เวียดนามปฏิรูปตลาด ‘ทองคำ’ พยุงดองอ่อนค่า ลดช่องว่างราคา

เวียดนามปฏิรูปตลาด ‘ทองคำ’ รัฐหันใช้เอกชนขับเคลื่อน คาด
พยุงดองอ่อนค่า ลดช่องว่างราคาเหลือ 2-3% หวังใช้แรงงานต้นทุนต่ำ แปรรูปทองคำส่งออก ปรับสมดุลการค้า ‘สหรัฐ-จีน’
บลูมเบิร์กรายงานว่า สมาคมผู้ค้าทองคำเวียดนาม (VGTA) ระบุว่า แผนการของรัฐบาลที่จะผ่อนคลายการควบคุมของรัฐและปฏิรูปตลาดทองคำ จะช่วยลดความผันผวนของ “สกุลเงินดอง” รวมถึงลดช่องว่างขนาดใหญ่ระหว่างราคาทองคำในประเทศและราคาทองคำในตลาดโลก
หวิญ จูง คั้น (Huynh Trung Khanh) รองประธานสมาคมเปิดเผยว่า "นโยบายดังกล่าวจะช่วยควบคุมตลาดทองคำได้ดีขึ้น จำกัดการลักลอบขนของ และช่วยรักษาเสถียรภาพของค่าเงินดองได้"
เวียดนามเปิดเสรีทองคำ
ปัจจุบัน รัฐบาลได้ร่างแผนปฏิรูปเพื่อ ยกเลิกการผูกขาด การนำเข้าและส่งออกทองคำแท่งดิบ โดยจะอนุญาตให้บริษัทและธนาคารพาณิชย์บางแห่งสามารถยื่นขอรับใบอนุญาตดำเนินการได้
นอกจากนี้ ยังอนุญาตให้มีการซื้อขายทองคำในตลาดแลกเปลี่ยนที่บริหารจัดการโดยรัฐบาล ซึ่งความเคลื่อนไหวนี้เกิดขึ้นเพื่อตอบสนองต่อปัญหาความบิดเบือนของราคาทองคำในตลาดปัจจุบัน โดยราคาทองคำในประเทศเวียดนามนั้นสูงกว่าราคาทองคำในตลาดโลกอย่างมาก ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของการลักลอบนำเข้าทองคำ และสร้างแรงกดดันต่อค่าเงินดองของประเทศ
แม้ว่าแผนปฏิรูปนี้จะมีความคืบหน้า แต่การดำเนินการของรัฐบาลเวียดนามยังคงเป็นไปอย่าง ระมัดระวังและมีการควบคุมอย่างเข้มงวด
เหลียง เล่อ (Liang Lu) นักวิเคราะห์จาก Kallanish Index Services ในสิงคโปร์ ชี้ให้เห็นว่า "ธนาคารที่ได้รับการอนุมัติทั้ง 8 แห่งนั้น มากกว่าครึ่งหนึ่งเป็นของรัฐ ซึ่งนี่เป็น ความก้าวหน้าที่น่ายินดี สำหรับทั้งเวียดนามและประเทศในภูมิภาค โดยเฉพาะอย่างยิ่งการผ่อนคลายข้อจำกัดการนำเข้าทองคำ" สะท้อนว่าแม้จะมีมาตรการควบคุม แต่ตลาดก็ยังมองเห็นทิศทางที่เป็นบวกต่อการเปิดเสรีนี้
การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ถูกมองว่าเป็น "การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ" สำหรับเวียดนาม จากการควบคุมโดยรัฐ ไปสู่การขับเคลื่อนโดยองค์กรเอกชน
ราคาทองคำเวียดนามสูงกว่าตลาดโลก 10%
ตลาดทองคำของเวียดนามยังคงเผชิญปัญหาหลักคือ ราคาทองคำ ในประเทศมักจะพุ่งสูงกว่าราคาตลาดโลกอย่างมาก แม้ว่ารัฐบาลจะพยายามดำเนินมาตรการต่างๆ เพื่อลดส่วนต่างของราคาดังกล่าวแล้วก็ตาม การเปิดเสรีตลาดครั้งนี้จึงเป็นความพยายามที่จะทำให้กลไกราคาเป็นไปตามความเป็นจริงมากขึ้น และลดแรงจูงใจในการลักลอบนำเข้าทองคำ
