'ทองคำสำรองสหรัฐ' ทะลุ 1 ล้านล้านดอลลาร์ อานิสงส์ราคาทอง ATH

'ทองคำสำรองสหรัฐ' ทะลุ 1 ล้านล้านดอลลาร์ อานิสงส์ราคาทอง ATH

’ทองคำสำรองสหรัฐ' มูลค่าทะลุ 1 ล้านล้านดอลลาร์ หลังพุ่งทะยาน 45% ในปีนี้ ดันมูลค่าจริงสูงกว่าในบัญชี 90 เท่า เหตุโควตราคาตั้งแต่ยุคอดีตแค่ 42 ดอลลาร์ จุดประเด็นหนุนรัฐบาลปรับราคาใหม่ หวังแก้ขาดดุลงบประมาณสหรัฐ

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า “ทองคำสำรอง” ของสหรัฐมีมูลค่าทะลุ 1 ล้านล้านดอลลาร์เรียบร้อยแล้ว ซึ่งมากกว่ามูลค่าที่ระบุไว้ในงบดุลของรัฐบาลถึง "90 เท่า" หลังจากที่ราคาทองคำพุ่งสูงสุดทุบสถิติสูงสุดใหม่หลายครั้งในปีนี้

วานนี้ (29 ก.ย.) ราคาทองคำพุ่งขึ้นเหนือ 3,824.50 ดอลลาร์ต่อออนซ์  ทำให้ในปีนี้ราคาทองคำเพิ่มขึ้น 45% ก่อนที่จะกลับมาเคลื่อนไหวที่ระดับ 3,814.82 ดอลลาร์ต่อออนซ์ 

แม้ราคาตลาดจะสูงขึ้นมากขนาดนี้ แต่ในทางบัญชีทางการของรัฐบาลสหรัฐยังคงใช้ราคาเก่าที่สภาคองเกรสกำหนดไว้ตั้งแต่ปีค.ศ. 1973 คือที่ราคา "42.22 ดอลลาร์ต่อออนซ์" ในการประเมินมูลค่าทองคำสำรอง ทำให้มูลค่าทองคำที่ปรากฏในบัญชีอย่างเป็นทางการนั้นอยู่ที่เพียง 11,000 ล้านดอลลาร์เท่านั้น ซึ่งต่ำกว่ามูลค่าจริงในปัจจุบันมากซึ่งมีการประเมินใหม่ที่กว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์

ราคาทองคำแท่งทำสถิติสูงสุดต่อเนื่องในปีนี้ เนื่องจากนักลงทุนต่างพากันเข้าซื้อทองคำในฐานะ "สินทรัพย์ปลอดภัย" เพื่อรับมือกับความไม่แน่นอนจากสงครามการค้าภูมิรัฐศาสตร์และความกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับวิกฤติการเงินของรัฐบาลสหรัฐที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งการพุ่งขึ้นของราคาทองคำยังได้แรงหนุนจากเงินทุนที่ไหลเข้าสู่กองทุน ETF  ทองคำและการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กลับมาปรับลดอัตราดอกเบี้ย

ปรับมูลค่าทองคำลด ‘ขาดดุล’ แต่กระทบระบบการเงิน 

ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา มีกระแสคาดการณ์ว่ารัฐบาลสหรัฐอาจนำทองคำสำรองที่สะสมไว้มาขายทอดตลาด ซึ่งจะทำให้มีเงินหลายแสนล้านดอลลาร์ไหลเข้าสู่คลังของรัฐบาล โดยกระแสนี้เริ่มต้นจากความเห็นที่ไม่เป็นทางการของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง “สก็อตต์ เบสเซนต์” ซึ่งต่อมาเบสเซนต์ได้ปฏิเสธข้อเสนอดังกล่าว และสำนักข่าวบลูมเบิร์กก็รายงานว่าแนวคิดนี้ยังไม่ถูกนำมาพิจารณาอย่างจริงจัง

สิ่งที่แตกต่างจากประเทศส่วนใหญ่คือ ทองคำสำรองของสหรัฐถูกถือครองโดยรัฐบาลโดยตรง คือ กระทรวงการคลังไม่ใช่เฟด ดังนั้นหากมีการปรับมูลค่าทองคำสำรองของรัฐบาลให้สอดคล้องกับราคาตลาดปัจจุบัน นั่นจะทำให้กระทรวงการคลังมีเงินทุนเพิ่มขึ้นในคลังถึงประมาณ 990,000 ล้านดอลลาร์เลยทีเดียว

