คล้ายกันมาก? อาร์เจนตินาและเวเนซุเอลาในสายตาผู้นำสหรัฐ

อาร์เจนตินาและเวเนซุเอลาประสบปัญหาคล้ายกันมาก เนื่องจากการใช้นโยบายประชานิยมแบบเลวร้ายอย่างเข้มข้น จนเศรษฐกิจล้มละลายหลายครั้ง
ในช่วงนี้สหรัฐปฏิบัติต่อสองประเทศนั้นต่างกันมาก ดูได้จากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เพิ่งประกาศว่าจะช่วยเหลืออาร์เจนตินาอย่างเต็มที่
ในขณะที่ส่งเรือรบ 8 ลำเข้าไปในน่านน้ำใกล้เวเนซุเอลาและทำลายเรือในน่านน้ำนั้นไม่ต่ำกว่า 3 ลำโดยอ้างว่าเรือเหล่านั้นขนยาเสพติด นอกจากนั้น เขายังดูเหมือนจะโบ้ยด้วยว่า อาจสนับสนุนให้เวเนซุเอลาเปลี่ยนรัฐบาล จะด้วยวิธีใดยังไม่เป็นที่ประจักษ์
ปัจจัยที่ทำให้สหรัฐปฏิบัติต่างกันเช่นนั้นอาจมองได้ว่ามาจากการใช้ระบบการปกครองแบบประชาธิปไตยต่างกัน นั่นคือ แม้ประเทศทั้งสองนั้นจะมีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยที่สหรัฐใช้อยู่
แต่เป็นที่รู้กันอย่างกว้างขวางว่าชาวเวเนซุเอลาไม่สามารถลงสมัครและลงคะแนนได้อย่างเสรีส่งผลให้มีประชาธิปไตยเพียงในนามเท่านั้น แต่นั่นยังไม่น่าจะใช่ปัจจัยหลัก ทั้งนี้เพราะบราซิลซึ่งเป็นเพื่อนบ้านของอาร์เจนตินาใช้ระบอบประชาธิปไตยที่คล้ายคลึงกันมาก
ประธานาธิบดีหลุยส์ อะนาซิโอ ลูลา ดา ซิลวาของบราซิลกลับเป็นไม้เบื่อไม้เมากับนายทรัมป์ นอกจากนั้น เมื่อมองกว้างออกไปจะพบว่า พันธมิตรใกล้ชิดของสหรัฐหลายประเทศในตะวันออกกลางไม่ใช้ระบอบประชาธิปไตย ซึ่งสหรัฐบอกนักบอกหนาว่าต้องใช้
ปัจจัยที่ทำให้เป็นเช่นนั้นคงเพราะบราซิลยังใช้ระบอบประชาธิปไตยในแนวสังคมนิยมซึ่งเป็นแนวคิดพื้นฐานทางการเมืองของนายลูลา
ส่วนอาร์เจนตินาเคยใช้ระบอบประชาธิปไตยที่เอียงไปทางสังคมนิยมบ้างและใช้นโบบายประชานิยมแบบเลวร้ายจนล้มละลายหลายครั้ง
แต่ในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา ชาวอาร์เจนตินาเลือกคนที่ให้คำมั่นสัญญาว่าจะใช้มาตรการเข้มข้นเพื่อเปลี่ยนระบบเศรษฐกิจจากแนวเดิมไปสู่แนวตลาดเสรีที่นายทรัมป์กำลังพยายามทำทุกอย่างให้เกิดขึ้นในสหรัฐ
การตัดสินใจแบบขอไปตายดาบหน้าของชาวอาร์เจนตินาคงเพราะพวกเขาเอือมระอามานานกับการใช้นโยบายในแนวเดิม พวกเขาเอือมระอาเพราะประเทศประสบปัญหาหนักหนาสาหัสซ้ำแล้วซ้ำเล่ามากว่า 70 ปี
นับจากวันที่เศรษฐกิจของอาร์เจนตินาประสบปัญหาถึงล้มละลายครั้งแรกเมื่อปี 2499 หรือหลังเริ่มใช้นโยบายประชานิยมแบบเลวร้ายครบ 40 ปี ทหารยึดอำนาจหลายครั้งแต่ยังใช้ประชานิยมในแนวเดิม
ยิ่งกว่านั้น เมื่อประชาชนออกมาต่อต้านอย่างกว้างขวางก็ถูกทหารปราบอย่างโหดร้าย เช่น ในช่วงปี 2519 – 2526 ชาวอาร์เจนตินาถูกฆ่าหรือทำให้หายสาบสูญไปนับหมื่นคน
ด้านเศรษฐกิจ ภาวะเลวร้ายนำไปสู่ความล้มละลายหลายครั้งรวมทั้งภาวะเงินเฟ้อสูงมากจนยากแก่การทำความเข้าใจ เช่น ในปี 2533 อัตราเงินเฟ้อสูงกว่า 20,000% นำไปสู่ความยากจนอย่างแพร่หลาย
เมื่อเข้ารับตำแหน่ง ประธานาธิบดีคนปัจจุบันเริ่มใช้มาตรการใหม่ที่ได้รับการสนับสนุนจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ทำให้ทั้งระดับเงินเฟ้อและความยากจนลดลงส่งผลให้ไอเอ็มเอฟเพิ่งลงความเห็นว่า “สอบผ่าน” และจะสนับสนุนต่อไป ภาวะนี้คงมีน้ำหนักในการตัดสินใจของนายทรัมป์
เวเนซุเอลาเริ่มใช้นโยบายประชานิยมแบบเลวร้ายหลังอาร์เจนตินา แต่การเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันปิโตรเลียมแบบก้าวกระโดดหลังสงครามตะวันออกกลางปี 2516 ทำให้เวเนซุเอลามีรายได้มหาศาลเนื่องจากเป็นหนึ่งในประเทศส่งออกน้ำมันมากที่สุด
รายได้นั้นนำไปสู่การใช้จ่ายอย่างสุรุ่ยสุร่ายรวมทั้งการทำนโยบายประชานิยมให้เข้มข้นยิ่งขึ้น นอกจากนั้น ยังมีการลงทุนแบบสูญเปล่าปะปนกับความฉ้อฉลมากขึ้นอีกด้วย ทหารยึดอำนาจหลายครั้ง แต่ผลยังออกมาเช่นเดิม
ในปัจจุบัน ชาวเวเนซุเอลากว่าครึ่งตกอยู่ในภาวะยากจนแสนสาหัส จึงดิ้นรนออกไปอยู่นอกประเทศรวมทั้งในสหรัฐ
นายทรัมป์กำลังดำเนินมาตรการใหม่โดยไล่จับชาวเวเนซุเอลาส่งไปคุมขังยังประเทศอื่นเนื่องจากรัฐบาลเวเนซุเอลาไม่ยอมเปิดประเทศรับ มาตรการใหม่นี้มีค่าใช้จ่ายทำให้รัฐบาลอเมริกันไม่พอใจมากขึ้น
ประวัติศาสตร์การใช้นโยบายประชานิยมแบบเลวร้ายของอาร์เจนตินาและเวเนซุเอลาน่าจะเป็นบทเรียนที่ดีสำหรับประเทศที่กำลังใช้ หรือคิดจะใช้นโยบายในแนวนั้น
ผู้นำของไทยคงไม่สนใจที่จะใช้บทเรียนจากประวัติศาสตร์ เมื่อปี 2544 จึงเริ่มใช้นโยบายที่ทำลายสองประเทศนั้น ผลจะเป็นอย่างไรอีกไม่นานคงรู้







