เปิด 'บทบาทไทย' ในเวทียูเอ็น 'พลังบวก' ต่อเนื่องสู่ปีที่ 80

เปิด 'บทบาทไทย' ในเวทียูเอ็น 'พลังบวก' ต่อเนื่องสู่ปีที่ 80

สัมภาษณ์พิเศษกับเอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ปีนี้ยังคงเป็นปีที่ท้าทายสำหรับยูเอ็น ทั้งด้านการเงิน และความขัดแย้งที่เกิดขึ้นทั่วโลก แต่ไทยยังคงเป็นพลังบวก ช่วยขับเคลื่อนยูเอ็นต่อเนื่องสู่ปีที่ 80

KEY

POINTS

  • ในฐานะสมาชิกเกือบ 80 ปี ไทยเป็นประโยชน์ต่อยูเอ็นโดยไม่สร้างภาระ และมีส่วนช่วยในการพัฒนา ฟื้นฟูประเทศหลังสงคราม และให้ความร่วมมือทางวิชาการ
  • ไทยแสดงจุดยืนที่ชัดเจนในการต่อต้านการกระทำที่รุนแรง เช่น การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ การทำสงคราม และการละเมิดสิทธิมนุษยชน
  • ไทยเป็นพลังบวกในการสร้างสรรค์ และสนับสนุนกฎกติการะหว่างประเทศ ท่ามกลางความท้าทาย และความแตกแยกของโลก

สหประชาชาติ (ยูเอ็น) ครบรอบ 80 ปีแล้ว และปีนี้เรียกได้ว่ายูเอ็นเผชิญกับความท้าทายหลายด้าน เกิดคำถามถึงการทำงานของยูเอ็นในปัจจุบันมากขึ้นในยุคที่โลกเต็มไปด้วยความปั่นป่วน และแบ่งขั้ว 

อย่างไรก็ตาม ยังมีประเทศสมาชิกอีกหลายประเทศที่ให้ความร่วมมือ และทำงานร่วมกับยูเอ็นอย่างแข็งขัน และต่อเนื่อง หนึ่งในนั้นก็คือ ประเทศไทย

กรุงเทพธุรกิจ มีโอกาสได้เข้าร่วมงานประชุมสมัชชาสหประชาชาติ (ยูเอ็นจีเอ) ครั้งที่ 80 ในสหรัฐ  ได้พูดคุยกับเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก เมื่อวันพุธ (24 ก.ย.68) เกี่ยวกับความสำคัญของงานประชุมในปีนี้ และบทบาทไทยในเวทีโลก

เอกอัครราชทูตฯ เผยว่า ฉากทัศน์ในการประชุมปีนี้แสดงให้เห็นว่ายูเอ็นกำลังเผชิญกับความท้าทายหลายด้าน ประการแรกคือ ความแตกแยกของโลกระหว่างกลุ่มต่างๆ อาทิ ฝ่ายซ้าย-ฝ่ายขวา ฝ่ายประชาธิปไตย-ฝ่ายไม่นิยมประชาธิปไตย ซึ่งเป็นความแตกแยกที่ส่งผลกระทบอย่างมากต่อการทำงานของยูเอ็น

อย่างที่สองคือ ดิสรัปชัน เช่น สงครามในยูเครน ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอล และฮามาส และการเปลี่ยนรัฐบาลของสหรัฐสู่รัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ส่งผลต่อการทำงานของยูเอ็นเนื่องจากมีลักษณะทำงานตรงกันข้าม และผู้นำสหรัฐยังได้ตั้งคำถามถึงการทำงาน และประสิทธิภาพขององค์กรด้วย

เชิดชาย กล่าวว่า ยูเอ็นมีภาระงานเพิ่มขึ้น ขณะที่งบประมาณน้อยลง ประสิทธิภาพการทำงานจึงลดลง เพราะสมาชิกให้เงินน้อยลง หรือบางประเทศไม่ยอมจ่าย หรือค้างจ่าย การทำงานของยูเอ็นจึงติดขัด จนส่งผลให้การทำงานภาคสนามมีประสิทธิภาพลดลง ซึ่งประเทศไทยรู้สึกได้มากที่สุดเพราะเป็นที่ตั้งของ UNESCAP และมีหน่วยงานของยูเอ็นมากกว่า 20 แห่งในไทย ภาระของโครงการบางอย่างที่ถูกลดงบประมาณ จึงตกมาอยู่ที่ไทย และไทยต้องเพิ่มเงินช่วยเหลือแทน

