พนักงานรัฐ ‘กว่า 4 แสนคน’ เสี่ยงถูกพักงาน ไร้เงินเดือน หากสหรัฐชัตดาวน์ตัวเอง

พนักงานรัฐ ‘กว่า 4 แสนคน’ เสี่ยงถูกพักงาน ไร้เงินเดือน หากสหรัฐชัตดาวน์ตัวเอง

สหรัฐเสี่ยง ‘ชัตดาวน์’ อีกครั้ง พนักงานรัฐกว่า 400,000 คนอาจถูกพักงานโดยไม่ได้ค่าจ้าง ขณะที่เสียงเดโมแครต 7 คนถือกุญแจผ่านงบชั่วคราว นักเศรษฐศาสตร์เตือน หากชัตดาวน์ยืดเยื้อ จีดีพีไตรมาสอาจหดตัว 0.5–1.5%

ท่ามกลางความแตกแยกทางการเมือง รัฐบาลสหรัฐกำลังเสี่ยงเข้าสู่ภาวะ “ชัตดาวน์” อีกครั้ง หลังสองพรรคใหญ่ไม่สามารถหาข้อสรุปงบประมาณได้ โดย “เส้นตาย” คือ เที่ยงคืนวันอังคารที่ 30 ก.ย. หรือ “เวลา 11.00 น.ของวันพุธที่ 1 ต.ค.” ตามเวลาไทย

ตามข้อมูลของศูนย์นโยบายสองพรรค (Bipartisan Policy Center) ตั้งแต่ปี 1980 เป็นต้นมา สหรัฐเคยเกิดภาวะชัตดาวน์มาแล้ว “14 ครั้ง”

ในกรณีที่เกิดการชัตดาวน์จริง ข้าราชการที่ปฏิบัติหน้าที่บริการสาธารณะที่ไม่จำเป็น จะถูกให้ “หยุดงานโดยไม่ได้รับค่าจ้าง”

ขณะที่เพื่อนร่วมงานในหน่วยงานบริการจำเป็น ยังคงต้องทำงานต่อไป แต่ไม่ได้รับค่าจ้างเช่นกัน

หลังจากสิ้นสุดชัตดาวน์ เงินเดือนข้าราชการทุกคน ไม่ว่าจะถูกพักงานหรือยังทำงานอยู่ จะได้รับการจ่ายย้อนหลัง

ล่าสุด หน่วยงานรัฐบาลกลางสหรัฐ กำลังเตรียมแผนรับมือชัตดาวน์ โดยเน้นการพักงานชั่วคราว มากกว่าการเลิกจ้างถาวร มีอย่างน้อย 8 กระทรวงระบุในแผนเหล่านี้ว่า จะมีพนักงาน “กว่า 400,000 คน” ถูกสั่งพักงานในฐานะไม่จำเป็น

‘7 เสียงเดโมแครต’ ถือกุญแจชัตดาวน์

ย้อนไปในปี 2023 สภาต้องอาศัย “Continuing Resolution” ซึ่งเป็นมาตรการต่ออายุการใช้งบประมาณชั่วคราว ติดต่อกันถึง 3 ครั้ง เพื่อให้รัฐบาลใช้งบประมาณต่อไปได้ ในกรณีที่ยังไม่สามารถผ่านร่างกฎหมายงบประมาณประจำปีได้ทัน เพื่อหลีกเลี่ยงการชัตดาวน์ 

เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2025 สภาได้มีการผ่าน Continuing Resolution อีกครั้ง เพื่อต่อเวลาการจัดสรรงบประมาณชั่วคราวไปจนถึงเที่ยงคืนวันที่ 30 กันยายน 2025 และนี่ก็คือสถานการณ์ที่เรากำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้

อย่างไรก็ตาม การผ่าน Continuing Resolution ต้องการเสียงอย่างน้อย 60 คนจากทั้งหมด 100 คนในวุฒิสภา แม้รีพับลิกันจะครองเสียงข้างมาก แต่ยังต้อง “พึ่งเสียงเดโมแครตอย่างน้อย 7 คน” 

เดโมแครตตั้งเงื่อนไขให้ขยายเครดิตภาษีกฎหมายประกันสุขภาพ หรือ “โอบามาแคร์” ที่จะหมดอายุสิ้นปีนี้ ขณะที่รีพับลิกันคัดค้านและกล่าวหาว่า เดโมแครตต้องการใช้งบหลายแสนล้านดอลลาร์ช่วยผู้อพยพผิดกฎหมาย

ชัตดาวน์เสี่ยงฉุดจีดีพีประเทศลง

หากรัฐบาลสหรัฐต้องชัตดาวน์จริง อาจส่งผลต่อ 27% ของการใช้จ่ายของรัฐบาลกลาง ทำให้บริการสาธารณะหยุดชะงักและการบริโภคของข้าราชการลดลง เนื่องจากถูกพักงานโดยไม่ได้รับเงิน ส่งผลกระทบต่อการผลิตในภาคส่วนอื่น ๆ ซึ่งก็เป็นส่วนหนึ่งของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) เช่นกัน 

นักเศรษฐศาสตร์ประเมินว่า ทุก ๆ หนึ่งสัปดาห์ของการชัตดาวน์ จะทำให้จีดีพีรายไตรมาสที่แท้จริงลดลงเมื่อเทียบกับระดับปกติ ราว 0.1% ถึง 0.3% ดังนั้น หากเกิดการชัตดาวน์นาน 1 เดือน จีดีพีรายไตรมาสที่แท้จริงอาจหดตัวลง 0.5% ถึง 1.5%

ไม่เพียงเท่านั้น การชัตดาวน์ยังหมายถึงหน่วยงานรัฐระงับการจ่ายเงินให้แก่ผู้จัดหาสินค้าและบริการ ส่งผลให้หลายบริษัทเผชิญปัญหา และบางแห่งอาจเสี่ยงต่อการสูญเสียงาน 

หากการชัตดาวน์ยืดเยื้อ ก็อาจนำไปสู่การล้มละลายของบางบริษัทได้ ซึ่งทั้งหมดนี้จะยิ่งซ้ำเติมการหดตัวของจีดีพีสหรัฐมากขึ้น

ยิ่งไปกว่านั้น อัตราดอกเบี้ยของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ จะปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากนักลงทุนมองว่ามีความเสี่ยงมากขึ้น การชัตดาวน์จะยิ่งเพิ่มความกังวลต่อการผิดนัดชำระหนี้พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 

หากไม่สามารถบรรลุข้อตกลงเรื่องเพดานหนี้ได้ อาจทำให้ยากที่จะ “กู้ยืมใหม่” ได้อีก ผลกระทบทางเศรษฐกิจจะร้ายแรงยิ่งกว่าการชัตดาวน์



อ้างอิง: euronewsbloomberg