ทูตอังกฤษเปิดทำเนียบพบสื่อ ฉลอง 170 ปีสัมพันธ์การทูต l Worl Pulse

เจอกันเป็นประจำทุกปี งานเลี้ยงสื่อมวลชนและอินฟลูเอนเซอร์ โดยมาร์ค กูดดิ้ง เอกอัครราชทูตอังกฤษประจำประเทศไทย แต่ปีนี้พิเศษตรงที่เป็นปีเฉลิมฉลองในโอกาสครบรอบ 170 ปีความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างสหราชอาณาจักรและไทย
ค่ำคืนวันที่ 23 ก.ย. ทูตมาร์ค เปิดทำเนียบไพรเวทเรสซิเดนซ์ริมแม่น้ำเจ้าพระยาให้สื่อมวลชนและอินฟลูเอนเซอร์ไทยเทศหลายสิบชีวิตได้พบปะพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นอย่างเป็นกันเอง เปิดฉากด้วยวีดิทัศน์บอกเล่าความสัมพันธ์อันยาวนานระหว่างสองประเทศตั้งแต่ระดับราชวงศ์จนถึงระดับประชาชน การเป็นประเทศที่ปกครองในระบอบประชาธิปไตยระบบรัฐสภาและส่งเสริมความหลากหลายเหมือนๆ กัน ประจักษ์พยานสำคัญอันหนึ่งคือการที่ประเทศไทยมีกฎหมายสมรสเท่าเทียมเช่นเดียวกับในอังกฤษ โดยเป็นประเทศแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ทูตมาร์คย้ำว่า ปีนี้สถานทูตอังกฤษจัดกิจกรรมเฉลิมฉลองหลายอย่าง ที่เป็นไฮไลท์คือกิจกรรมโรดโชว์ทั่วประเทศเน้นเรื่องราวความสัมพันธ์ไทย–สหราชอาณาจักรในมิติต่างๆ เริ่มที่ จ.ภูเก็ต จ.กระบี่ และสุราษฎร์ธานีระหว่างวันที่ 28–30 เม.ย. 2568 โรดโชว์ครั้งที่ 2 ระหว่างวันที่ 21-22 ก.ค.2568 จัดขึ้นที่ภาคตะวันออก จ.ระยองและชลบุรี ที่นี่เองท่านทูตได้พบกับ “หมูเด้ง” ฮิปโปแคระสายพันธุ์เดียวกับ “แฮกกิส” ที่สวนสัตว์เอดินบะระในสกอตแลนด์ สะท้อนถึงการให้ความสำคัญร่วมกันด้านการอนุรักษ์ และหลังจากนี้อีกไม่กี่วันก็ถึงคิวโรดโชว์ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ระหว่างวันที่ 28 ก.ย.-1 ต.ค. แฟนคลับอังกฤษที่บุรีรัมย์ นครราชสีมา ขอนแก่นรอต้อนรับทูตมาร์คและทีมงานได้เลย
แนะนำกิจกรรมเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 170 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตเสร็จแล้ว เอกอัครราชทูตอังกฤษแนะนำเจ้าหน้าที่คนใหม่ให้สื่อมวลชนและอินฟลูเอนเซอร์ได้รู้จัก เธอคือ "แคลร์ เจนนส์" หัวหน้าแผนกสื่อสาร สถานเอกอัครราชทูตอังกฤษ สาวสวยปรากฏกายในชุดไทยห่มสไบสีน้ำเงินที่เจ้าตัวบอกว่า “ชอบมาก” แถมเธอยังพูดภาษาไทยได้ดีมาก สอบถามได้ความว่า แคลร์เกิดและเติบโตที่เมืองไทยจนอายุได้ 11 ปี จึงไปใช้ชีวิตที่อังกฤษ ตอนนี้ได้เวลากลับมาทำงานที่เมืองไทย ในเมื่อแคลร์รักความเป็นไทยขนาดนี้เชื่อว่าการทำงานกับสื่อมวลชนจะราบรื่นไร้รอยต่อมากยิ่งขึ้นไปอีก
เสร็จจากกิจกรรมภาคพิธีการเข้าสู่ช่วงสนุกสานด้วยการเปิดให้แขกผู้ร่วมงานแข่งกันตอบคำถามในธีม 170 ปีความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-สหราชอาณาจักร สังเกตอาการผู้สื่อข่าวหลายคนเห็นคำถามแล้วอยากเขกหัวตัวเองที่สมัยเป็นนักเรียนไม่ตั้งใจเรียนวิชาสังคมศึกษา ประวัติศาสตร์ ตัวอย่างคำถามเช่น
สถานกงสุลอังกฤษแห่งแรกในสยามสร้างขึ้นในปีใด, จงบอกชื่อของสนธิสัญญาที่เป็นจุดเริ่มต้นความสัมพันธ์ระหว่างสหราชอาณาจักรและไทยอย่างเป็นทางการ, จงบอกชื่อจริงของนาฬิกาบิ๊กเบน หลายข้อพอเดาได้
ที่ยากขึ้นมาหน่อย เช่น นักการทูตอังกฤษคนใดทำงานให้กับสถานกงสุลอังกฤษในสยาม และต่อมาดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาส่วนพระองค์ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว? จงบอกชื่อเรือที่นำพระราชสาส์นจากพระเจ้าเจมส์ที่ 1 ถึงพระเจ้ากรุงศรีอยุธยาในปี ค.ศ. 1612 ซึ่งถือเป็นการติดต่ออย่างเป็นทางการครั้งแรกระหว่างสหราชอาณาจักรและประเทศไทย
คำถามแนวบันเทิงก็มีอย่าง เจมส์ บอนด์ภาคไหนถ่ายทำในประเทศไทย, รายการทำอาหารของอังกฤษรายการใดที่ถูกนำมาดัดแปลงเป็นภาษาไทย? ภาพยนตร์เรื่องใดที่สถานทูตอังกฤษนำมาฉายเพื่อเฉลิมฉลอง 170 ปีความสัมพันธ์ทางการทูต เป็นต้น คำถามหลากหลายแนวสะท้อนความสัมพันธ์สองประเทศในหลากหลายมิติ เหล่าสื่อมวลชนทั้งไทยและต่างชาติทุ่มเทเล่นเกมอย่างเอาจริงเอาจัง ผลปรากฏว่า ผู้คว้ารางวัลที่ 1 ตอบคำถามได้คะแนนสูงสุดคือ ศักดิ์สิทธิ์ ไสยสมบัติ จาก Channel News Asia สื่อแถวหน้าของสิงคโปร์ ส่วน World Pulse หมายมาดในใจ ปีหน้าจะเตรียมอ่านหนังสือประวัติศาสตร์ก่อนไปร่วมงาน รางวัลที่ 1 ต้องตกเป็นของเราแน่ๆ
สนุกสนานเฮฮากันจนได้เวลาพอสมควรถึงเวลาร่ำลาแยกย้ายกลับบ้าน งานเลี้ยงจบแต่ความสัมพันธ์สองประเทศไม่เคยจบ 170 ปีเป็นเพียงแค่อีกหนึ่งหมุดหมาย แท้จริงแล้วความสัมพันธ์ไทย-สหราชอาณาจักรยืนนานชั่วนิจนิรันดร์