“ทั้งหมดนี้เหมือนเป็นฉากทัศน์ของการหารือในยูเอ็นจีเอ คนคุยกันว่ายูเอ็น 80 ปีแล้ว จะเป็น 80 ปีที่ไม่ล้าสมัยอย่างไร จะเปลี่ยนวิกฤติการเงินนี้เป็นโอกาส เป็นยูเอ็นที่ประชาชนทั่วไปสัมผัสได้ เป็นองค์กรที่ตัดสินใจได้อย่างรวดเร็ว ทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้นได้หรือไม่ มันไม่ใช่เรื่องง่าย และไม่ใช่โจทย์เฉพาะกับยูเอ็นแต่กับประเทศไทยด้วย”

อย่างไรก็ตาม ประเด็นสำคัญอย่างการปฏิรูปองค์กรก็ถูกหยิบยก เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรฯ เผยว่า หลายประเทศผลักดันเรื่องนี้มานานแล้วโดยเฉพาะญี่ปุ่น แต่ยังหาจุดที่มีฉันทามติร่วมกันไม่ได้ และยังคงเกิดคำถามว่าจะพูดคุยเรื่องนี้ถึงเมื่อไร

สำหรับประเด็นอื่นที่ยูเอ็นพูดถึง ได้แก่ เรื่องการรับรองรัฐปาเลสไตน์ แม้หลายประเทศเผยว่าจะยอมรับแนวทางสองรัฐมากขึ้น แต่นั่นไม่ได้หมายความว่ามีทางออกแล้ว จึงเกิดคำถามอีกว่าโลกจะมีทางออก และยุติสงครามที่เกิดขึ้นในปัจจุบันอย่างไร

ประเด็นที่ประชุมให้ความสำคัญอย่างต่อเนื่องคือ เรื่องความยั่งยืน การประชุมได้เน้นเรื่องการวางโครงสร้างกติกาที่เป็นที่ยอมรับ แต่อาจยังไม่ถึงขั้นออกมาตรการควบคุมเพราะค่อนข้างทำได้ยาก ประเด็นสาธารณสุขก็เป็นที่สนใจ ซึ่งไทยก็มีจุดขายด้านนี้ โดยเฉพาะหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ส่วนเรื่องอาชญากรรมข้ามชาติ การหลอกลวงออนไลน์ และการค้ามนุษย์ ก็เป็นที่พูดถึง และคาดว่าที่ประชุมจะยังคงพูดถึงเรื่องนี้อย่างต่อเนื่อง

‘ไทย’ สมาชิกที่ดีของยูเอ็น

ทูตเชิดชาย กล่าวว่า งานประชุมครั้งนี้ สิ่งที่สำคัญกว่าคำว่า “บทบาทไทย” คือ สิ่งที่ประเทศไทยจะพูดกับยูเอ็นหรือได้พูดไปแล้วหลายครั้ง

ไทยเข้าเป็นประเทศสมาชิกแรกๆ ของยูเอ็น โดยเข้าไปด้วยความเชื่อที่ว่าระบบพหุภาคีนิยมเป็นคำตอบที่ดีในการสร้างกติการะหว่างประเทศ ดังนั้นสิ่งแรกที่ไทยแสดงให้ประเทศสมาชิกเห็นก็คือ การยึดมั่นในกระบวนการประชาธิปไตยควบคู่กับการทูตพหุภาคี ซึ่งเป็นการเข้าใจสิทธิของรัฐอื่นๆ เคารพอธิปไตย และบูรณภาพแห่งดินแดน รวมถึงการพูดคุยปัญหาต่างๆ ร่วมกับประเทศสมาชิก เช่น ปัญหาอาชญากรข้ามชาติ นี่คือ ท่าทีที่ชัดเจนของไทย

ประการที่ 2 ไทยได้แสดงให้ยูเอ็นเห็นแล้วว่าประเทศไทยเป็นประโยชน์ต่อองค์กร หลังเป็นสมาชิกมาเกือบ 80 ปี และเป็นสมาชิกที่ไม่สร้างภาระให้กับยูเอ็น ไทยยังถือเป็นสมาชิกที่จากการช่วยพัฒนา ช่วยฟื้นฟูประเทศที่ผ่านสงคราม ช่วยให้ความร่วมมือทางวิชาการเช่นเรื่องสภาพภูมิอากาศ และการกำจัดขยะ

