สรุปถ้อยแถลง ‘พาวเวลล์‘ เตือนเศรษฐกิจสหรัฐ เผชิญ 2 ความเสี่ยง

สรุปถ้อยแถลง ‘พาวเวลล์’ เตือนเศรษฐกิจสหรัฐ เผชิญ 2 ความเสี่ยงหวั่นตลาดแรงงานชะลอ กังวลภาษีทรัมป์ดันเงินเฟ้อพุ่ง พร้อมปัดข้อหาทำนโยบายเพื่อการเมือง ชี้ความเชื่อมั่นกำลังสั่นคลอน
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานถ้อยแถลงของนาย “เจอโรม พาวเวลล์” ประธานธนาคารกลางสหรัฐหรือ เฟด แสดงความกังวลต่อตลาดแรงงานและอัตราเงินเฟ้อกำลังเผชิญกับ “ความเสี่ยง” พร้อมย้ำว่าการตัดสินใจลดดอกเบี้ยในอนาคตเป็นเรื่องที่ท้าทาย
นักลงทุนทั่วโลกจับตาการกล่าวสุนทรพจน์ต่อหอการค้าเกรตเตอร์พรอวิเดนซ์ที่รัฐโรดไอแลนด์วานนี้ (23 ก.ย.68) โดยพาวเวลล์ กล่าวว่า "ความเสี่ยงระยะสั้นของภาวะเงินเฟ้อมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ในขณะที่ความเสี่ยงเรื่องการจ้างงานมีแนวโน้มแย่ลง ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่ท้าทาย" และย้ำว่า "ความเสี่ยงที่เกิดขึ้นพร้อมกันทั้งสองด้านนี้ หมายความว่าไม่มีเส้นทางไหนที่ไม่เสี่ยงเลย"
ทั้งนี้ พาวเวลล์ไม่ได้ส่งสัญญาณใดๆ ว่าเขาจะสนับสนุนการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเฟดครั้งถัดไปในเดือนต.ค.หรือไม่
หวั่นตลาดงานชะลอตัว
ข้อมูลล่าสุด และที่แก้ไขก่อนหน้านี้บ่งชี้ว่า การสร้างงานในสหรัฐชะลอตัวลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งเฟดกำลังประเมินสถานการณ์อยู่ สถานการณ์นี้มีความซับซ้อนมากขึ้น เนื่องจากอุปทานแรงงานลดลง ท่ามกลางนโยบายตรวจคนเข้าเมืองที่เข้มงวดขึ้นของประธานาธิบดี “โดนัลด์ ทรัมป์”
เฟดกังวล 'ภาษีทรัมป์' ทำให้เงินเฟ้อพุ่ง
พาวเวลล์ เปิดเผยว่า เฟดจะต้องจับตาดูผลกระทบจาก "ภาษี" อย่างใกล้ชิด เพราะอาจส่งผลให้เกิดภาวะเงินเฟ้อต่อเนื่องได้ แม้ว่าการขึ้นราคาสินค้าที่ผ่านมาส่วนใหญ่จะเป็นผลมาจากภาษีศุลกากร และแม้ว่าจะเป็นผลกระทบที่เกิดขึ้นเพียง "ครั้งเดียว" ก็ตาม
ด้าน โอเรน คลาชกิน นักเศรษฐศาสตร์จากเนชั่นไวด์ ให้ความเห็นว่า พาวเวลล์ไม่ได้มีท่าที "ผ่อนคลาย" อย่างที่ตลาดคาดหวังไว้ แต่ยังคงมองว่าภาษีศุลกากรเป็นเพียงปัจจัยที่ทำให้ราคาสินค้าปรับตัวขึ้นแค่ครั้งเดียวเท่านั้น ซึ่งเป็นสัญญาณว่าเฟดอาจยังคงดำเนินนโยบายผ่อนคลายต่อไปได้
‘ความเชื่อมั่น’ เศรษฐกิจทั่วโลกถูกท้าทาย
พาวเวลล์ ชี้ว่าวิกฤติการเงินในปี 2008 และการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้ทิ้งรอยแผลเป็นไว้ "ซึ่งจะอยู่กับเราไปอีกนาน" และกล่าวทิ้งท้ายว่า "ในระบอบประชาธิปไตยทั่วโลก ความเชื่อมั่นของประชาชนที่มีต่อสถาบันทางเศรษฐกิจ และการเมืองกำลังถูกท้าทาย...พวกเราที่เป็นหน่วยงานของรัฐในเวลานี้ จำเป็นต้องมุ่งมั่นอย่างเต็มที่ในการทำภารกิจสำคัญให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ ท่ามกลางคลื่นลม และพายุที่รุนแรง"
