รู้จัก‘การทูตเทียรา’ รัฐบาลอังกฤษใช้งานกษัตริย์หวังผลการค้า

โดนัลด์ ทรัมป์ เป็นประธานาธิบดีสหรัฐคนแรกที่ได้เยือนสหราชอาณาจักรอย่างเป็นทางการถึงสองครั้ง สิ่งนี้ไม่เคยเกิดขึ้นกับบิล คลินตัน, จอร์จ ดับเบิลยูบุช หรือโรนัลด์ เรแกน ผู้เป็นประธานาธิบดีสองสมัยเหมือนกันและมีความสัมพันธ์ที่ดีกับนายกรัฐมนตรีอังกฤษในเวลานั้น
เว็บไซต์ซีเอ็นบีซีรายงานว่า เกียรติยศที่ทรัมป์ได้เปิดโอกาสให้สหรัฐและสหราชอาณาจักรกระชับสัมพันธ์การค้าและธุรกิจระหว่างกัน โดยในวันที่ทรัมป์ประกาศ “วันปลดแอก” เก็บภาษีทั่วโลกเมื่อวันที่ 2 เม.ย. สหราชอาณาจักรโดนเล่นงานเบากว่าประเทศอื่น
บ่อยครั้งที่สหราชอาณาจักรใช้ซอฟต์พาวเวอร์ของกษัตริย์เชิญผู้นำประเทศที่อยากกระชับสัมพันธ์การค้าให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้นมาเยือนอย่างเป็นทางการ
สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ผู้ล่วงลับทรงต้อนรับประมุขของรัฐมาแล้วมากมาย เช่น ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน, ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินของรัสเซีย, กษัตริย์ซาอุดีอาระเบียหลายพระองค์ และประธานาธิบดีฝรั่งเศสหลายคน ส่วนสมเด็จพระเจ้าชาลส์ที่ 3 ผู้ทรงราชย์มาสามปี ทรงต้อนรับประธานาธิบดีแอฟริกาใต้, ฝรั่งเศส เกาหลีใต้, สมเด็จพระจักรพรรดิญี่ปุ่น และเจ้าผู้ครองนครกาตาร์
ดังนั้น “การทูตเทียรา” จึงไม่ใช่เรื่องใหม่ เพียงแต่ว่าด้วยเศรษฐกิจของสหราชอาณาจักรที่ซบเซา ดูเหมือนว่าการเยือนครั้งนี้จะยิ่งมีความหมายมากขึ้นไปอีก และการที่ทรัมป์มีแม่เกิดในสกอตแลนด์และรักสหราชอาณาจักรย่อมช่วยได้มาก แตกต่างจากโจ ไบเดนและบารัก โอบามา
นี่เป็นโอกาสอันยากจะหาในการชนะใจทรัมป์ ในช่วงที่การค้าและการทูตขึ้นอยู่กับประธานาธิบดีสหรัฐอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนในรอบหลายสิบปี
ในช่วงหลังการค้าและการลงทุนเป็นองค์ประกอบสำคัญยิ่งของการเยือนอย่างเป็นทางการ การเยือนของสีในเดือน ต.ค.2015 มีการลงนามข้อตกลงธุรกิจมูลค่าราว 4 หมื่นล้านปอนด์ (5.5 หมื่นล้านดอลลาร์) ประธานาธิบดีจีนร่วมเวทีประชุมผู้นำการลงทุนที่แมนชันเฮาส์กับนายกรัฐมนตรีเดวิด คาเมรอน
ทั้งคู่ยังไปเยี่ยมชมผับ The Plough ที่ Cadsden ใน Buckinghamshire ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับ Chequers บ้านพักในชนบทของนายกรัฐมนตรีอังกฤษ โดยที่สีดื่มเบียร์อินเดีย(Indian Pale Ale) “กรีนคิง” หนึ่งพินท์ที่นั่น นับตั้งแต่นั้นนักท่องเที่ยวจีนก็แห่กันมาเที่ยวผับThe Plough ขณะที่เบียร์กรีนคิง ถูกบริษัทซีเคแอสเสทโฮลดิง ของลี กาชิง ผู้ร่ำรวยที่สุดในฮ่องกง ซื้อไปในปี 2019 ด้วยวงเงิน 4.6 พันล้านปอนด์
และหลายครั้งที่การมาเยือนของผู้นำต่างชาติเป็นการสนับสนุนการลงทุนของอังกฤษในต่างแดนมากกว่า เช่น ในปี 2016 ควีนทรงต้อนรับประธานาธิบดีฮวน มานูเอล ซานโสต เดอ แคลเดอรอนของโคลอมเบีย แม้มีการลงนามในข้อตกลงหลายฉบับลดภาษีให้กับบริษัทที่ลงทุนในทั้งสองประเทศ แต่หัวใจสำคัญอยู่ที่การประกาศเงินทุน 1 พันล้านปอนด์สนับสนุนบริษัทอังกฤษที่เข้าไปทำโครงการพลังงานและเฮลธ์แคร์ในโคลอมเบีย
กระนั้น บางครั้งการค้าการลงทุนก็เป็นรองการทูต อย่างการเยือนอย่างเป็นทางการของประธานาธิบดีเอ็มานูเอล มาครงแห่งฝรั่งเศส เมื่อเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นผู้นำทางการเมืองคนแรกของอียูที่มาเยือนนับตั้งแต่สหราชอาณาจักรออกจากอียู (กษัตริย์และราชินีเนเธอร์แลนด์มาเยือนในปี 2018) นั่นคือความพยายามปรับสัมพันธ์หลังจากประธานาธิบดีฝรั่งเศสถูกอดีตนายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสันและลิซ ทรัสส์ต่อต้าน ทรัสส์ถึงกับคาดเดาต่อสาธารณะว่ามาครงเป็น “มิตรหรือศัตรู” ของอังกฤษกันแน่
การเยือนของทรัมป์ครั้งนี้ส่วนใหญ่เป็นเรื่องการค้า และดูเหมือนว่าจะมีดีลใหญ่มากๆ ด้วย สอดคล้องกับสิ่งที่ทรัมป์พูดเสมอว่า อะไรก็ตามที่เขาทำ ต้อง “ใหญ่ที่สุดและดีที่สุด”







