หน่วยสิ่งแวดล้อมสหรัฐ ‘ถูกพักงาน 89%’ สองพรรคใหญ่โยนความผิดใส่กันเดือด

หน่วยสิ่งแวดล้อมสหรัฐ ‘ถูกพักงาน 89%’ สองพรรคใหญ่โยนความผิดใส่กันเดือด

สหรัฐเผชิญวิกฤติ ‘ชัตดาวน์’ อีกครั้ง ทั้งสองพรรคใหญ่ต่างโทษกันไปมา ส่งผลให้พนักงานรัฐหลายแสนคนถูกพักงาน โดยไม่ได้ค่าจ้าง และหน่วยงานรัฐสำคัญตั้งแต่สิ่งแวดล้อม การศึกษา ไปจนถึงพาณิชย์หยุดชะงักไป

หลังจากรัฐบาลสหรัฐเข้าสู่ “ภาวะชัตดาวน์” แล้ว ข้าราชการและพนักงานรัฐหลายแสนคนถูกสั่งพักงาน ส่งผลให้โครงการและบริการสาธารณะสำคัญจำนวนมากต้องหยุดชะงัก

สำหรับหน่วยงานรัฐที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุด ได้แก่

  • สำนักงานปกป้องสิ่งแวดล้อม (ถูกพักงาน 89%)
  • กระทรวงศึกษาธิการ (ถูกพักงาน 87%)
  • กระทรวงพาณิชย์ (ถูกพักงาน 81%)
  • กระทรวงแรงงาน (ถูกพักงาน 76%)
  • กระทรวงการเคหะและการพัฒนาเมือง (ถูกพักงาน 71%)
  • กระทรวงการต่างประเทศ (ถูกพักงาน 62%)
  • กระทรวงมหาดไทย (ถูกพักงาน 53%)
  • กระทรวงเกษตร (ถูกพักงาน 49%)
  • กระทรวงกลาโหม (ถูกพักงาน 45%) 
  • กระทรวงสาธารณสุข (ถูกพักงาน 41%)
  • กระทรวงคมนาคม (ถูกพักงาน 23%)  

ส่วนหน่วยงานที่ได้รับผลกระทบน้อยที่สุด ได้แก่

  • กระทรวงกิจการทหารผ่านศึก (ถูกพักงาน 3%)
  • กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ (ถูกพักงาน 5%)
  • กระทรวงยุติธรรม/FBI (ถูกพักงาน 11%)

หน่วยสิ่งแวดล้อมสหรัฐ ‘ถูกพักงาน 89%’ สองพรรคใหญ่โยนความผิดใส่กันเดือด

- สัดส่วนพนักงานรัฐที่ถูกพักงานในแต่ละหน่วยงาน (กราฟิก: วิชัย นาคสุวรรณ) -

ทั้งพรรครีพับลิกันและพรรคเดโมแครตต่างขว้างข้อกล่าวหากันไปมาว่า อีกฝ่ายเป็นต้นเหตุของการชัตดาวน์รัฐบาล โดยเริ่มจาก “หน้าเว็บทำเนียบขาว” ที่ขึ้นข้อความหลังเที่ยงคืนว่า

“พรรคเดโมแครตทำให้รัฐบาลชัตดาวน์” พร้อมนาฬิกานับถอยหลังแสดงระยะเวลาตั้งแต่การชัตดาวน์เริ่มต้น

“เราสามารถทำบางอย่างระหว่างช่วงชัตดาวน์ที่ไม่อาจย้อนกลับได้ ซึ่งจะเป็นผลร้ายต่อ [พรรคเดโมแครต]” ทรัมป์กล่าวที่ทำเนียบขาวเมื่อวันอังคาร “อย่างการตัดคนจำนวนมหาศาลออกไป การตัดสิ่งที่พวกเขาชอบ การตัดโครงการที่พวกเขาชอบ”

ทรัมป์ระบุว่า นั่นอาจรวมถึงการตัด “คนจำนวนมาก” ออกจากสวัสดิการของรัฐบาล ก่อนที่เขาจะรีบเสริมว่า “เราไม่อยากทำอย่างนั้น แต่เราไม่ต้องการการทุจริต ความสิ้นเปลือง และการใช้งานในทางที่ผิด”

