4 ชาติตะวันตกยอมรับรัฐปาเลสไตน์ อิสราเอลโต้ให้รางวัลก่อการร้าย

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงาน สี่ชาติตะวันตกอันประกอบด้วยอังกฤษ แคนาดา ออสเตรเลีย และโปรตุเกส ยอมรับรัฐปาเลสไตน์ เมื่อวันอาทิตย์ (21 ก.ย.) ร่วมวงกับอีกกว่า 140 ประเทศ ที่สนับสนุนความฝันอยากมีประเทศอิสระของชาวปาเลสไตน์ไม่ใช่เป็นแค่ดินแดนที่ถูกยึดครองซึ่งการตัดสินใจของอังกฤษนั้นมีความหมายในเชิงสัญลักษณ์อย่างมาก เนื่องจากอังกฤษมีบทบาทสำคัญในการก่อตั้งอิสราเอลในฐานะรัฐชาติสมัยใหม่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2

นายกรัฐมนตรีเคียร์ สตาร์เมอร์ ระบุ

“วันนี้ เพื่อฟื้นความหวังแห่งสันติภาพสำหรับชาวปาเลสไตน์และอิสราเอล และแนวทางแก้ปัญหาสองรัฐ สหราชอาณาจักรจึงให้การรับรองรัฐปาเลสไตน์อย่างเป็นทางการ”

"วิกฤตการณ์ด้านมนุษยธรรมที่เกิดจากฝีมือมนุษย์ในฉนวนกาซารุนแรงถึงที่สุดการโจมตีอย่างไม่หยุดยั้งและหนักข้อขึ้นเรื่อยๆ ของรัฐบาลอิสราเอลต่อฉนวนกาซา การรุกคืบในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ความอดอยากและความเสียหาย ล้วนเป็นสิ่งที่ไม่อาจทนรับได้อย่างสิ้นเชิง"

คาดว่าชาติอื่นๆ เช่น ฝรั่งเศส จะทำแบบเดียวกันในสัปดาห์นี้ที่การประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติในนิวยอร์ก

ด้านนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮูของอิสราเอล ประณามการเคลื่อนไหวดังกล่าว

“ผมขอส่งสารชัดเจนไปถึงผู้นำเหล่านั้นที่ยอมรับรัฐปาเลสไตน์หลังการสังหารหมู่อย่างโหดเหี้ยมเมื่อวันที่ 7 ต.ค. คุณกำลังให้รางวัลก้อนใหญ่กับลัทธิก่อการร้าย”

“และผมขอบอกคุณอีกอย่าง มันจะไม่เกิดขึ้น รัฐปาเลสไตน์จะไม่ได้ก่อตั้งทางตะวันตกของแม่น้ำจอร์แดน”

เนทันยาฮูอ้างถึงการที่ฮามาส กลุ่มติดอาวุธปาเลสไตน์บุกเข้าไปโจมตีอิสราเอลในปี 2023 ทำให้เกิดสงครามในกาซาที่ยืดเยื้อมาเกือบสองปี

ตัวเลขจากฝ่ายอิสราเอล การโจมตีของฮามาสครั้งนั้นคร่าชีวิตประชาชน 1,200 คน จับไปเป็นตัวประกันอีก 251 คน

ขณะที่ตัวเลขจากหน่วยงานสาธารณสุขกาซาเผยว่า การระดมโจมตีของอิสราเอลในกาซา คร่าชีวิตชาวปาเลสไตน์ไปกว่า 65,000 คน ส่วนใหญ่เป็นพลเรือน เกิดความอดอยากหิวโหยเป็นวงกว้าง บ้านเรือนส่วนใหญ่ถูกทำลาย ประชากรส่วนใหญ่พลัดที่นาคาที่อยู่ ต้องอพยพโยกย้ายหลายครั้ง

• ฮามาสยินดี

 ฮามาสยินดีกับความเคลื่อนไหวดังกล่าว แต่กล่าวว่าต้องมาพร้อมกับ “มาตรการที่ปฏิบัติได้จริง” เพื่อยุติสงครามในกาซาและป้องกันไม่ให้อิสราเอลผนวกเวสต์แบงก์

ด้านประธานาธิบดีมาห์มุด อับบาสของปาเลสไตน์ กล่าวว่า การยอมรับจะช่วยปูทางให้กับ “รัฐปาเลสไตน์ที่ดำรงอยู่เคียงข้างรัฐอิสราเอลอย่างมั่นคง สันติ และเป็นเพื่อนบ้านที่ดี”