รองประธานสมาคมผู้ค้าทองคำเวียดนาม เปิดเผยว่า ช่องว่างราคาทองคำในประเทศ ซึ่งเคยพุ่งสูงถึง 20 ล้านดอง ประมาณ 24,472 บาท ต่อตำลึง หรือประมาณ 37.5 กรัม เมื่อเดือนที่แล้ว คิดเป็นมูลค่าที่สูงกว่าราคาตลาดโลกถึง 10%
รัฐบาลเวียดนาม ได้กำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนในการลดส่วนต่างของราคานี้ให้เหลือเพียง 2-3% เพื่อให้ราคาทองคำในประเทศสอดคล้องกับกลไกตลาดโลกมากขึ้นและลดแรงจูงใจในการลักลอบนำเข้า
ทางการเวียดนามกำลังวางแผนที่จะออกมาตรการควบคุมตลาดทองคำ โดยมีเป้าหมายหลักคือ ควบคุมการเก็งกำไร และ เพิ่มความโปร่งใสของตลาด โดยมาตรการสำคัญที่อยู่ระหว่างการพิจารณาคือ
ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา โดยมีแผนที่จะจัดเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (Personal Income Tax) จากการซื้อขายทองคำ เพื่อลดความร้อนแรงในการเก็งกำไร
กำหนดให้ทำธุรกรรมผ่านธนาคาร โดยกำลังพิจารณากำหนดข้อกำหนดให้ธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับทองคำต้องดำเนินการผ่าน การโอนเงินผ่านธนาคาร เท่านั้น เพื่อให้เกิดความโปร่งใสในการทำธุรกรรม และสามารถตรวจสอบการเคลื่อนย้ายของเงินทุนได้ง่ายขึ้น
หนุนเวียดนามส่งออกเครื่องประดับ
หวิญ จูง คั้น กล่าวว่า “การเปลี่ยนแปลงนี้อาจส่งผลกระทบในวงกว้างกว่าแค่ตลาดทองคำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้ประโยชน์จากจุดแข็งของประเทศ จากทักษะและต้นทุนแรงงานต่ำ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่สามารถผลักดันให้เกิด อุตสาหกรรมเครื่องประดับระดับโลกได้ และสามารถส่งออกเครื่องประดับมูลค่าหลายพันล้านดอลลารเช่นเดียวกับประเทศเพื่อนบ้าน"
นอกจากนี้ การปฏิรูปจะช่วยให้เวียดนามสามารถ นำเข้าทองคำจากสหรัฐอเมริกาเพื่อแปรรูป แล้วส่งออกต่อไปยังจีน ซึ่งกลยุทธ์นี้ไม่เพียงแต่จะสร้างรายได้จากการส่งออก แต่ยังช่วย สร้าง “สมดุลทางการค้า” กับทั้งสองประเทศมหาอำนาจได้อีกด้วย
ขณะนี้ ประชาชนชาวเวียดนามอาจมีทองคำสะสมไว้ในครัวเรือนอย่างน้อย 500 ตัน ซึ่งเป็นปริมาณที่ประเมินจากใบอนุญาตนำเข้าที่เคยออกให้ในอดีต ซึ่งการนำทองคำจำนวนนี้เข้าสู่การหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง โดยจะช่วยกระตุ้นกิจกรรมทางธุรกิจได้อย่างมาก ขณะเดียวกันก็สามารถยับยั้งการกักตุนและการเก็งกำไร และช่วยลดแรงกดดันต่อค่าเงินดอง ของเวียดนามได้อีกด้วย





