จีนลั่นขยายสัมพันธ์ทางทหาร ประณาม ‘กฎแห่งป่า’

จีนลั่นขยายสัมพันธ์ทางทหาร ประณาม ‘กฎแห่งป่า’

จีนจัดประชุมใหญ่ด้านกลาโหมในช่วงที่ภูมิภาคเอเชียกำลังตึงเครียด เจ้าหน้าที่ระดับสูงประกาศขยายความร่วมมือทางทหารกับประเทศอื่นๆ พร้อมเตือนห้ามใช้ “กฎแห่งป่า” ในกิจการระหว่างประเทศ

เว็บไซต์นิกเคอิเอเชียรายงาน การประชุมปักกิ่งเซียงชานฟอรัม ที่เปิดฉากขึ้นเมื่อวันพุธ (17 ก.ย.) ตามเวลาท้องถิ่น เป็นอีกหนึ่งโอกาสทางการทูตของจีนหลังเพิ่งจัดงานใหญ่ไปเมื่อไม่กี่วันก่อน ทั้งการประชุมผู้นำองค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้ (เอสซีโอ) ที่นครเทียนจิน และพิธีสวนสนามเมื่อวันที่ 3 ก.ย. ที่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ต้อนรับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินของรัสเซีย, คิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือ และแขกต่างชาติอื่นๆ อีกจำนวนมาก ทั้งยังเกิดขึ้นหลังเหตุชุลมุนรอบใหม่ในทะเลจีนใต้เมื่อวันพุธ (17 ก.ย.) เมื่อเรือยามชายฝั่งของจีนฉีดน้ำขับไล่เรือฟิลิปปินส์ออกจากสันดอนสการ์โบโรห์ที่ต่างฝ่ายต่างอ้างกรรมสิทธิ์

 

ในงานเลี้ยงผู้ร่วมประชุมเมื่อเย็นวันพุธ นายพลจาง โย่วเสีย รองประธานคณะกรรมาธิการทหารกลาง (ซีเอ็มซี) ย้ำว่า พิธีสวนสนาม 3 ก.ย. แสดงถึงอำนาจทางทหารอันแข็งแกร่งของจีน เมื่อขยายความสัมพันธ์กับนานาประเทศ รัฐบาลปักกิ่งจะแก้ไขภัยคุกคามและความท้าทายใหม่ๆ และหวัง “เพิ่มเสถียรภาพให้กับโลกที่ผันผวนเปลี่ยนแปลง” ได้

ในวันเดียวกันนั้น จางยังได้หารือทวิภาคีกับชาน ชุนซิง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสิงคโปร์ ทั้งสองตอกย้ำถึงความมุ่งมันให้กองทัพมีปฏิสัมพันธ์กันบ่อยๆ รวมถึงการพบปะพูดคุยในระดับทวิภาคี พหุภาคี กระชับความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนกับประชาชนให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น

ล่วงเข้าวันพฤหัสบดี (18 ก.ย.) ตง จุน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเป็นอีกหนึ่งคนที่เรียกร้องให้โลกเป็นเอกภาพ ขณะที่ปักกิ่งต้องการฉายภาพตนเองเป็นผู้เล่นที่รับผิดชอบตรงข้ามกับรัฐบาลวอชิงตันที่คาดการณ์ไม่ได้ จีนลั่นขยายสัมพันธ์ทางทหาร ประณาม ‘กฎแห่งป่า’

“การแทรกแซงทางทหารจากภายนอก การแสวงหาอิทธิพล และบีบบังคับให้ผู้อื่นเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง จะทำให้ชุมชนระหว่างประเทศเกิดความโกลาหล” ตงกล่าว และโจมตีสหรัฐอย่างแนบเนียน

“การหมกมุ่นอยู่กับความแข็งแกร่งทางทหารที่เหนือกว่า และแนวทาง ‘อำนาจคือความถูกต้อง’ จะนำไปสู่โลกที่แตกแยกเพราะการปกครองโดยกฎแห่งป่าและความไร้ระเบียบ"

รายงานของสถาบันวิจัยแคนาดา “Conference of Defense Associations” ชี้ว่า การประชุมเซียงชานฟอรัมเป็นโอกาสให้จีนกระชับสัมพันธ์กับกลุ่มประเทศโลกใต้ (Global South) ขยายเรื่องราวต่อต้านอเมริกา รุกคืบโครงการริเริ่มด้านนโยบายต่างประเทศในฐานะผู้นำโลก

“การทำเช่นนี้ปักกิ่งพยายามค่อย ๆ แทนที่ระเบียบระหว่างประเทศในปัจจุบันแล้วนำเสนอทางเลือกอื่น ๆแทน” รายงานระบุ

แต่กองทัพจีนก็กำลังถูกจับตาด้วยเมื่อเจ้าหน้าที่ระดับสูงถูกปลด ตามมาตรการปราบปรามทุจริตอย่างต่อเนื่อง

สัปดาห์ก่อนคณะกรรมการถาวรสภานิติบัญญัติจีนเพิ่งปลดหวัง ชุนหนิง ผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ, หวัง จื่อปิน หัวหน้าฝ่ายวินัยกองกำลังจรวด, จาง หลิน หัวหน้าแผนกสนับสนุนด้านโลจิสติกส์ภายใต้ซีเอ็มซี และเกา ต้ากวงผู้บัญคับการฝ่ายการเมืองกองกำลังสนับสนุนด้านโลจิสติกส์ร่วมของซีเอ็มซี

ก่อนหน้านั้นจีนเพิ่งปลดเหมียว ฮัว เสนาธิการกองทัพเรือ กองทัพปลดแอกประชาชนจีน อดีตหัวหน้าเก่าของตง ส่วนเหอ เว่ยตง เพื่อนร่วมงานในซีเอ็มซีก็หายหน้าไปตั้งแต่เดือน มี.ค.

ทั้งนี้ การประชุมเซียงชานเริ่มต้นในปี 2006 ปีนี้จัดขึ้นเป็นเวลาสามวันประกอบด้วยการประชุมใหญ่สี่รายการ, การสนทนาระดับสูง และการสัมนานายทหารรุ่นใหม่และนักวิชาการ