ด้านเกวิน นิวซัม ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนียจากพรรคเดโมแครต และเป็นตัวเต็งพรรคชิงประธานาธิบดีสหรัฐสมัยหน้า โพสต์บน X (Twitter) ว่า “โดนัลด์ ทรัมป์เพิ่งปิดรัฐบาล” ตอกย้ำให้เห็นว่า ทั้งสองพรรคต่างโยนความผิดใส่กันต่อวิกฤติชัตดาวน์นี้

ขณะที่คามาลา แฮร์ริส อดีตรองประธานาธิบดี โพสต์บน X ว่า “ประธานาธิบดีทรัมป์และสมาชิกพรรครีพับลิกันในสภาคองเกรสเพิ่งปิดรัฐบาล เพราะพวกเขาปฏิเสธที่จะหยุดไม่ให้ค่ารักษาพยาบาลของคุณพุ่งสูงขึ้น ขอบอกอย่างชัดเจนว่า ตอนนี้รีพับลิกันคุมทั้งทำเนียบขาว สภาผู้แทนฯ และวุฒิสภา การชัตดาวน์ครั้งนี้เป็นฝีมือของพวกเขาเอง”

ส่วนไมก์ จอห์นสัน ประธานสภาผู้แทนราษฎร โพสต์บน X ว่า “เดโมแครตโหวตอย่างเป็นทางการเพื่อ ‘ปิดรัฐบาล’ แล้ว”

จอห์นสันเสริมว่า “ผลลัพธ์คือ: คุณแม่และเด็กจะสูญเสียโครงการโภชนาการ WIC ทหารผ่านศึกสูญเสียบริการด้านสุขภาพและการป้องกันการฆ่าตัวตาย  FEMA (Federal Emergency Management Agency) ขาดงบประมาณในช่วงฤดูพายุเฮอริเคน ทหารและเจ้าหน้าที่ TSA (Transportation Security Administration) จะไม่ได้รับค่าจ้าง 

คำถามเดียวตอนนี้คือ ชัค ชูเมอร์ (ผู้นำเดโมแครตในวุฒิสภา) จะปล่อยให้ความเจ็บปวดนี้ดำเนินต่อไปอีกนานแค่ไหน เพียงเพราะเหตุผลส่วนตัวของเขาเอง?”

พรรครีพับลิกันในสภาผู้แทนฯ ก็โพสต์บน X ในทำนองเดียวกันว่า “เดโมแครตได้ปิดรัฐบาลกลางอย่างเป็นทางการแล้ว พวกเขาให้ความสำคัญกับผู้อพยพผิดกฎหมายเป็นอันดับแรก และทำร้ายชาวอเมริกันที่ทำงานหนักในเวลาเดียวกัน”

ฝั่งเคียร์สเตน กิลลิแบรนด์ วุฒิสมาชิกจากนิวยอร์กของเดโมแครต แถลงตอบโต้ว่า “ฉันเรียกร้องให้เพื่อนร่วมงานพรรครีพับลิกันกลับมาที่โต๊ะเจรจา และให้ความสำคัญกับครอบครัวชาวอเมริกันเหนือกว่าพวกมหาเศรษฐี”

จัสมิน คร็อกเก็ต สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากรัฐเทกซัส กล่าวในทำนองเดียวกันว่า “นี่คือการชัตดาวน์ของพวกเขา” เธอเสริมว่า พรรครีพับลิกัน “มีเครื่องมือทุกอย่างที่จะบริหารประเทศ แต่กลับเลือกความโกลาหลแทน”

สำหรับที่ผ่านมา การชัตดาวน์ที่ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ เกิดขึ้นช่วงปลายปี 2018 เมื่อรัฐบาลชัตดาวน์เป็นเวลา “ราว 5 สัปดาห์” ท่ามกลางความขัดแย้งเรื่องงบประมาณสร้างกำแพงกั้นพรมแดนสหรัฐ–เม็กซิโกที่ทรัมป์เสนอ น่าจับตาว่าความขัดแย้งครั้งนี้จะทำลายสถิติเดิมหรือไม่



อ้างอิง: nytimes