่เข้ามายิงชาวบ้าน  นำทหาร ชาวบ้านและพระปลอมเข้ามายึดพื้นที่  ตลอดจนกลั่นแกล้งไทยโดยไม่เลือกฝีมืออีก

ไทยไม่ควรต้องอยู่กับงูพิษอย่างหวาดระแวง ในเมื่อไม่สามารถขจัดอสรพิษให้สิ้นซากไปได้ เนื่องด้วยติดขัดกฎหมายระหว่างประเทศนานา เราก็ต้องปิดตัวเองอย่าไปยุ่งเกี่ยวกับมัน 

เลิกโลภว่าไทยต้องขาดทุนผลประโยชน์จำนวนมหาศาลจากการเลิกคบกับกัมพูชาภายใต้ระบอบฮุนเซน แต่จงคิดใหม่เป็นอีกมุมหนึ่งว่า คนไทยและธุรกิจไทยควรเอาสมองไปค้าขายกับตลาดใหม่ ๆ หรือค้ากับคนไทยตอนในของประเทศ ดีกว่าอยู่บนความเสี่ยงกับธุรกิจข้ามพรมแดนฝั่งตะวันออกอย่างทุกวันนี้ เอาไว้ให้เขมรผลัดแผ่นดินเสียก่อนแล้วค่อยรื้อฟื้นความสัมพันธ์ มันจะยั่งยืนกว่า