“เมื่อโลกจับตานิวยอร์ก: การประชุม UNGA80 High-Level Week และอนาคตของสหประชาชาติ” | World Wide View

รู้จักการประชุม UNGA80 High-Level Week สัปดาห์การประชุมที่ไม่ได้มีแค่การพบปะหารือของผู้นำหรือเจ้าหน้าที่ระดับสูง เป็นโอกาสที่จะสะท้อนมุมมองและความกังวลต่อประเด็นท้าทายที่ทุกประเทศกำลังเผชิญ รวมถึงยูเอ็นเอง
ทุกเดือนกันยายน สายตาของทั้งโลกจะหันมาที่นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นที่ตั้งขององค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) เพราะนี่คือเวลาของ การประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ หรือ UN General Assembly (UNGA) ที่ครั้งนี้จัดขึ้นเป็นสมัยที่ 80 และเข้าสู่ช่วง High-Level Week สัปดาห์ที่ผู้นำหรือผู้แทนระดับสูงของประเทศต่าง ๆ กว่า 190 ประเทศทั่วโลกจะเดินทางมาเข้าร่วมกันอย่างพร้อมเพรียง เพื่อกล่าวสุนทรพจน์ แสดงจุดยืน และร่วมกำหนดทิศทางของโลกในปีต่อ ๆ ไป
การประชุมครั้งนี้มีความสำคัญเป็นพิเศษ เพราะตรงกับวาระครบรอบ 80 ปีของการก่อตั้งUN องค์กรที่เกิดขึ้นหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ด้วยความหวังว่าจะเป็นกลไกหลักในการป้องกันไม่ให้โลกย้อนกลับไปเผชิญความสูญเสียและความขัดแย้งเช่นที่ผ่านมา ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมายูเอ็น เป็นเวทีที่เปิดโอกาสให้ทุกประเทศได้มีสิทธิ์เสียงอย่างเท่าเทียม แต่ในขณะเดียวกันก็เผชิญแรงกดดันว่าโครงสร้างและวิธีการทำงานที่สร้างขึ้นเมื่อแปดทศวรรษก่อน ยังเพียงพอสำหรับโลกยุคปัจจุบันหรือไม่
เวที UNGA80 High-Level Week จึงเป็นมากกว่าการพบปะทักทายของบรรดาผู้นำโลก หากเป็นโอกาสที่จะสะท้อนมุมมองและความกังวลต่อประเด็นท้าทายที่ทุกประเทศกำลังเผชิญ ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่สร้างภัยพิบัติรุนแรงถี่ขึ้น ปัญหาความยากจนและความเหลื่อมล้ำที่ยังแก้ไม่ตก ความขัดแย้งในหลายภูมิภาคที่ส่งผลต่อเสถียรภาพระหว่างประเทศ ไปจนถึงความท้าทายจากเทคโนโลยีใหม่อย่างปัญญาประดิษฐ์ ที่ก้าวเร็วจนกรอบกฎหมายและจริยธรรมตามไม่ทัน การประชุมครั้งนี้จึงเปรียบเสมือนเวทีที่บอกได้ว่าประเทศต่าง ๆ พร้อมจะหาทางออกร่วมกันมากน้อยเพียงใด
ในระหว่างการประชุม ยังมีการหารือเฉพาะด้านที่ทั่วโลกจับตา ไม่ว่าจะเป็นการประชุมสุดยอดด้านการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ ที่จะทบทวนมาตรการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและเพิ่มการใช้พลังงานสะอาด การประชุมว่าด้วยการเงินเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน เพื่อหาคำตอบว่าประเทศกำลังพัฒนาจะมีโอกาสเข้าถึงแหล่งทุนได้อย่างเป็นธรรมมากเพียงใด รวมถึงเวทีเกี่ยวกับสุขภาพโลก สิทธิสตรี และการอพยพย้ายถิ่นฐาน ซึ่งเป็นโจทย์ที่ไม่มีประเทศใดแก้ได้เพียงลำพัง
อย่างไรก็ดี ความท้าทายสำคัญไม่ได้อยู่แค่ประเด็นที่ถูกหยิบยกมาหารือ แต่รวมถึงการปฏิรูปตัวองค์การสหประชาชาติเอง หลายฝ่ายวิจารณ์ว่า ยูเอ็นมีมติและภารกิจจำนวนมากที่ไม่เคยถูกทบทวน ทำให้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดถูกใช้ไปโดยไม่เต็มประสิทธิภาพ ขณะเดียวกัน งบประมาณขององค์กรก็ถูกกดดัน เมื่อบางประเทศผู้ให้ทุนลดการสนับสนุนลง เสี่ยงให้โครงการด้านมนุษยธรรมและการพัฒนาในพื้นที่เปราะบางทั่วโลกต้องหยุดชะงัก นอกจากนี้ ความขัดแย้งและการแข่งขันระหว่างมหาอำนาจยังทำให้การตัดสินใจในหลายประเด็นไม่สามารถเดินหน้าได้ตามที่โลกคาดหวัง
การประชุม UNGA80 จึงถูกมองว่าเป็นจังหวะสำคัญที่จะกำหนดอนาคตของระบบพหุภาคี ข้อริเริ่ม “UN80 Initiative” ที่เสนอให้ทบทวนพันธกิจและปรับโครงสร้างองค์กรกำลังถูกจับตาว่าจะช่วยให้ยูเอ็นเดินหน้าต่อไปอย่างมีประสิทธิภาพได้หรือไม่ หากสำเร็จอาจทำให้องค์กรกลับมามีบทบาทที่เข้มแข็งขึ้นในการเผชิญวิกฤติระดับโลก
สำหรับประเทศไทย การเข้าร่วมประชุมไม่ใช่เพียงการรักษาธรรมเนียมทางการทูต แต่ยังเป็นโอกาสสำคัญที่จะสะท้อนบทบาทเชิงสร้างสรรค์ในเวทีโลก ไทยสามารถใช้เวทีนี้ผลักดันความร่วมมือด้านสิ่งแวดล้อม ความมั่นคงทางอาหาร การพัฒนาอย่างยั่งยืน และนวัตกรรมด้านสุขภาพ รวมถึงสร้างพันธมิตรใหม่ ๆ ที่จะเป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจและความมั่นคงในประเทศ
UNGA80 High-Level Week จึงเป็นทั้งบททดสอบของสหประชาชาติว่าจะสามารถยืนหยัดท่ามกลางโลกที่ซับซ้อนและแตกแยกได้หรือไม่ และเป็นบทพิสูจน์ของผู้นำโลกว่าจะเลือกเผชิญหน้าหรือร่วมมือกันเพื่อสร้างความหวังใหม่ สำหรับประชาชนไทย การจับตาการประชุมครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องไกลตัว เพราะทุกการตัดสินใจบนเวทีนิวยอร์ก ล้วนมีผลสะเทือนต่อชีวิตเรา ตั้งแต่สิ่งแวดล้อมที่เราดำรงอยู่ ไปจนถึงโอกาสทางเศรษฐกิจและความมั่นคงในอนาคต