นายกฯ สตาร์เมอร์ทำหนังสือถึงอับบาสยืนยันการตัดสินใจของอังกฤษ แจ้งว่า รัฐบาลลอนดอนเคยสนับสนุนมาตุภูมิของชาวยิวในปี 1917 พร้อมๆ กับให้คำมั่นปกป้องสิทธิของชุมชนที่ไม่ใช่ชาวยิวด้วย

ที่ผ่านมารัฐบาลชาติตะวันตกถูกกดดันอย่างหนักจากหลายฝ่ายและประชาชนผู้โกรธเกรี้ยวที่ยอดผู้เสียชีวิตในกาซาเพิ่มขึ้นทุกที ภาพเด็กอดอยาก และการที่รัฐของตนไม่สามารถควบคุมอิสราเอลได้ กระนั้นยังคงจัดหาอาวุธให้ต่อไป

นายกรัฐมนตรีมาร์ก คาร์นีย์ กล่าวขณะประกาศการตัดสินใจของแคนาดาว่า จะเป็นการเพิ่มพลังให้กับคนที่ต้องการแสวงหาการอยู่ร่วมกันอย่างสันติและปิดฉากฮามาส

“นี่ไม่ใช่การสร้างความชอบธรรมหรือให้รางวัลแก่ลัทธิก่อการร้าย” คาร์นีย์เสริม

เปาโล แรงเกล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศโปรตุเกส กล่าวกับผู้สื่อข่าวที่สำนักงานใหญ่สำนักงานตัวแทนถาวรของโปรตุเกสแห่งสหประชาชาติในนิวยอร์กว่า การยอมรับนี้เป็น “แนวทางพื้นฐานของนโยบายต่างประเทศโปรตุเกส”

“โปรตุเกสสนับสนุนแนวทางสองรัฐเป็นหนทางเดียวที่จะนำไปสู่สันติภาพอันยุติธรรมและยั่งยืนการหยุดยิงเป็นเรื่องเร่งด่วน” รมว.ต่างประเทศโปรตุเกสระบุ

สหรัฐซึ่งเป็นพันธมิตรใกล้ชิดที่สุดของอิสราเอลยังไม่มีความเห็นเรื่องที่สามพันธมิตรยอมรับรัฐปาเลสไตน์ แต่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เคยกล่าวก่อนหน้านี้ว่าเขาคัดค้าน

• บทบาทประวัติศาสตร์ของอังกฤษ

ทหารอังกฤษยึดเยรูซาเล็มจากอาณาจักรออตโตมันได้ในปี 1917 ต่อมาในปี 1922 สันนิบาตชาติให้อำนาจอังกฤษบริหารปาเลสไตน์ระหว่างการทำข้อตกลงหลังสงครามที่วาดแผนที่ตะวันออกกลางใหม่

แมนดี ดามารี หญิงชาวอังกฤษ แม่ของเอมิลี ดามารี ตัวประกันชาวอิสราเอลเชื้อสายอังกฤษที่ได้รับการปล่อยตัวมาแล้ว กล่าวกับรอยเตอร์เมื่อวันอาทิตย์ว่า สตาร์เมอร์ตกอยู่ภายใต้ “ภาพลวงตาสองรัฐ” เนื่องจากฮามาสยังเป็นรัฐบาลแห่งฉนวนกาซา ภารกิจของฮามาสคือทำลายล้างอิสราเอล

“เขากำลังให้รางวัลแก่ฮามาสสำหรับการโจมตีอิสราเอลอย่างป่าเถื่อนและโหดร้ายในวันที่ 7 ตุลาคม ในขณะที่ตัวประกันยังไม่กลับมา สงครามยังไม่สิ้นสุด และฮามาสยังคงมีอำนาจในฉนวนกาซา” ดามารีกล่าว

ฮูแซม ซอมลอต หัวหน้าคณะตัวแทนปาเลสไตน์ประจำสหราชอาณาจักร ดูการประกาศยอมรับรัฐปาเลสไตน์ของอังกฤษโดยสตาร์เมอร์ผ่านทางโทรศัพท์มือถือ ตอนนี้สำนักงานของเขาที่กรุงลอนดอนกลายเป็นสถานทูตปาเลสไตน์ไปแล้ว ผู้คนดีอกดีใจเข้าสวมกอดกัน

“วันนี้คือช่วงเวลาที่นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักรและรัฐบาลอังกฤษในนามของประชาชนยืนหยัดเอ่ยคำ ‘เราต้องแก้ไขประวัติศาสตร์ เราต้องแก้ไขสิ่งผิด’” ซอมลอตกล่าว