ประการที่ 3 ไทยได้แสดงจุดยืนชัดเจนในเรื่องที่ไทยรับได้ และรับไม่ได้ โดยเฉพาะการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ การทำสงคราม การละเมิดสิทธิมนุษยชน การทำลายโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ เช่น โรงพยาบาล ฯลฯ

ประการที่ 4 แม้ยูเอ็นไม่มีงบประมาณหรือมีน้อยลง และภาระมีมากขึ้น ไทยสามารถช่วยได้ด้วยการแสดงเจตนารมณ์ทางการเมืองว่าพร้อมผลักดันการทำงานของยูเอ็นให้ดีขึ้น ประหยัดมากขึ้น และมีความคล่องตัวในการทำงานมากขึ้น ให้ประชาชนเห็นความสำคัญในการสร้างสันติภาพ และความมั่นคงของยูเอ็นมากขึ้น ซึ่งไทยมีส่วนช่วยมาตลอด

เปิด 'บทบาทไทย' ในเวทียูเอ็น 'พลังบวก' ต่อเนื่องสู่ปีที่ 80

“เราเป็นพลังที่ดีของยูเอ็น ท่ามกลางการต่อสู้ระหว่างพลังแห่งการเปลี่ยนแปลงอย่างสร้างสรรค์ กับพลังที่ดึงยูเอ็นออกจากการจัดระเบียบระหว่างประเทศ ไม่ให้ความสำคัญกับกฎกติการะหว่างประเทศ” เอกอัครราชทูต กล่าว

ทั้งนี้ ในสัปดาห์การประชุมระดับสูง นอกจากภารกิจเข้าร่วมการประชุมในหมวดทั่วไป เช่น สิทธิมนุษยชน ความยั่งยืน อาชญากรรมแล้ว ภารกิจสำคัญอีกอย่างคือ การได้พูดคุยกับเลขาธิการยูเอ็น และประธานสมัชชาใหญ่ยูเอ็น เน้นสร้างความเข้าใจ และอธิบายประเด็นปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับประเทศ อาทิ ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา

“แม้เรายึดมั่นช่องทางเจรจาทวิภาคี ในทางปฏิบัติเราต้องเข้าไปชี้แจงนานาชาติ และเราได้ทำอย่างต่อเนื่อง และชัดเจนมาโดยตลอด” เชิดชาย กล่าว และแนะว่า การที่ทูตต้องมานำการตัดสินใจของรัฐบาล ปัญหากับเพื่อนบ้านต้องแก้ไขบนโต๊ะเจรจา ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากสิ่งที่เกิดขึ้นค่อนข้างซับซ้อน การแก้ไขปัญหาจึงต้องใช้เวลา

ไทยในเวทีโลก

เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรแนะว่าหากไทยจะสร้างผลกระทบเชิงบวกให้กับโลก คุณภาพนโยบายในประเทศต้องมาก่อน

“นักการทูตเหมือนเป็นเซลส์ นำเรื่องดีๆ ของไทยไปขายใน ตปท. ไปต่อยอดในเวทีระหว่างประเทศ แต่เราจะทำอย่างงั้นได้ เราต้องมีคุณภาพก่อน อย่างเช่น ถ้าเราจะช่วยพัฒนาการศึกษาประเทศที่สาม การศึกษาบ้านเราต้องดีก่อน”

อย่างไรก็ดี ประเทศไทยนั้นมีอุตสาหกรรมหลายอย่างที่สร้างชื่อเสียงให้ประเทศ เช่น อาหาร และสาธารณสุข ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลบวกต่อการค้าการลงทุน และการท่องเที่ยวไทย

สิ่งสำคัญอีกอย่างที่ทำให้ไทยยังอยู่ในสายตาโลกคือ การสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้นกับความมั่นคงของประเทศ เช่น  การชี้แจงปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ด้วยหลักฐาน และข้อเท็จจริง งานประชุมยูเอ็นจีเอครั้งที่ 80 นี้ ถือเป็นโอกาสสำคัญที่ไทยได้มาชี้แจง และเน้นย้ำให้ชัดถึงปัญหาต่างๆ และอัปเดตสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง

“เราไม่ได้เดินตามเกม เราทำตามหลักการ เราไม่สามารถคาดเดาได้เลยว่าเพื่อนบ้านจะพูดอะไรในวันข้างหน้า อะไรที่สมเหตุสมผลเราต้องพูด และอะไรที่ไม่สมเหตุสมผลก็ยิ่งต้องพูด การประชุมนี้จึงเป็นโอกาสที่ดีของไทยอีกโอกาสหนึ่ง” ทูตย้ำ

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์   ศิลาวงษ์