หลังการกล่าวสุนทรพจน์ พาวเวลล์ได้ตอบคำถามถึงสถานการณ์การเมืองที่กำลังตึงเครียด และปฏิเสธข้อกล่าวหาว่าเฟดตัดสินใจนโยบายโดยมีเรื่องการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง
"เรากำลังพิจารณาว่าอะไรคือ สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับประชาชน ส่วนใหญ่แล้ว คนที่กล่าวหาว่าเราเล่นการเมือง ก็เป็นแค่การโจมตีเสียดสีเท่านั้น"
คาดปีนี้ เฟดลดดอกเบี้ยอีก 2 ครั้ง
ถ้อยแถลงของนายพาวเวลล์ครั้งนี้ สอดคล้องกับสิ่งที่เคยแถลงไว้เมื่อวันที่ 17 ก.ย.68 ที่ผ่านมา หลังจากที่คณะกรรมการนโยบายการเงินของเฟดได้ ปรับลดอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงลงมาอยู่ที่ 4%-4.25% ซึ่งถือเป็นการลดครั้งแรกในปี 2568 โดยนายพาวเวลล์ได้กล่าวถึงการตัดสินใจในครั้งนี้ว่าเป็น "การปรับลดเพื่อบริหารความเสี่ยง" เพื่อรับมือกับสัญญาณเตือนที่เพิ่มขึ้นในตลาดแรงงาน
จากการคาดการณ์ล่าสุดในรายงาน Dot Plot ผู้กำหนดนโยบายส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าจะมีการลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมอีก 2 ครั้งในปี 2568 โดยจะลดลงครั้งละ 0.25% ขณะที่บางส่วนมองว่าควรลดดอกเบี้ยอีกเพียงครั้งเดียว หรือไม่ลดเลยในปีนี้ ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อยังคงสูงกว่าเป้าหมาย 2% ที่เฟดตั้งไว้
ในขณะที่ตลาดกำลังจับตาดูท่าทีของเฟด เจ้าหน้าที่เฟดบางรายเริ่มแสดงความกังวลต่อตลาดแรงงานที่อ่อนแอลง และเรียกร้องให้มีการลดดอกเบี้ยอย่างเด็ดขาด
มิเชลล์ โบว์แมน กรรมการเฟดกล่าววานนี้ (23 ก.ย.68) ว่า เจ้าหน้าที่ควรดำเนินการอย่างเด็ดขาดในการลดอัตราดอกเบี้ย เนื่องจากตลาดแรงงานกำลังชะลอตัว และเตือนว่าการไม่ดำเนินการใดๆ อาจทำให้เศรษฐกิจตกต่ำได้
ขณะที่สตีเฟน มิแรน กรรมการคนใหม่ล่าสุดของเฟดที่ทรัมป์เพิ่งแต่งตั้ง แสดงมุมมองเชิงรุกโดยเรียกร้องให้มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างมากในช่วงที่เหลือของปีนี้
ทั้งโบว์แมน และมิแรนต่างได้รับการแต่งตั้งจากทรัมป์ ซึ่งเคยกดดันให้พาวเวลล์ ลดอัตราดอกเบี้ยอย่างหนัก และก่อนหน้านี้ ทรัมป์ได้สั่งปลด “ลิซา คุก” ผู้ว่าการเฟด ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และได้นำไปสู่คำตัดสินของศาลฎีกาที่ส่งผลกระทบต่อความเป็นอิสระของเฟดในการดำเนินนโยบายการเงินโดยปราศจากอิทธิพลทางการเมือง
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์