มูลค่าทองคำที่เพิ่มขึ้นเกือบ 990,000 ล้านดอลลาร์นี้  เทียบเท่ากับครึ่งหนึ่งของการขาดดุลงบประมาณรวมของรัฐบาลสหรัฐซึ่งอยู่ที่ 1.973 ล้านล้านดอลลาร์ สำหรับปีงบประมาณที่เพิ่งสิ้นสุดลงในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นการขาดดุลสูงสุดเป็นประวัติการณ์ 2563 และ 2564

แม้ว่าการเปลี่ยนวิธีการบันทึกมูลค่าทองคำสำรองของรัฐบาลอาจดูเป็นเรื่องที่น่าสนใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาถึงข้อจำกัดด้านเพดานหนี้ของสหรัฐ แต่การดำเนินการนี้ก็จะมีผลกระทบในวงกว้างต่อระบบการเงิน เนื่องจากเป็นการอัดฉีด “สภาพคล่อง” เข้าสู่ระบบ และอาจทำให้เฟดต้องชะลอการลดขนาดงบดุล ออกไปอีก

อย่างไรก็ตาม สหรัฐอเมริกาจะไม่ใช่ประเทศแรกที่ดำเนินการเช่นนี้ เพราะนักเศรษฐศาสตร์ของเฟดได้ระบุไว้ในบันทึกเมื่อเดือนส.ค.ว่า ประเทศอย่างเยอรมนี อิตาลี และแอฟริกาใต้ ต่างก็เคยตัดสินใจปรับมูลค่าทุนสำรองทองคำของตนให้เป็นราคาตลาดมาแล้วในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา

ทฤษฎีสมคบคิดเรื่องฟอร์ตน็อกซ์

กระทรวงการคลังสหรัฐ ระบุว่า ปัจจุบันสหรัฐมีทองคำสำรองอยู่ในคลังราว 261.5 ล้านออนซ์ โดยทองคำสำรองของสหรัฐมากกว่าครึ่งถูกเก็บรักษาไว้ในห้องนิรภัยใต้ดินลึกที่ฐานทัพ “ฟอร์ตน็อกซ์” รัฐเคนทักกี สถานที่นี้เป็นที่ที่ย้ายทองคำมาจากนิวยอร์กและฟิลาเดลเฟียในช่วงทศวรรษ 1930 โดยมีเหตุผลส่วนหนึ่งคือการลดความเสี่ยงจากการโจมตีทางทหารจากต่างชาติที่อาจข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกเข้ามาได้

'ทองคำสำรองสหรัฐ' ทะลุ 1 ล้านล้านดอลลาร์ อานิสงส์ราคาทอง ATH

สำหรับทองคำส่วนที่เหลือจะถูกกระจายไปเก็บไว้ตามห้องนิรภัยในหลายพื้นที่ ได้แก่ เวสต์พอยต์ และ เมืองเดนเวอร์ รวมถึงที่ห้องนิรภัยของเฟดในแมนฮัตตันตอนล่าง ซึ่งเป็นห้องนิรภัยที่อยู่ลึกลงไปจากพื้นดินถึง 80 ฟุต หรือ 24 เมตร

 อย่างไรก็ตาม ในเดือนก.พ.ที่ผ่านมา ทฤษฎีสมคบคิดที่ว่าทองคำที่เก็บไว้ใน ฟอร์ตน็อกซ์อาจไม่ได้อยู่ที่นั่นจริงได้แพร่หลายออกไป โดยได้รับแรงหนุนจากความเห็นของประธานาธิบดี “โดนัลด์ ทรัมป์” และมหาเศรษฐี อีลอน มัสก์

“เราจะไปที่ฟอร์ตน็อกซ์ — ฟอร์ตน็อกซ์ในตำนาน — เพื่อให้แน่ใจว่ามีทองคำอยู่ที่นั่น ถ้าไม่มีทองคำอยู่ที่นั่น เราจะเสียใจมาก” ทรัมป์กล่าว