‘สหรัฐ’ ลั่นชิป 50% ต้องผลิตในประเทศ บีบ TSMC ย้ายฐานผลิต หวั่น 'จีน' รุกรานไต้หวัน

'สหรัฐ' เรียกร้องให้ไต้หวันย้ายฐานผลิตชิปและเซมิคอนดักเตอร์มาที่อเมริกา 50% เพื่อความมั่นคง หวั่น'จีน' รุกรานไต้หวัน จนเกิดปัญหาขาดแคลนชิป กระทบการผลิตหลายอุตสาหกรรม
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า “สหรัฐ” เรียกร้องให้ “ไต้หวัน” ย้ายการลงทุนและการผลิตชิป รวมทั้งเซมิคอนดักเตอร์กว่า 50% มายังสหรัฐ
โฮเวิร์ด ลัทนิค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์สหรัฐ กล่าวในการให้สัมภาษณ์กับ NewsNationว่า สหรัฐกำลังเจรจากับไต้หวันเพื่อให้แน่ใจว่าชิปที่สหรัฐ ต้องการใช้ครึ่งหนึ่งจะถูกผลิตในอเมริกา เพื่อลดความเสี่ยงจากการพึ่งพาไต้หวันมากเกินไป ท่ามกลางภัยคุกคามที่ “จีน” อาจจะรุกรานไต้หวัน ซึ่งสหรัฐมองว่าการผลิตชิปในประเทศอย่างเพียงพอเป็นวิธีเดียวที่จะรับมือกับปัญหานี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
“นี่เป็นหนทางเดียวที่จะรับมือกับภัยคุกคามจากปักกิ่งที่จะรุกรานเกาะที่ปกครองตนเอง”
ลัทนิคย้ำว่า การเจรจาดังกล่าวเน้นถึงความสำคัญที่สหรัฐต้องผลิตชิปให้ได้ 50% ด้วยตนเอง โดยสหรัฐตั้งเป้าที่จะให้ 50% ของชิปและเวเฟอร์ ที่จำเป็นต่อการบริโภคของอเมริกา ถูกผลิตขึ้นภายในประเทศเพื่อความมั่นคงของชาติ
เจ้าหน้าที่สหรัฐได้ออกมาเตือนมานานหลายปีแล้วเกี่ยวกับการพึ่งพาชิปที่ผลิตโดยบริษัท Taiwan Semiconductor Manufacturing Co. (TSMC) และเครือข่ายซัพพลายเออร์ขนาดใหญ่ของไต้หวัน ซึ่งเป็นผู้ผลิตและจัดหาชิปที่ ล้ำสมัยที่สุดของโลกเกือบทั้งหมด
ความเสี่ยงนี้ยิ่งเห็นได้ชัดเจนในช่วงที่เกิดปัญหา “ชิปขาดแคลน” ในยุคโควิด-19 ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าเซมิคอนดักเตอร์และชิป มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมหลัก ๆ ทั่วโลก ตั้งแต่การผลิตรถยนต์ ไปจนถึงเทคโนโลยีทางทหาร และปัญญาประดิษฐ์ (AI)
TSMC ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปรายใหญ่ให้กับบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำอย่าง Apple Inc. และ Nvidia Corp. ถือเป็นหัวใจสำคัญในความพยายามของรัฐบาลสหรัฐที่ต้องการดึงดูดภาคการผลิตกลับเข้ามาในประเทศ โดย TSMC ประกาศว่าจะลงทุนถึง 165,000 ล้านดอลลาร์เพื่อเร่งกำลังการผลิตที่โรงงานในสหรัฐอเมริกา
อย่างไรก็ตาม การย้ายกำลังการผลิตส่วนใหญ่ขนาดนี้ไม่ได้มีแค่เรื่องของเงินทุนมหาศาลเท่านั้น แต่ยังจำเป็นต้องย้าย ซัพพลายเออร์และพันธมิตรจำนวนมาก ซึ่งเป็นเครือข่ายห่วงโซ่การผลิตทั้งหมดของ TSMC มาด้วย
ขณะเดียวกัน สหรัฐอเมริกากำลังพิจารณาแผนการใหญ่เพื่อลดการพึ่งพาเซมิคอนดักเตอร์จากต่างประเทศ โดยระบุว่า บริษัทต่างๆ จะต้อง ผลิตชิปในอเมริกาให้ได้เท่ากับจำนวนที่นำเข้า จากแหล่งอื่น มิฉะนั้นจะต้องเผชิญกับ ภาษีศุลกากรเพิ่มเติม
ทั้งนั้ ลัทนิคไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติมว่าสหรัฐจะใช้วิธีใดในการโน้มน้าวให้ไต้หวันสนับสนุนเป้าหมายที่เขาตั้งไว้ คือ การผลิต 50% ในสหรัฐ
“โดยพื้นฐานแล้ว เรายังคงต้องพึ่งพาไต้หวันอยู่ เพราะเราขาด ชิปอีกครึ่งหนึ่งไม่ได้ และทุกคนคงจะประหลาดใจว่าสหรัฐประสบความสำเร็จในการเจรจามากแค่ไหน” ลัทนิคกล่าว
อ้างอิง Bloomberg







